วิ่งไล่ตามความสุข ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขเสมอไป มาดูวิธีที่ทำให้เรามีความสุขแบบเป็นตัวเอง

ความสุขเป็นเหมือนของล้ำค่าที่ใคร ๆ ก็อยากได้ บางคนได้มันมาง่าย ในขณะที่บางคนก็รู้สึกว่าไขว่คว้ามันมาได้ยาก เพราะแต่ละคนต่างมีสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุขไม่เหมือนกัน เราเลยต้องเข้าใจว่าแต่ละคนจึงมีความสุขไม่เท่ากัน แต่ที่เหมือนกันคือทุกคนอยากมีความสุขกันทั้งนั้น UNLOCKMEN ขอแนะนำเทคนิคดี ๆ ที่จะทำให้เรามีความสุขแบบไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องวิ่งตามอะไรบางอย่างที่มันแทบจะไม่ใช่ความสุขของเราเองด้วยซ้ำ แต่ให้หันมาโฟกัสกับความสุขของเราเองจริง ๆ กันดีกว่า

เมื่อเราพูดถึงความสุขเราคงนึกถึงความสุขที่เราจะต้องมีตลอดเวลาและมีทุกวัน ทุกนาที แบบไม่มีอะไรมาแทรกถึงจะเรียกว่าความสุขจริง ๆ  แบบนั้นมันยากไปมั้ย ? ลองมาตั้งความสุขแบบที่แตกต่างออกไปกันดีกว่า ลองเป็นความสุขที่เหมาะกับเราและอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคนด้วย แบบนี้ล่ะเป็นไง ?

ลองมองความสุขเป็นอะไรง่าย ๆ ใกล้ตัวอย่าง อาหารโปรด สีที่ชอบ เพลงที่ชอบ แต่บางครั้งการที่เรามีมันมาก ๆ ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะมีความสุขมากกว่าเสมอไป ในทางตรงกันข้าม เมื่อเรามีโอกาส เราก็กินแค่ที่จำเป็น แต่เมื่อเราได้ลองลิ้มรสอาหารจานโปรด  มันทำให้เรามีความสุขมากกว่าการกินเพื่ออิ่ม แบบนี้เรานับว่าเป็นความสุขได้มั้ย ในเมื่อมันไม่ใช่สิ่งจำเป็น ?

เราควรจำประสบการณ์ที่แย่ ๆ ที่ทำให้เราเศร้า ผิดหวัง เอาไว้ให้ดี เพราะมันทำให้ความสุขของเราชัดเจนขึ้น

การที่เราคิดว่าคนอื่นมีความสุขเสมอ มันคือเรื่องเข้าใจผิด

แม้ว่าคนส่วนใหญ่ดูเหมือนจะมีชีวิตสุดแสนจะเพอร์เฟกต์และพวกเขาก็น่าจะมีความสุขกันตลอดเวลา  ตั้งแต่เด็กเราจะถูกปลูกฝังให้ใช้ชีวิตแบบ “happily-ever-after” อย่างที่เราเห็นในนิทานบ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างในโซเชียลมีเดียทุกคนต่างเอาชีวิตด้านดีของตัวเองออกมาแข่งกันแบบเต็มที่ เราเลยรู้สึกว่ามันมีแต่คนมีความสุขล้อมรอบเราไปหมด 

ในความเป็นจริงทุกอย่างมันไม่ได้เป็นแบบนั้น มันมีอะไรที่ขาด ที่ไม่ได้น่าพึงพอใจ เพราะไม่มีใครมีชีวิตที่เพอร์เฟกต์ไงล่ะ แม้แต่ชีวิตของเซเลบระดับโลก มหาเศรษฐี ทุกคนต่างมีปัญหาของตัวเองทั้งนั้น

เมื่อเรารู้สึกไม่ดี เราก็จะกังวลอยู่แต่กับกราฟชีวิตที่มันตกลงเท่านั้น แม้แต่ CEO of Lifehack จากการให้สัมภาษณ์ เขาเองก็ต้องแก้กับสารพัดปัญหาจนเขาอยากจะมีเวลาพักให้ตัวเองบ้าง

Stop trying to be happy. Just be.

มันเป็นปกติของคนเรานั่นแหละ ที่อยากจะให้ตัวเองมีความสุขเท่าที่จะทำได้  แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง ? สิ่งที่ต้องทำคือ เลิกคิดก่อนว่าชีวิตที่เพอร์เฟกต์คือความสุข ชีวิตของคนเรามีอะไรเข้ามา challenges ตัวเองบ้างและทำให้เราเข้าอกเข้าใจคนที่เจอปัญหาเดียวกันกับเราอีกด้วย ถ้าชีวิตมันเพอร์เฟกต์เราคงไม่เข้าอกเข้าใจใคร เพราะไม่เคยมีปัญหาในจุดเดียวกับเขา และเราจะไม่เติบโตอีกด้วย

ถ้าอยากมีความสุขจริง ๆ ต้องเลิกวิ่งไล่ตามมัน  มันดูย้อนแย้งใช่มั้ยล่ะ ?  แต่ที่ต้องการจะสื่อคืออยากให้พวกเราทุกคนยอมรับความขึ้นลงของชีวิตที่มันเกิดขึ้นกับเราทุกคน และจะเกิดขึ้นแน่ ๆ อีกด้วย เพราะความสุขคือความเข้าใจชีวิตที่มันจะผกผัน เข้าใจว่าชีวิตมันจะมีขึ้นมีลง

 หากวันนี้เหนื่อยกับการลุกขึ้นมาทำงานเหลือเกิน แทนที่จะไปโฟกัสกับเรื่องราวร้าย ๆ ลองนึกย้อนไปตอนที่คุณนอนอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรเลย ไม่มีแม้แต่ความกระตือรือร้น ในตอนนั้นเหมือนทุกคนรอบตัวเราต่างได้ใช้ชีวิตจริง ๆ ยกเว้นตัวเรา แบบนั้นคงทำให้เราได้คำตอบว่าเราทำงานกันไปทำไม 

ความสุขและความทุกข์ คือสิ่งที่เป็นจริงทั้งคู่

เพราะมีทั้งสองสิ่งนี้ปะปนกันไปชีวิตเราถึงมีสีสันยังไงล่ะ ความสุข ช่วงเวลาที่เราสนุกไปกับมัน หรือแม้แต่ช่วงเวลาที่เราเสียน้ำตา หากเราไม่เคยต้องเดินผ่านความยากลำบาก เราจะไม่รู้เลยว่าชีวิตอีกด้านที่ต้องลุกขึ้นสู้มันเป็นยังไง  และช่วงเวลาแห่งความสุขนี่แหละที่จะพาให้เราข้ามผ่านช่วงเวลาแย่ ๆ ไปได้  ไม่ต้องไปหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความทุกข์หรอก ลองใช้ชีวิตให้มันมีรสชาติ สนุกไปกับมันทั้งด้านดีด้านแย่ เพราะยังไงเราก็สามารถหาด้านดีจากทั้งสองอย่างได้อยู่แล้ว อย่างนี้แล้วทำไมเราถึงพูดว่าตัวเองไม่มีความสุขล่ะ ?

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ชีวิตของเราก็ยังคงต้องหมุนต่อไปตราบใดที่โลกนี้ยังคงหมุนไปไม่ต่างกัน การรู้จักปรับตัวไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ คือสิ่งที่ทำให้เราอยู่รอดได้ในวันที่โลกมันไม่มีเสิร์ฟแต่ความสุขมาให้เราถึงประตูหน้าบ้านแบบที่เราหวังไว้ และสิ่งที่สำคัญคือมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็นสิ่งที่ตัวเองมี เพราะมันคือสิ่งที่อยู่กับเราจริง ๆ ดีกว่าเราวิ่งไล่ตามความสุขในแบบที่ให้คนอื่นมองว่าเรามีความสุข

SOURCE