Life

CONVERSATION WITH ‘ฟาโรห์’ชายผู้หลงใหลในการเล่าเรื่องลี้ลับและตีแผ่ความจริง

By: PERLE November 1, 2018

บางครั้งความบังเอิญก็นำเราไปพบกับสิ่งที่ดีเกินความคาดหมาย เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจากยามดึกคืนหนึ่ง เรานอนไถโทรศัพท์ก่อนนอนอยู่บนเตียงเรื่อยเปื่อย ไม่มีจุดมุ่งหมายใด ๆ แต่ก่อนเราจะตัดสินใจล็อกหน้าจอและข่มตานอน สายตาแว่บหนึ่งของเราดันไปสะดุดกับคลิป ๆ หนึ่งที่เพื่อนของเราแชร์ลงใน Feed Facebook เป็นคลิปเกี่ยวกับคอนเทนต์ลึกลับที่มีคำโปรยและหน้าปกค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว

ด้วยความที่เราชอบคอนเทนต์แนวนี้เป็นทุนอยู่แล้ว จึงลองกดเข้าไปดูแบบไม่คาดหวังใด ๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากคอนเทนต์แนวนี้ของไทยส่วนใหญ่ที่เราดูมักจะเป็นการมานั่งอ่านข้อมูลใน Wikipedia ให้ฟัง ดังนั้นสำหรับช่อง ‘The Common Thread’ นี้ที่ดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ยอด Subscribe ยอด View ก็น้อย จึงไม่แปลกที่เราจะไม่คาดหวัง

แต่หลังจากที่ดูคลิปแรกจบ เราถึงกับอุทานในใจว่า ‘เหี้ย แม่งทำโคตรดีเลยว่ะ’ The Common Thread มีความแตกต่างจากช่องอื่น ๆ อย่างชัดเจน ด้วยการหาแหล่งข้อมูลนับสิบ ๆ แหล่ง ก่อนจะมานั่งเรียบเรียง ตัดอะไรที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ออกไปทีละอย่างเพื่อมุ่งหาความจริงหรือสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด

เราสถาปนาตัวเองเป็นแฟนคลับช่องนี้ในทันที และด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ลังเลที่จะชวน ‘ฟาโรห์-เตชภณ คำสีแก้ว’ แห่ง The Common Thread มาพูดคุยเจาะลึกกันทันที

ถึงเวลานัดสัมภาษณ์ ฟาโรห์มารอเราอยู่ก่อนแล้ว และด้วยความบังเอิญอีกอย่างคือการที่เรากับเขาเคยเรียนในคณะเดียวกัน การสร้างความคุ้นเคยก่อนการสัมภาษณ์จึงเป็นไปอย่างลื่นไหล พูดคุยอย่างออกรสชาติอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มพูดคุยถึงสิ่งที่เขากำลังทำอย่างจริงจังอยู่ในขณะนี้

ทุกคนคงกำลังงงอยู่ว่าผู้ชายชื่อฟาโรห์คือใคร งั้นแนะนำตัวเองก่อนเลยครับ

“ผมชื่อฟาโรห์ ชื่อนี้ก็ได้มากจากตอนผมเกิดเลยครับ ตอนนั้นแม่ผมอยู่โรงพยาบาล แล้วเขาติดการ์ตูนคำสาปฟาโรห์มาก คลอดออกมาก็ได้ชื่อนี้มาเลย ตอนนี้ก็มีแฟนชื่ออันนา เราสองคนก็เป็นแอดมินเพจ The Common Thread ผมกำลังเรียนอยู่นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ปี 4 ครึ่ง แต่ก่อนผมเคยเลี้ยงแมวอยู่ตัวหนึ่ง ถ้าใครยังไม่ได้ดู EP 0 ของตอนนั้นผมจะบอกว่าผมชื่อฟาโรห์ มีแฟนชื่ออันนา และเลี้ยงแมวชื่อสฟริงซ์”

แต่การเรียนกฎหมายมันดูห่างไกลจากเรื่องลี้ลับมาก เราจึงถามฟาโรห์ถึงจุดเริ่มต้นของความสนใจนี้

“ผมชอบอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ‘ต่วย’ตูน’ นี่เป็นหนังสือที่ผมชอบมาก เมื่อก่อนมันจะมีนิตยสารเล่มหนึ่งชื่อ ‘แปลกแต่จริง’ ผมก็เปิดอ่าน เฮ้ยเราชอบ คราวนี้พอผมอ่านแล้วนิสัยอีกอย่างของผมคือชอบพูด ผมรู้อะไรก็จะเล่าให้คนอื่นฟัง เกี่ยวกับองค์ความรู้ที่เรามีอยู่ในหัว มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนเราเข้านิติศาสตร์แล้ว และนอกจากจะเป็นคนชอบพูดแล้ว ผมเป็นคนชอบฟัง ฟังคนมาเล่าเรื่องพวกนี้ให้ผมฟัง”

จากแค่ความชอบ กลายมาเป็นช่อง YouTube ได้ยังไง?

“เริ่มจากที่ผมชอบฟังนี่แหละครับ แฟนผมก็ชอบฟังแต่เขาไม่ค่อยพูด พอคราวนี้ผมไปดูช่องในบ้านเราหลาย ๆ ช่องแล้ว ส่วนใหญ่คือเอาภาพมาเรียง ๆ กันแล้วก็พูด ผมก็รู้สึกว่า เฮ้ย ผมอยากรู้จักว่าคุณเป็นใครอะ คุณมาเล่าเรื่องให้ผมฟัง

ด้วยความที่ผมเรียนกฎหมาย เวลาเราพูดต้องมีอะไรมาอ้างอิง ผมเป็นใครก็ไม่รู้ ผมมาเล่าเรื่องให้ทุกคนฟัง ผมอาจจะแต่งเรื่องขึ้นมาก็ได้

เราชอบการอ้างอิง แต่เวลาผมดูช่องต่าง ๆ ในบ้านเรา สิ่งที่ผมได้มากที่สุดจากช่องส่วนใหญ่คือ Wikipedia อย่างที่รู้กันว่า Wikipedia ใครจะเข้าเขียนก็ได้ เราเลยรู้สึกว่าบางเรื่องที่เขาพูดแล้วไม่เคลียร์ เราอยากอ่านต่อก็ไม่มี เราเลยรู้สึกว่า แม่งไม่มีเลย ทำเองดีกว่า เราก็เลยคุยกับแฟน จริง ๆ แล้วแฟนเป็นคนชักชวนว่าบ้านเรายังไม่เคยมีแนวนี้เลย ต่างประเทศมันมีเยอะแล้ว

อารมณ์ที่เราอยากจะได้คือเหมือนเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟัง เพราะหลาย ๆ เรื่องที่เราได้ฟังในอินเตอร์เน็ต เรารู้สึกว่าทำไมต้องใส่ซาวน์ให้ดูน่ากลัว เรารู้สึกว่าการเล่าให้มันน่ากลัว ในมุมมองผมมันเป็นการไม่ให้เกียรติคนที่เป็นต้นเรื่อง จนถึงปลายทางเราหาช่องแบบที่เราอยากฟังไม่เจอเลย ก็เลยตัดสินใจทำเอง”

หลังจากได้ฟัง ผมรู้สึกทึ่งในแนวคิดของคนตรงหน้า สัมผัสได้ถึง Passion ที่หนักแน่น นอกจากนั้นยังมีความอดทนและพยายามมาก ๆ ในการนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ เพราะกว่าจะออกมาเป็นคลิปให้เราได้ดู เขาทุ่มเวลากับมันนานมาก ๆ

“ใช้เวลาเยอะจริง ๆ ฮะ  เพราะทำกันแค่ 2 คนกับอันนา และอย่างที่ทราบกันดีว่าเรื่องส่วนใหญ่เป็นเรื่องในต่างประเทศ อันนาเขาเรียนภาคอินเตอร์ อ่านสรุปภาษาอังกฤษได้เร็ว แล้วผมก็จะมาตรวจทานทีหลัง Source ที่เราใช้เนี่ย ผมกล้าพูดได้เลยว่าแทบทุกคลิปเรามีไม่ต่ำกว่า 10 Source ส่วนวิธีการง่าย ๆ ที่เราจะรู้ว่าอันไหนน่าเชื่อไม่น่าเชื่อคือนำมาเทียบกัน มันจะมีอันที่ตรงกัน มีอันที่ไม่ตรง ผมพยายามจะเสนอสิ่งที่ผมเจอออกไปให้หมด แล้วเราจะแปะแหล่งอ้างอิงของเราไว้ ให้คนที่ติดตามเราตัดสินใจเองว่าอันไหนน่าเชื่อถือ อันนาเขาใช้เวลาทำงานนานจริง ๆ นะฮะ อย่างคลิป ‘แจ็ค เดอะริปเปอร์’ ผมเคยนับคร่าว ๆ ประมาณสามสิบหกชั่วโมง เฉพาะชั่วโมงทำงานนะฮะ”

ทราบถึงความหนักหนาในการทำงานกันไปแล้ว ส่วนในเรื่องคอนเทนต์นั้น The Common Thread มักจะนำเสนอเรื่องราวจากในต่างประเทศเป็นหลัก มีแค่ 1-2 คลิปเท่านั้นที่เป็นเรื่องราวในไทย เราจึงถามฟาโรห์ถึงเหตุผลข้อนี้

“ในบ้านเรามันไม่ค่อยมีครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เรารู้อยู่แล้วว่าคนนี้ทำ แต่ประเด็นคือมันเป็นเรื่องของการใช้อิทธิพลเข้ามา เป็นลักษณะนั้นมากกว่า ประกอบกับอย่างที่ 2 คือ ลักษณะในการจัดเก็บข้อมูลบ้านเราไม่เหมือนต่างประเทศ ต่างประเทศเวลาผมจะหาอะไร Source มันจะมีเยอะมาก แต่ของบ้านเรามันกระจัดกระจาย และส่วนใหญ่มันจะไปอยู่กับองค์กรต่าง ๆ อย่างคดีซีอุย ผมต้องโทรไปขอดูสำนวนคำพิพากษาของศาลที่ระยอง ในขณะต่างประเทศเขาจะมีเต็มไปหมด มันเลยเข้าถึงง่ายกว่า แต่ในอนาคตมันจะมีไหม มีแน่นอนครับ แต่เราต้องระวังมากที่สุดเพราะมันใกล้ตัว

เรากลัวการทำให้คนอื่นเดือดร้อนกับสิ่งที่เราพูดออกไป

สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เราติดตามช่อง The Common Thread เพราะมันสนุก ฟังเพลินมาก เราเลยอยากรู้ว่าในมุมมองเจ้าของช่อง นอกจากความสนุกแล้ว คนฟังจะได้อะไรอีกบ้าง

“ผมพยายามจะใส่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยลงไปในแต่ละคลิปเสมอ ตัวอย่างเช่น มีคลิปหนึ่งเป็นคลิปที่เกี่ยวกับ Ed Gein มีจังหวะที่ผมพูดถึงปมออดิปุส ปมอีเล็คตร้า แล้วเราอยากรู้ว่ามันคืออะไร เลยไปอ่านเพิ่ม เราจึงได้เข้าใจว่ามันคือลักษณะของทางสภาวะธรรมชาติที่กำหนดมาว่า ทำไมเราเกิดมาเป็นผู้ชาย ลักษณะท่าทางเป็นผู้ชาย เพราะกลไกนี้มันทำให้เรามีเพศสภาพ ได้มีเพศวิถีตรงเพศสภาพ

ก็คือตอนเด็ก ๆ ถ้าเป็นเด็กผู้ชายจะรักแม่มาก เป็นผู้หญิงที่เราชอบ อยากแต่งงานด้วย แล้วคราวนี้เราเห็นว่าแม่ชอบพ่อ พ่อเรามีลักษณะแบบนี้ โอเคเราต้องทำแบบพ่อแล้วแม่จะรักเรา มันคือการกำหนด แล้วเรารู้สึกว่ามันเจ๋งดีเราเลยใส่เข้าไปในคลิป ก็มี Feed Back หนึ่งเข้ามาจากคนที่ดูคลิปเรา เขาบอกว่าเขาเพิ่งรู้ เขาชอบมาก

แล้วก็มีอีกครั้งที่ผมพูดว่า ช่วงวัยเด็กเนี่ยเด็กจะเริ่มสนใจอวัยวะเพศ จะจับคลำเล่น ซึ่งพอเรามองในมุมมองของผู้ใหญ่ เราจะมองว่าเด็กคนนี้ลามก เด็กสามขวบตัวแค่นี้เล่นจู๋ตัวเอง แล้วอาจจะโดนพ่อแม่ที่ไม่เข้าใจตีหรือห้าม ทั้งที่มันเป็นกลไกธรรมชาติของมนุษย์ ก็มีคุณแม่ท่านหนึ่งมีลูกในวัยนี้ ก็บอกว่าลูกเขาก็กำลังเป็นแบบนี้ ขอบคุณมากที่บอกสิ่งนี้ออกมา เป็นอะไรที่ได้ประโยชน์มาก ๆ ทั้งที่จุดเริ่มต้นมาจากแค่เราอยากรู้  แต่อาจจะทำให้เด็กคนนั้นไม่ถูกตีมือก็ได้ ในอนาคตเด็กคนนั้นอาจจะไม่มีปมในเรื่องนี้ เพราะพ่อแม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่คลิปที่พ่อแม่ดูคือคลิปฆาตกรต่อเนื่องแต่พ่อแม่กลับได้ความรู้เรื่องนี้ อย่างน้อยที่สุดก็มีคนได้ประโยชน์จากคลิปผมแล้ว”

เราขอขอบคุณฟาโรห์แทนเด็กคนนั้น ประเด็นต่อไปที่เราอยากรู้คือในฐานะที่เป็นคนผลิตคอนเทนต์ออกมา ชอบคอนเทนต์ไหนของตัวเองมากที่สุด

“ตอนที่ผมฟังครั้งแรกแล้วตาโตเลยคือตอน  Nicholas Barclay ผมรู้สึกว่า ‘เฮ้ย! มันมีอย่างนี้จริงหรอ เฮ้ยได้หรอ’ ถ้าใครได้ฟังจะคิดแบบผมว่ามันต้องมีอะไรในบ้านนี้แน่ ๆ ที่แบบลูกหายไป ผมเชื่อว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ หรือเอาง่าย ๆ เพื่อนเราหายไปแล้วอยู่ดี ๆ มีใครก็ไม่รู้หน้าตาไม่เหมือนเพื่อนเราเลยกลับมาแล้วบอกว่าเราเป็นเพื่อนนายนะ แล้วเออออตามไปด้วย คำถามแรกเลยคือ Nicholas ตัวจริงไปไหน อย่างที่สองคือคนแปลกหน้าคนนี้มาอยู่ในบ้านนี้ได้ยังไง ครอบครัวนี้ต้อนรับเข้าไปได้ยังไง ผมรู้สึกว่าตอนนี้เป็นตอนที่ว้าวมากตอนหาข้อมูล มันแปลกมากจริง ๆ ”

เราเรียนจบกฎหมายมาแต่ก็แหกคอกมาทำงานไม่ตรงสาย เลยพยายามดึงฟาโรห์มาเป็นพวกเดียวกันด้วยคำถามที่ว่าถ้าช่องนี้สามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้จะยึดเป็นอาชีพหลักมั้ย?

“ถ้ามันเลี้ยงตัวเองได้ มันน่าจะเป็นอะไรที่โชคดีมากที่เราได้ทำสิ่งที่เราชอบ เรารู้สึกว่าเราชอบงานนี้ เราได้ใช้สิ่งที่เรารู้สึกว่ามันคือสกิลของเราจริง ๆ จุดเด่นผมคือพูดเก่งนี่แหละ ผมรู้ว่าผมใช้น้ำเสียงเก่ง ถ้ามีคนฟังเราแล้วรู้สึกว่าด้วยองค์ความรู้ของเรา ด้วยวิธีการทำงานของเราตอนนี้เราสามารถสร้างมุมมองใหม่ ๆ กับสังคมได้ ถ้าในอนาคตมันสร้างรายได้แล้วอยู่ได้จริง ๆ ผมคงมาจับงานนี้เป็นงานหลัก”

เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักฟาโรห์กันคร่าว ๆ แล้ว แต่เราอยากรู้จักเขาให้ลึกขึ้นอีก อยากรู้ถึงมุมมองต่าง ๆ ของเขา เราเลยเริ่มประเด็นแรกที่ความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ

“ต้องแยกก่อน ผมไม่เชื่อเรื่องผี คิดว่าผีไม่มีจริง คือไม่ได้ลบหลู่นะ สมมติมีที่ร้างให้เราตะโกนด่าอะไรเนี่ยเราทำได้ แต่ที่เราบอกไม่ลบหลู่คือเราไม่ลบหลู่คนที่เชื่อ คุณมีอิสระที่จะเชื่อ เราแค่เป็นคนหนึ่งที่เราเลือกว่าจะไม่เชื่อเรื่องผี แต่มันยังมีคนที่เชื่อ สุดท้ายแล้วเราเคารพความเชื่อของเขาเคารพในความเป็นคนของเขา แล้วส่วนนึงอีกพาร์ตหนึ่ง พวก UFO มนุษย์ต่างดาว พาร์ตนี้มันอธิบายได้ยากกว่าผี เพราะว่าเราจะแน่ใจได้ไงว่าในจักรวาลกว้างใหญ่จะมีแค่เรา ผมเชื่อว่ามันน่าจะมี แต่ถ้าถามเรื่องผีหรือเรื่องโลกหลังความตาย เราตายไปแล้วนรกสวรรค์ ส่วนตัวผมไม่เชื่อ”

แล้วศาสนาล่ะ?

“ต้องท้าวความก่อนว่าผมเคยบวชตอนเด็ก ๆ ผมเติบโตมาในครอบครัวพุทธ แล้วพอหลังจากเราบวชเสร็จ เรารู้สึกเราพอละกับการนับถือศาสนา เราเลยเลือกที่จะไม่นับถืออะไรเลย ตอนนี้เป็น Atheist ผมมองว่า Atheist ไม่ใช่คนไม่นับถือศาสนานะ ผมมองว่าเขาคือคนนับถือศาสนาอีกประเภทหนึ่งที่ไม่นับถือศาสนา ซับซ้อนนิดนึงนะฮะ

เหตุผลของการที่ผมไม่นับถือศาสนา ผมรู้สึกว่าแต่ละศาสนาก็มีข้อดี ทำไมเราต้องยึดติดว่าเรานับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ผมชอบหลักคำสอนของพุทธ พวกไตรลักษณ์ ความไม่เที่ยง แต่ผมขี้เกียจไปวัด ผมขี้เกียจตื่นเช้าไปใส่บาตร ผมขี้เกียจท่องบทสวดมนต์ที่ผมไม่เคยเข้าใจมันเลย แต่ผมสามารถนำหลักนี้มาใช้ได้นี่ ผมชอบคริสเตียน หลักความรักของพระเจ้า ผมชอบมาก แต่ผมขี้เกียจไปโบสถ์ ผมไม่ชอบดื่มน้ำองุ่น หลักสันติของอิสลามผมมองว่ามันดีมาก ๆ แต่ผมอยากกินหมู ผมยังชอบหมูกระทะอยู่ ผมจะกินหมูไม่ได้ ผมจะดื่มเหล้าไม่ได้ ผมรู้สึกว่าสุดท้ายมันคือการรวมข้อดีของแต่ละศาสนา ผมมีความสุขและสบายใจมากกว่า”

สุดท้ายแล้ว อยากฝากอะไรถึงคนที่กำลังอ่านอยู่บ้าง?

“Fan Page The Common thread ครับ กับช่อง YouTube ชื่อเดียวกัน แล้วก็ขอขายของนิดนึงอันนาฝากมา (หัวเราะ) ช่อง Sandra Viv เป็นช่องแต่งหน้า ถ้าใครสนใจก็ไปดูกันได้ครับ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งก็คือผมอยากให้ทุกคนที่อยากสนับสนุนเราก็เข้ามาพูดคุยกัน ถ้าชอบคลิปไหนของเราก็แชร์ออกไป แค่ไม่เปิด Ad Block เราก็ดีใจแล้ว (หัวเราะ)

แล้วก็ที่ผมอยากให้เป็นมากที่สุดคือ ผมรู้สึกว่าถ้าช่องของผมจะประสบความสำเร็จจริง ๆ ผมมองว่าเรื่องรายได้มันสำคัญน้อยกว่าเรื่องที่เราได้พูดคุยกัน ถกเถียงกัน คือในสังคม Social Media ทุกวันนี้ ผมเห็นแต่อะไรก็ไม่รู้ คุยกันอยู่ดี ๆ ก็แตกประเด็นนอกเรื่องไป แล้วสุดท้ายก็ใช้คำหยาบมาด่ากัน ผมไม่อยากได้สังคมการถกเถียงแบบนี้ ผมอยากให้ทุกคนเข้ามาในช่อง The Common Thread ฟังคลิปของเราแล้วมาถกเถียงกัน ผมชอบคำพูดนึง น่าจะเป็นของ มหาตมะ คานธี เขาบอกว่า

ถ้าคุณมีเหรียญบาท 1 เหรียญ แล้วนำมาแลกกัน คุณจะกลับบ้านพร้อมเงินคนละ 1 บาท ถ้าคุณมีเรื่องเล่าหรือองค์ความรู้มาแลกกัน คุณจะกลับบ้านพร้อมองค์ความรู้คนละ 2 เรื่อง ผมอยากให้เป็นอย่างนั้น

บทสนทนาสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ แต่หลังจากนั้นเรายังนั่งคุยกับฟาโรห์ถึงประเด็นต่าง ๆ ในสังคมอีกพักใหญ่ ก่อนจะแยกย้ายกันไป เรายอมรับว่าค่อนข้างทึ่งกับแนวคิดของผู้ชายคนนี้ และเราเชื่อว่าคนที่อ่านบทสัมภาษณ์นี้อยู่ก็คงรู้สึกเหมือนกัน สำหรับใครที่อ่านจบแล้วรู้สึกอยากดูผลงานช่อง The Common Thread ขึ้นมา สามารถติดตามได้ที่คลิปด้านล่างนี้เลยครับ

 

PHOTOGRAPHER: Warynthorn Buratachwatanasiri

PERLE
WRITER: PERLE
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line