คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา (8 มกราคม 2563) เป็นเหตุการณ์สะเทือนใจที่คนไทยทั้งประเทศตกอยู่ภายใต้ม่านหมอกแห่งความเศร้าและบรรยากาศของความสูญเสียอีกครั้งหนึ่ง UNLOCKMEN ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและความสูญเสียที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม UNLOCKMEN เชื่อว่าเราสามารถเศร้าได้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องเข้มแข็งมากพอที่จะให้กำลังใจกันและกันให้เราสามารถผ่านบรรยากาศแห่งความเศร้านี้ และความเศร้าอื่น ๆ ในชีวิตไปด้วยกันให้ได้ เราจึงเอา 5 วิธีปลอบใจคนเศร้าที่ถูกต้อง มาไว้ซับน้ำตาและให้กำลังใจให้คนเศร้าทั้งหลายได้เยอะเท่าที่ต้องการ พูดไม่ต้องมาก รับฟังให้มาก สิ่งที่ยากที่สุดในการพยายามปลอบใจใครสักคนที่กำลังโศกเศร้าเจ็บปวด คือการที่เราไม่รู้เลยว่าเราควรพูดอะไรออกไปกันแน่ ไม่รู้ว่าพูดไปเขาจะเจ็บปวดกว่าเดิมไหม หรือจะดูว่าเราไม่ใส่ใจปัญหาของเขาหรือเปล่า เราอยากจะบอกว่าจริง ๆ แล้วคนเศร้าไม่ได้รอฟังหรอกว่าคุณจะพูดอะไร แต่สำคัญที่ว่าเขาอยากรู้สึกว่ามีใครสักคนอยู่ข้าง ๆ เขา พยายามที่จะรับฟังเขา ดังนั้นไม่ต้องพยายามพูดอะไรที่เราก็เก้ ๆ กัง ๆ ที่จะพูด แต่พยายามอยู่ข้าง ๆ รับฟังสิ่งที่เขาคิดและรู้สึกโดยไม่ตัดสินให้มากที่สุดก็พอ บอกเขาเถอะว่าความเศร้าเขามันสำคัญ การรับฟังเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อเขาพูดถึงจุดหนึ่ง คนที่กำลังเศร้าโศกก็อยากรู้สึกว่าเขาไม่ได้ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวและความเศร้าของเขาไม่ใช่เรื่องไร้สาระ เขาต้องการการยืนยันว่าความเศร้าของเขามันเมคเซนส์ มันสำคัญ เพราะฉะนั้นบอกให้เขาเข้าใจว่าคุณนั้นเข้าใจปัญหา ความเลวร้าย ความโศกเศร้าที่เขากำลังเจอ และคุณพร้อมรับฟัง อย่างไรก็ตามต้องระวังให้ดี เพราะการบอกว่าเข้าใจ แล้วเล่าเรื่องตัวเองเพื่อแสดงว่าเราเข้าใจ (แต่กลับเล่ามากเกินไป) จะดูเป็นการโฟกัสที่ตัวเราเองมากกว่าการโฟกัสคนที่กำลังเศร้า ดังนั้นย้อนกลับไปที่ข้อหนึ่งแล้วท่องให้ขึ้นใจว่าต้องรับฟังให้มากเข้าไว้
‘ประเทศแห่งความสุข’ และ ‘ประเทศแห่งความเศร้า’ ดูเป็นวลีนามธรรมที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างคล่องปาก แต่เราเชื่อว่าทั้งสองคำนี้อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกขั้วตรงข้ามที่ต่างกันอย่างชัดเจน สำหรับประเทศที่ผาสุกคงห้อมล้อมไปด้วยความเจริญและคุณภาพชีวิตที่ดี แต่อีกด้านของโลกก็มีประเทศที่โศกเศร้าและเต็มเปี่ยมไปด้วยความทุกข์จนยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนดังกล่าว มีรายงานจาก The Sustainable Development Solutions Network for the United Nations เผยว่า 5 ประเทศต่อไปนี้ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่เศร้าที่สุดในโลก แล้วพวกคุณคิดว่าเหตุผลใดที่ทำให้คนยกให้ประเทศเหล่านี้เป็นประเทศโศกเศร้าและทุกข์ตรมได้ขนาดนั้น? SOUTH SUDAN สาธารณรัฐซูดานใต้ได้รับสมญานามว่าเป็นประเทศที่เศร้าที่สุดในโลก แม้จะเพิ่งได้เอกราชไปเมื่อปี 2011 แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ประเทศนี้อยู่ในสายตาของประเทศชั้นนำอื่น ๆ นอกจากความไม่สงบ กองกำลังติดอาวุธ และผู้ลักลอบล่าสัตว์ในเขตหวงห้าม ที่นี่ยังมีกลุ่มผู้ก่อการร้ายอีกนับไม่ถ้วน ทั้ง Al-Shabaab, Lord’s Resistance Army, Boko Haram หรือแม้แต่ Janjaweed CENTRAL AFRICAN REPUBLIC สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ประเทศรองอันดับหนึ่งที่มีประชากรคนเศร้าเยอะไม่แพ้ซูดานใต้ ที่นี่เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลทำให้การติดต่อค้าขายทางเรือไม่เคยถูกบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ ทั้งยังเคยตกอยู่ใต้อาณัติของฝรั่งเศสและเพิ่งจะได้รับเอกราชไปเมื่อปี 1960 บวกกับความวุ่นวายของประธานาธิบดีที่สถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ นำไปสู่การรัฐประหารและโค่นล้มระบอบการปกครอง ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะจบลง แถมยังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ AFGHANISTAN
เคยอยู่ในภาวะแบบนี้ไหม สักครั้งที่หัวใจของเราเยียบเย็น เศร้าลึก ซึมนาน และเริ่มรู้สึกว่าปฏิกิริยาที่มีกับเรื่องเดิม ๆ เริ่มไม่เหมือนเก่า เสียใจแต่ไม่มีน้ำตา สนุกแต่หัวเราะไม่ออก ถ้าคุณกำลังอยู่ในสภาพนี้มาสักระยะโดยไร้สาเหตุ บางทีนี่อาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่บอกว่าคุณเข้าใกล้สิ่งที่เรียกว่า “Melancholia” เข้าไปทุกที ร้องไห้ไม่ได้ เพราะน้ำดีสีดำ Melancholia (เมลานโคเลีย) คืออะไร? Melancholia เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกความเศร้ามาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ โดยมีที่มาจากคำว่า “melaina kole” หมายถึง “น้ำดีสีดำ” ซึ่งตามความเชื่อของแพทย์กรีกในยุคนั้นลงความเห็นว่ามันเป็นสาเหตุของความเศร้า อ้างอิงจาก Humors หรือของเหลวทั้ง 4 ในร่างกายมนุษย์ที่เชื่อว่าทำหน้าที่ควบคุมร่างกายและจิตใจมนุษย์ แต่น้ำดีสีดำนี้ถ้ามีมากเกินไปแพทย์ก็มีวิธีแก้ไขมันเช่นกันผ่านการปรับสมดุลด้วยการเปลี่ยนอาหารหรือให้ยารักษาทางการแพทย์ เมื่อวิธีการปรับความเศร้าเข้าสมดุลของ Melancholia มองความเศร้าว่าเป็น “โรค” ที่หายได้และต้องได้รับการ “รักษา” ประกอบกับหลักแนวคิดของมันที่กล่าวถึงสารเคมีในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงทำปฏิกิริยาจนเป็นตัวบ่มความเศร้า ชื่อนี้จึงถูกนำมาใช้เรียกประเภทของอาการซึมเศร้ารุนแรงในปัจจุบันสำหรับอาการที่ไร้ความรู้สึกต่อทุกสรรพสิ่งรอบตัว และเป็นภัยเงียบไปสู่การฆ่าตัวตาย Melanchonia ไม่ใช่การกลั้นน้ำตาของลูกผู้ชาย ถ้าคุณร้องไห้ไม่ออกเพราะความรู้สึกกดทับที่เกิดขึ้นจากการเป็นผู้ชาย นั่นอาจจะไม่ใช่ Melancholia เพียงแต่เป็นการสะกดน้ำตาในระดับค่านิยมทางวัฒนธรรมที่มองว่าผู้ชายที่หลั่งน้ำตาออกมาคือผู้ชายอ่อนแอเท่านั้น แต่ด้วยค่านิยมเดียวกันนี้ก็ทำให้ความหมายของ “น้ำตาลูกผู้ชาย” ซื่อสัตย์ ยิ่งใหญ่และมีเกียรติขึ้น เช่น ซามูไรและนักรบยุคกลายของญี่ปุ่นที่แสดงความรู้สึกต่อโศกนาฎกรรมด้วยการร้องไห้ เป็นต้น นอกจากนี้
ความเศร้า ความปวดเจ็บและหยาดน้ำตาคือสิ่งที่อยู่เคียงข้างมวลมนุษยชาติมานานจนแยกไม่ออก วินาทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลกเราต่างก็ต้องเปล่งเสียงร่ำไห้เพื่อหายใจ เพื่อแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งการมีชีวิตเสียแล้ว แต่ยิ่งผู้ชายอย่างเราเติบโตขึ้นมาเท่าไร เรามักถูกมาตรฐานทางสังคมกดดันว่า ห้ามเศร้า! ห้ามมีน้ำตา! อย่าแสดงอารมณ์อ่อนไหวออกมาถ้าไม่อยากดูเป็นคนอ่อนแอ! น้ำตาลูกผู้ชายจึงเป็นสิ่งท้าย ๆ ที่เราจะแสดงให้ใครเห็นไม่ว่าเราจะเศร้ามากเพียงไหน แต่น่าแปลกที่ความเศร้าบางรูปแบบ น้ำตาบางหยดเราไม่อาจควบคุมมันได้ หลายครั้งเราจึงร้องไห้ออกมาหลังกิจกรรมสุดซาบซ่านเสียวสยิวเสียอย่างนั้น ก่อนอื่น…อย่าตื่นตระหนกไป เพราะความเศร้านี้มีที่มา น้ำตานี้มีชื่อเรียก คุณไม่ได้ร้องไห้หลังมีเซ็กซ์เพียงลำพัง ขณะที่เกมวาบหวิว กิจกรรมสวาทดำเนินไป ความสุขของเราทะยานขึ้นเหมือนรถไฟเหาะตีลังกาที่ผ่านการตลบซ้ำ ๆ จนวูบไหวในท้องน้อยอย่างหยุดไม่อยู่ แต่เมื่อเซ็กซ์จบลงก็คล้ายกับว่ารถไฟเหาะตีลังกาขบวนนั้นค่อย ๆ ดิ่งตัวลงสู่สภาวะปกติ และเด็กน้อยอย่างเราต้องกลับบ้านไปอย่างเหงา ๆ จู่ ๆ เราก็ทำนบน้ำตาแตก ร้องไห้ออกมาต่อหน้าสาวที่เพิ่งเสียวไปด้วยกันหยก ๆ ผู้ชายคนไหนที่เคยเผชิญสถานการณ์แบบนี้ UNLOCKMEN อยากกระซิบบอกคุณ (และอยากให้คุณกระซิบบอกเพื่อน ๆ ต่อไป) ว่ามันเป็นเรื่องปกติมาก ๆ แถมเป็นภาวะอาการที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ เราไม่ได้สติแตกไปคนเดียวแน่นอน Post-coital Dysphoria หรือ PCD คือชื่อเรียกของภาวะนี้ซึ่ง Ian Kerner ผู้เป็น Sex Therapist อธิบายว่า
ถ้าจะพูดถึงวงการภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่นที่เข้ามาในบ้านเรา 2 ขั้วอำนาจหลักที่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมให้ภาพยนตร์แนวนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากที่เคยอยู่ในกลุ่มเล็ก ๆ สู่ระดับ Talk of the Town จากปากต่อปากสู่รายได้มหาศาลที่เชื่อว่าผู้นำลิขสิทธิ์เข้ามาฉายนั้นก็คงจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้น Studio Ghibli คือขั้วอำนาจแรก ถ้าใครพอจะติดตาม Pop Culture แดนปลาดิบอยู่บ้างคงคุ้นกับสัญลักษณ์เจ้า Totoro ตัวกลมน่ากอดอย่างแน่นอน นี่คือสตูดิโอผู้สร้างที่อยู่คู่วงการแอนิเมชั่นญี่ปุ่นมากว่า 30 ปี และผลงานแต่ละเรื่องที่ผลิตออกมาก็อยู่ในระดับขึ้นหิ้งไม่ว่าจะเป็น Spirited Away, My Neighbor Totoro , Grave of the Fireflies ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก ขั้วอำนาจที่ 2 คือ มาโคโตะ ชินไค ที่ผลงานของเขาอย่าง Your Name เคยสร้างปรากฏการณ์โรงแตกในบ้านเรามาแล้ว และไม่ใช่แค่เรื่องนี้เท่านั้น เพราะผลงานของชินไคยังมีอีกมากมายหลายเรื่องที่ถ้าทุกคนได้ดูต้องหลงรักมัน ด้วยงานภาพอันละเมียดละไม ความเอ่อล้นของอารมณ์ที่อัดแน่นไว้ทุกรายละเอียดของเรื่อง วันนี้เราจึงอยากมาแนะนำผลงานของผู้กำกับวัย 45 ปีคนนี้ให้ทุกคนได้รู้จักกัน Voices of a Distant Star (2002) แอนิเมชั่นขนาดสั้น ผลงานในช่วงที่ชินไคเพิ่งเริ่มเป็นผู้กำกับเต็มตัวได้ไม่นาน โดยเขาหยิบผลงานไลท์โนเวลของ Waku Oba มาเรียบเรียงใหม่ในแบบฉบับของตัวเอง
ในวันที่แม้แต่โลกใบนี้ยังไม่เข้าข้างเรา คงไม่อาจประคองความรู้สึกให้มีรอยยิ้มอยู่บนหน้าได้ตลอดเวลา เสียใจได้แต่อย่าได้ปล่อยให้มันกัดกินอารมณ์ของเรานานมากไปนัก มาฟังเพลงจาก Playlist นี้กับ 20 เพลงหม่น ๆ ไว้ปลอบใจ แม้วันที่ไม่มีใครเข้าข้างเรา แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีตัวเองที่สามารถเลือกได้ว่าเราจะให้ตัวเองอยู่กับความหม่นหมองนี้ไปนานแค่ไหน ใช้เวลาสักหน่อย ฟังไปจนกว่าความรู้สึกจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง สำหรับใครที่อยากเสพความหม่นกันบน Spotify เราจัด Playlist ไว้ให้เหมือนเดิม Bon Iver – Skinny Love Passenger – Let Her Go James Blunt – Carry You Home Shelby Lynne – Wall In Your Heart Jason Mraz – I Won’t Give Up James Blunt – Same Mistake Travis
ความสุขเป็นเหมือนของล้ำค่าที่ใคร ๆ ก็อยากได้ บางคนได้มันมาง่าย ในขณะที่บางคนก็รู้สึกว่าไขว่คว้ามันมาได้ยาก เพราะแต่ละคนต่างมีสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุขไม่เหมือนกัน เราเลยต้องเข้าใจว่าแต่ละคนจึงมีความสุขไม่เท่ากัน แต่ที่เหมือนกันคือทุกคนอยากมีความสุขกันทั้งนั้น UNLOCKMEN ขอแนะนำเทคนิคดี ๆ ที่จะทำให้เรามีความสุขแบบไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องวิ่งตามอะไรบางอย่างที่มันแทบจะไม่ใช่ความสุขของเราเองด้วยซ้ำ แต่ให้หันมาโฟกัสกับความสุขของเราเองจริง ๆ กันดีกว่า เมื่อเราพูดถึงความสุขเราคงนึกถึงความสุขที่เราจะต้องมีตลอดเวลาและมีทุกวัน ทุกนาที แบบไม่มีอะไรมาแทรกถึงจะเรียกว่าความสุขจริง ๆ แบบนั้นมันยากไปมั้ย ? ลองมาตั้งความสุขแบบที่แตกต่างออกไปกันดีกว่า ลองเป็นความสุขที่เหมาะกับเราและอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคนด้วย แบบนี้ล่ะเป็นไง ? ลองมองความสุขเป็นอะไรง่าย ๆ ใกล้ตัวอย่าง อาหารโปรด สีที่ชอบ เพลงที่ชอบ แต่บางครั้งการที่เรามีมันมาก ๆ ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะมีความสุขมากกว่าเสมอไป ในทางตรงกันข้าม เมื่อเรามีโอกาส เราก็กินแค่ที่จำเป็น แต่เมื่อเราได้ลองลิ้มรสอาหารจานโปรด มันทำให้เรามีความสุขมากกว่าการกินเพื่ออิ่ม แบบนี้เรานับว่าเป็นความสุขได้มั้ย ในเมื่อมันไม่ใช่สิ่งจำเป็น ? เราควรจำประสบการณ์ที่แย่ ๆ ที่ทำให้เราเศร้า ผิดหวัง เอาไว้ให้ดี เพราะมันทำให้ความสุขของเราชัดเจนขึ้น การที่เราคิดว่าคนอื่นมีความสุขเสมอ มันคือเรื่องเข้าใจผิด แม้ว่าคนส่วนใหญ่ดูเหมือนจะมีชีวิตสุดแสนจะเพอร์เฟกต์และพวกเขาก็น่าจะมีความสุขกันตลอดเวลา ตั้งแต่เด็กเราจะถูกปลูกฝังให้ใช้ชีวิตแบบ “happily-ever-after” อย่างที่เราเห็นในนิทานบ่อย ๆ
น้ำตาของผู้หญิงนี่เป็นอะไรที่โคตรแพ้ทางกับผู้ชายเลยจริง ๆ หลายครั้งที่สาว ๆ มีน้ำตาแล้วผู้ชายอย่างเราได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก อยากปลอบใจแต่ก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หยิบทิชชู่ (สองม้วน)ให้เช็ดน้ำตา ยิ่งเห็นเธอฟูมฟาย เล่าอะไรไม่รู้เรื่อง ก็ยิ่งไปกันใหญ่ วันนี้ UNLOCKMEN มาเสนอวิธีรับมือกับสาว ๆ ที่กำลังเสียใจเสียน้ำตา แบบง่าย ๆ ชนิดที่ว่าผู้ชายซื่อบื้อเรื่องฟีลลิ่งขนาดไหนก็ทำได้ ให้เธอรู้ไปเลยว่าไหล่ของเรามีที่ว่างให้เธอเสมอ 1. รับฟังและทำความเข้าใจ ข้อนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายแต่กลับทำยากที่สุด แต่สิ่งที่อยากให้ทำความเข้าใจก่อนเลยคือ “เธอไม่ได้ต้องการคำคมชีวิตพิชิตปัญหาอะไรทั้งนั้น เธอต้องการคนรับฟัง” รับฟังเธอ ให้เธอเล่าว่าเธอไปเจออะไรมา อะไรที่ทำให้เธอกังวลหรือเสียใจพอเธอได้เล่าแล้ว ลองพยายามเรียบเรียงเรื่องราว แล้วถามว่าเราเข้าใจถูกไหม เพื่อให้รู้สึกว่าเราสนใจปัญหาของเธอจริง ๆ ไม่ได้แอคติ้งเพื่อเอาใจเธอ (ถึงจริง ๆ แล้วจะแอคติ้งก็เหอะ) ถึงจะไม่ได้ปิ๊งไอเดียหาทางออกให้ แต่เธอก็จะอุ่นใจขึ้นที่เธอรู้ว่ายังมีคนอยู่ข้าง ๆ ในวันที่เธอแสนจะเปราะบาง ไม่ต้องเผชิญอะไรหนัก ๆ เพียงคนเดียว 2. ยืนอยู่ข้างเดียวกับเธอ ไม่ได้หมายความว่าให้ไปยืนฝั่งเดียวกับเธอแบบตรง ๆ แต่หมายถึงสนับสนุนเหตุผลของเธอ ว่าที่เธอเสียใจแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องผิดเลย ลองเปรียบเทียบว่าถ้าเป็นเราก็คงเสียใจไม่ต่างจากเธอ ถ้าหากเหตุผลของเธอมันไม่ make sense เอาซะเลย
คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นอีกเดือนหนึ่งที่ประเทศของเราจะปกคลุมด้วยความเจ็บปวดและความเศร้า แต่เศร้าได้ก็ต้องลุกขึ้นแล้วจับมือผ่านไปพร้อม ๆ กันได้ UNLOCKMEN เลยอาสานำ 5 วิธีแสนง่ายที่จะช่วยให้เราผ่านความเศร้าในช่วงเดือนนี้ไปได้ อ่านแล้วอย่าหายเศร้าลำพัง แชร์ไปให้เพื่อนหายเศร้าไปพร้อม ๆ เราด้วย พาตัวเองไปอยู่ในอ้อมกอดใครสักคน มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการสัมผัสช่วยให้เราเอาชนะความเศร้า ความหดหู่ได้ การกอด การสัมผัสช่วยลดฮอร์โมน Cortisol ฮอร์โมนที่สร้างความเครียดให้กับมนุษย์ รวมถึงเพิ่มปริมาณฮอร์โมน oxytocin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งผลต่อความรู้สึกดี ๆ ดังนั้นก็กอดใครสักคน หาใครสักคนมากอดเราเพิ่มฮอร์โมนและความรู้สึกดี ๆ ต้านความเศร้ากันเถอะ อยู่ท่ามกลางแสงแดดหรืออยู่ในที่ร่มแต่ใกล้หน้าต่าง ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ที่ไหน แสงแดดมีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำให้คุณรู้สึกไม่จ่อมจมกับความเศร้า คุณอาจจะร้อนแทน หงุดหงิดกับเหงื่อ สำหรับแดดที่ร้อนมากของบ้านเรา แต่ถ้าเป็นไปได้ขอให้รู้เถอะว่ามีแดดดีกว่าไม่มีแดด ประเทศที่แดดไม่ออกมีอัตราการฆ่าตัวตายและผู้คนตกอยู่ในภาวะซึมเศร้ามากกว่าประเทศที่มีแดด ดังนั้นอย่าเอาตัวเองจมไว้ในที่มืด ๆ ทึม ๆ พาตัวเองออกไปเจอแสงแดด หรือได้นั่งมองแสงแดด ความสว่าง ความสดใสดูก็ดีต่อการลดความเศร้าลงได้เยอะ ออกกำลังกาย การออกกำลังกายได้รับการพิสูจน์แล้วว่าต่อสู้กับความเศร้าได้มีประสิทธิภาพสูงสุดอีกอย่างหนึ่ง แถมยังช่วย Boost อารมณ์ และถ้าอยากให้ได้ผลดีที่สุดในการออกกำลังกายต้านความเศร้าก็ควรออกกลางแจ้งในช่วงที่มีแสงอาทิตย์แล้วจะได้รับแสงแดดไปอีกทาง ถ้านึกไม่ออกก็อย่างเช่นการเดินออกไปหาอะไรกินตอนกลางวัน ได้ออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้แสงแดดไปด้วยในตัว