Entertainment

“บทเพลงบรรเลงฆาตกรรม” ชีวิตบนเส้นทางดนตรีของ CHARLES MANSON ฆาตกรสุดเลื่องชื่อ

By: Synthkid September 12, 2019

“Chales Manson” คือชื่อที่คนทั้งโลกจำไม่ลืม เพราะเขาคือฮิปปี้ผู้กลายเป็นศาสดาลัทธิฆาตกรสุดเลื่องชื่อแห่งยุค 60 ชายผู้ชักจูงคนหมู่มากด้วย ‘วาทศิลป์’ ให้กระทำการฆาตกรรม Sharon Tate ดาราสาวดาวฮอลลีวูดแห่งยุค 60 อย่างโหดร้ายทารุณ

เรื่องราวของเขาและ Manson Family ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ และสารคดีอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Helter Skelter (เวอร์ชัน 1976 และ 2004), Manson’s Lost Girls (2004), Charlie Says (2019) รวมไปถึง Once Upon a Time in Hollywood ที่กำลังเข้าโรงอยู่ตอนนี้ก็อ้างอิงคดีความของเขาเช่นกัน และล่าสุด Chales Manson ยังมีบทบาทสำคัญในซีรีส์ Mindhunter Season 2 อีกต่างหาก เรียกได้ว่าเรื่องราวของเขาสามารถหยิบยกมาพูดถึงได้ทุกยุคทุกสมัยแบบไม่มีวันจบสิ้น คุณสามารถอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมของเขาได้เต็ม ๆ ที่นี่ คลิก

เพลงก็เช่นกัน… ก่อนหน้าที่ Chales Manson จะนำบทเพลง Helter Skelter ของ The Beatles มาเปลี่ยนเป็นบทเพลงมรณะ ตีความเนื้อเพลงใหม่ เพื่อปลุกปั่นให้สาวกลุกขึ้นมาทำการฆาตกรรม ชีวิตของฆาตกรเลื่องชื่อผู้นี้ ได้เข้าไปพัวพันกับบุคคลในวงการดนตรีมากมาย และนี่คือสิ่งที่ UNLOCKMEN จะหยิบยกขึ้นมาเล่าให้คุณฟังกันในวันนี้

credit: https://www.cbsnews.com

ย้อนไปเมื่อปี 1967 เขาได้รู้จักกับชายนามว่า Phil Kaufman ในคุก Terminal Island (Manson ถูกจับด้วยข้อหาอื่น ๆ ยังไม่ใช่การฆาตกรรม) โดย Kaufman ได้กล่าวว่า Manson เป็นมือกีตาร์ที่ไม่ได้เรื่อง แต่มีพรสวรรค์ด้านแต่งเพลง และร้องเพลงใช้ได้มากพอที่จะเป็นศิลปิน ก่อน Manson จะถูกปล่อยตัว Kaufman ได้บอกเป็นการส่งท้ายว่าให้รออีกนิด หากเขาถูกปล่อยตัวเมื่อไหร่ จะออกไปทำเพลงด้วยกันอย่างแน่นอน

ใครจะไปรู้ว่าความหวังดีของเขา จะทำให้คนขี้คุกแบบ Manson เริ่มหันหน้าเข้าหาดนตรีจริงจัง และออกใช้ชีวิตร่อนเร่แบบบุปผาชนอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ด้วยวาทศิลป์อันเฉียบขาดกับความสามารถด้านดนตรีทำให้ Chales Manson รวบรวมสาวกได้มากมาย และถือกำเนิดครอบครัว Manson ของเขาขึ้นมาในที่สุด

 

Manson Family

credit: mamamia.com.au/charles-manson-lover/

จริง ๆ แล้ว Kaufman เองได้แนะนำ Gary Stromberg เพื่อนสมัยมหาลัยที่กำลังทำงานในวงการดนตรีให้ Manson ติดต่อไป หลังออกจากคุกได้หนึ่งเดือน Manson ก็ได้ไปพบกับ Stromberg และเคยเกือบจะมีงานเพลงออกมาจริง ๆ! แต่เขากลับไม่มีสมาธิในการทำงาน และไม่มีความเป็นมืออาชีพมากพอ ทำให้ชีวิตของเขาในฐานะศิลปินไม่เคยถือกำเนิดขึ้น

หนึ่งปีต่อมา Kaufman ก็ถูกปล่อยตัว และเริ่มไปมาหาสู่กับครอบครัว Manson โชคดีที่เขาไม่ถูกล้างสมอง และไม่ยอมถวายตัวเข้าเป็นสาวก ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ Manson จึงร้างรากันไปในที่สุด แต่ถึงกระนั้น ในฤดูร้อนปี 1968 Manson ก็มีโอกาสได้รู้จักกับคนในวงการดนตรีอีกครั้ง เขาคือ Dennis Wilson มือกลองวงร็อกยุค 60 ชื่อดังจาก The Beach Boys

 

Dennis Wilson

credit: https://legacyrecordings.com/artists/dennis-wilson/

Dennis ในวัยหนุ่มขึ้นชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิง เขารู้จัก Manson ผ่านสองสาว Patricia Krenwinkel และ Ella Jo Bailey เป็นเรื่องบังเอิญ (หรือเปล่าก็ไม่ทราบ) ที่พวกเธอโบกรถของ Dennis ซ้ำถึงสองครั้ง จนในครั้งที่สองนั้นเองที่ Dennis ตัดสินใจหิ้วสองสาวกลับบ้านตัวเองไปด้วย และนั่นคือครั้งแรกที่เขาได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับ “กูรูดนตรี และผู้นำชุมชนทางจิตวิญญาณ” ที่สองสาวให้ความเคารพศรัทธา ซึ่ง Dennis เองรู้สึกสนใจเรื่องราวของ Manson ตั้งแต่ตอนนั้น

คืนหนึ่ง หลังจากที่ Dennis ทำเพลงในสตูดิโอจนดึกดื่น ระหว่างที่เขากำลังเดินทางกลับบ้าน มือกลองหนุ่มก็ได้พบกับ Chales Manson ตัวจริงเสียงจริงบนถนนเป็นครั้งแรก

 

คลิป Dianne Lake หนึ่งในครอบครัว Manson ผู้ไม่มีส่วนร่วมในการฆาตกรรม

Dianne Lake หนึ่งในสมาชิกครอบครัว Manson ผู้ไม่มีส่วนร่วมกับการฆาตกรรมได้ออกมาเล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า (คลิปวิดีโอด้านบนไม่เกี่ยวกับคำพูดด้านล่างนี้)

“Manson มีความสามารถในการประจบสอพลอคนแปลกหน้า วันนั้น Dennis ไม่ได้รีบร้อนอะไร เขาจึงแวะมาหาพวกเรา สูบกัญชา และนั่งฟังเพลงของ Manson”

ต่อมาความสัมพันธ์ของมือกลองหนุ่มกับ Manson ก็เริ่มแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น Dennis เริ่มเปิดบ้านให้อีกฝ่ายเข้าออกได้ตามอำเภอใจ จนถึงขั้นหอบสาวกเข้ามากินนอนโดยไม่จ่ายค่าเช่าสักแดงเดียว Manson พาหญิงสาวไม่ซ้ำหน้ามาถวายให้ Dennis เพื่อแลกกับการอยู่อาศัยฟรี ๆ โดยเจ้าของบ้านก็แสนใจดี เพราะมีประเคนทั้งเหล้า อาหาร และยาเสพติดให้ไม่เคยขาด Dennis เริ่มพาคนในวงการเพลงมากมายมาแนะนำให้ Manson รู้จัก หนึ่งในนั้นคือ Neil Young ศิลปินชื่อดังชาวแคนาดา

ในปี 1986 Neil Young เคยให้สัมภาษณ์ว่า เพลงของ Manson เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเหมือน หากพูดกันในด้านดนตรี Manson จัดเป็นคนที่มีเอกลักษณ์ เป็นดั่งบทกวีที่มีชีวิต และสิ่งนั้นทำให้ผู้หญิงมากมายพร้อมจะรายล้อมเขาอยู่เสมอ

 

มือกลองหนุ่มก็เห็นในความสามารถทางดนตรีของ Manson เช่นกัน การที่เขาปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน แน่นอนว่าต้องมีเรื่องการทำเพลงเข้ามาเกี่ยว ต่อมา Dennis ได้นำเพลง ‘Cease To Exist’ ที่ Manson แต่งไว้ มาปรับเนื้อ เปลี่ยนชื่อเพลงเป็น ‘Never Learn Not To Love’ และนำไปใส่ในอัลบั้ม 20/20 ของวง The Beach Boys

Dennis ไม่ได้ใส่เครดิตชื่อ Manson ลงไปในเพลง เขาใส่ชื่อตัวเขาเองคนเดียว โดยให้เงินจำนวนหนึ่ง และรถมอเตอร์ไซค์เป็นค่าตอบแทนกับ Manson มือกลองหนุ่มอ้างว่า Manson ไม่ได้ต้องการเครดิต เขาเพียงแต่ต้องการเงิน

นานวันเข้า Manson และผองเพื่อนก็เริ่มจะทำความเดือดร้อนให้เจ้าของบ้านมากขึ้นทุกวัน เพราะนอกจากจะกินอยู่กันแบบกาฝากแล้ว ยังมีการเมาแล้วทำลายข้าวของอีกด้วย ในที่สุด Dennis ก็ทนไม่ไหว เขาอัญเชิญทั้ง Manson และพวกพ้องให้ออกจากบ้านเขาไปเสีย แน่นอนว่า Manson ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงทิ้งลูกกระสุนหนึ่งลูกเป็นของแทนใจไว้บนเตียงของมือกลองหนุ่ม ก่อนจะออกจากบ้านหลังนั้นไปตลอดกาล

credit: www.latimes.com

หลังจาก Manson และสาวกหลายคนโดนจับเข้าคุก ฆาตกรปั่นประสาทผู้นี้ก็ยังไม่ยอมรามือจากดนตรีง่าย ๆ เขาพยายามติดต่อ Phil Kaufman อีกครั้ง เพราะต้องการให้อีกฝ่ายเอาเพลงของตัวเองไปสานต่อ เพื่อให้ประชาชนได้รับฟังผลงานของเขา Kaufman เผยว่า Manson โทรหาเขาถึงสัปดาห์ละ 5 วัน แม้เจ้าตัวจะได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ได้เพียงวันละ 3 ครั้ง ในที่สุด ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด อัลบั้ม Lie: The Love and Terror Cult ของ Chales Manson ก็ถูกวางจำหน่ายวันที่ 6 มีนาคม 1970 จริง ๆ

ไม่น่าเชื่อว่าเพลงของฆาตกรจะขายได้ถึง 2,000 ก๊อปปี้ แถมปัจจุบันยังมีให้ฟังผ่าน Spotify อีกต่างหาก! ซึ่งออริจินัลเพลง Cease to Exist ที่ถูก The Beach Boys นำไปเปลี่ยนก็รวมอยู่ในอัลบั้มนี้เช่นกัน

Chales Manson ได้มีผลงานเพลงเป็นของตัวเองอย่างที่ฝันใฝ่ในวันที่ต้องนอนคุก ความสะเทือนขวัญของเขายังถูกเล่าต่อจากรุ่นสู่รุ่น จนศิลปินมากมายได้นำเรื่องราวของเขาและ Manson Family ไปแต่งเป็นเพลง บ้างก็นำไปตั้งเป็นชื่อวงหรือชื่อ Stage Name เช่น Marilyn Manson เป็นต้น

เอาไว้ครั้งหน้า UNLOCKMEN จะกลับมาใหม่ พร้อมนำบทเพลงของศิลปินท่านอื่นที่มีเรื่องราวของ Chales Manson อยู่เบื้องหลังมาเล่าให้หนุ่ม ๆ ฟังกันอีกครั้ง อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ!

 

Source: 1 / 2 / 3 /

 

 

Synthkid
WRITER: Synthkid
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line