EVENT

CONVERSATION WITH ป๊อป ปองกูล มุมมองและวิธีคิดที่ทำให้ยืนหยัดในวงการมายาวนาน 13 ปี

By: Chaipohn December 23, 2017

นักร้องเสียงดี มีอารมณ์ขัน เป็นที่รักของทุกคน รูปทรงอวบกำลังดี คงไม่มีชื่อไหนแซง ‘ป๊อป ปองกูล’ ออกมาแน่นอน ด้วยคาแรคเตอร์ของผู้ชายอารมณ์ดี จนเราลืมไปว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้นั้น ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และแน่นอนว่า 13 ปีที่อยู่ในวงการบันเทิง นับว่าเป็นนักร้องที่มีอายุการทำงานยาวนาน เข้าขั้น Classic Vintage ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับวงการที่มาเร็ว ไปเร็ว เราคิดว่ามุมมองและวิธีคิดของคุณป๊อป น่าจะมีประโยชน์มากสำหรับทุกคน นำไปปรับใช้ได้สำหรับทุกอาชีพ ซึ่งการจากนั่งคุยกับคุณป๊อปมาพอสมควร ทำให้เราอยากแบ่งปันแนวคิด นำเสนอให้ทุกคนได้เห็นอีกด้านที่หลายคนไม่เคยได้เห็นของนักร้อง Superstar ที่ชื่อ ‘ป๊อป ปองกูล’

ภาพลักษณ์เป็นคนใจดีขี้เล่น จริง ๆ เป็นคนแบบนั้นไหม?

‘ต้องยอมรับว่าภาพของเราเป็นคนตลก อารมณ์ดี แต่ที่จริงเรามีตัวตนค่อนข้างหลากหลาย เราเป็นคนที่มีความแตกต่างของคาแรคเตอร์อยู่เยอะ จะมีคนใกล้ตัวบอกเราเป็นคนสนุกสนาน เป็นคนตลก บ้างก็บอกเป็นคนเครียด เป็นคนเอาจริงเอาจัง เป็นคนซีเรียส อยู่ที่ว่าจะเจอเราตอนที่อยู่ในโหมดไหนมากกว่า’

การเป็นคนหลากหลายตัวตน มีประโยชน์ในการทำงานที่ต้องอินกับคนอารมณ์ต่าง ๆ บ้างไหม?

‘เราว่ามันก็เป็นเชื้อเพลิงที่ดีในการขับเคลื่อนฟังก์ชันบางอย่างนะ เราต้องการใช้ความซีเรียสในการทำบางอย่าง เราจำเป็นต้องใช้ความคิดด้านอารมณ์ดี ใช้มุมมองด้านความตลกในการขับเคลื่อน มันขึ้นอยู่กับมุมมองที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ ณ ตอนนั้นเราต้องการเป็นใคร และคนนั้นคิด รู้สึกยังไงอยู่’

การเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องกล้ามใหญ่จริงไหม?

‘การเป็นนักร้องที่รูปร่างเหมือนเรา ที่จริงแล้วมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราก็มองว่าที่คนจำเราได้ตั้งแต่วันแรกถึงปัจจุบันนี้ ที่อยู่วงการมาได้ 13-14 ปี คนก็ยังจำเราได้ไม่เคยลืม ส่วนนึงก็เป็นเพราะรูปร่างหน้าตานี่แหละ เวลานึกถึงนักร้องอ้วนก็จะนึกถึงเรา หรือกอลฟ์ Fucking Hero อยู่สองคน แฟนเพลงก็มีจำสลับกันไปมาอยู่สองคนนี่แหละ เห็นเราเป็นกอล์ฟเห็นกอล์ฟเป็นเรา’

13 ปีจากเวที First Stage เรามีการเติบโตเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง

‘จริง ๆ เราเข้าใจมันมากขึ้นเกี่ยวกับวงการเพลงนะ ตอนแรกเราจะมองว่ามันอยู่ไกลตัว วงการมันก็เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ อยู่ด้วยยากอะไรแบบนี้ แต่พอผ่านมา 10 ปี วงการเพลงก็เหมือนรูปแบบสังคมรูปแบบนึง เราอยู่ในสังคมนี้ได้โดยการวางตัวแบบนี้ ทำตัวแบบนี้ เราก็จะอยู่ได้สบาย เป็นธรรมชาติ  ไม่ขัดเขิน ไม่ฝืน ไม่อะไรบังคับจิตใจให้รู้สึกอึดอัดจนเกินไป’

ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา เราเรียนรู้อะไรจากมันเป็นพิเศษ

‘มันก็คือการทำงานแหละครับ เพราะอันดับแรกเลย เราทำงานเพลง เปรียบเหมือน UNLOCKMEN เป็นคนทำนิตยสาร ทุกวันเราได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นเสมอ ได้สกิลเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าปีแรกมันอาจไม่ได้ Perfect อะไรขนาดนั้น ปีต่อมาเราก็เริ่มรู้ข้อเสียและปรับปรุง ซึ่งก็คล้ายกับการทำงาน

เวลาผ่านมา 13 ปี เราก็เริ่มรู้และเข้าใจตัวเองมากขึ้น ตอนแรกเราเข้ามาปีสองปีแรก เราไม่รู้ว่าเราต้องการอะไรด้วยซ้ำ ในปีที่ 5-6 เราจะเริ่มรู้ละว่าเราต้องการเป็นอะไร เราต้องการเป็นศิลปินเพื่ออะไร เรากล้าตอบตัวเองในบางคำตอบว่า พอหลายปีผ่านไป เราเริ่มเข้าใจธรรมชาติของมันว่า จริง ๆ แล้วคนเราก็ต้องการรายได้ เราต้องการเติบโตในหน้าที่การงาน เราต้องการงานที่มั่นคง ซึ่งไม่ว่าอาชีพอะไร นี่ก็เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐาน

ส่วนในระยะยาว เราต้องการเป็นศิลปินที่ดี เมื่อเราเกิดความคิดเหล่านี้ขึ้นมาชัดเจนขึ้น เราก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มันไปได้ในรูปแบบของการทำงาน 
การเป็นศิลปินสิ่งที่ยากก็คือการที่เราไม่สามารถการันตีได้เลย ว่าเราจะอยู่ในจุดนี้ได้นานเท่าไหร่ เพราะงั้นเราจึงพยายามวางแผนการทำงานของตัวเองให้มันเป็นธรรมชาติที่สุด เพื่อถึงจุดนึงแล้วก็ยังสามารถหมุนฟันเฟืองของมันไปเองได้โดยที่เราเข้าใจทุกระบบของตัวเรา’

Work hard vs Play hard เราเชื่อเรื่องความจริงจังกับชีวิต หรือใช้ชีวิตให้สนุกมากกว่ากัน

‘เชื่อทั้งคู่นะ คือถ้าคุณไม่จริงจังเลย ในบางเรื่องมันก็ทำให้ออกมาดีไม่ได้ มนุษย์ทำงานทุกคนมันต้องมีหยินและหยาง มีปล่อย มีดึง มีสนุก มีจริงจังจนเครียด ถ้าปล่อยทั้งหมดตามใจตามสบาย เราคงไม่สามารถอยู่รอดในระยะยาวได้ ถ้าเครียดไปทั้งหมด มันก็ไม่สามารถทำให้คุณทำงานกับคนอื่นได้เหมือนกัน’

การเรียนจบด้านประวัติศาสตร์มา ได้นำแนวคิดอะไรมาใช้บ้าง

‘ประวัติศาสตร์ทำให้เรามองว่าโลกนี้มันมีรูปแบบ มี Pattern มีการทำซ้ำอะไรหลายอย่าง ทุกอย่างมันจะเป็นแพทเทิร์นคล้ายเดิมที่เคยเกิดมาตั้งแต่ยุคก่อน

ทีนี้รูปแบบแพทเทิร์นมันสามารถช่วยให้เรารู้วิธีรับมือผู้คนที่เราต้องพบเจอ แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะ จะเป็นภาพรวมมากกว่า 
สมมติเราไปงานนึง เราจะรู้ว่าควรหยิบสคริปต์ไหนมาเล่น ควรจะพูดยังไง วางตัวยังไง เพราะคนเหล่านี้จะมีแพทเทิร์นคล้ายกัน 1 คือกลุ่มอายุ 2 คือกลุ่มอาชีพ และ 3 คือความสัมพันธ์ระหว่างกัน เราจะต้องเจอกับกลุ่มที่ทำงานด้วยกันมา หรือกลุ่มลูกค้า เราก็จะถามข้อจำกัดในการทำงาน และรายละเอียดว่าเค้าต้องการอะไรบ้าง งานนี้เป็นงานอะไร ต้องเจอกับใครบ้างยังไง ความสัมพันธ์เป็นยังไง ก็ช่วยให้เราวางแผน เตรียมตัวได้ง่ายขึ้น’

ช่วงนี้มีผลงานอะไรออกมาบ้าง

‘มีเพลงกำนันทองหล่อ แล้วเดี๋ยวจะมีเพลงใหม่ตามออกมาอีก ติดตามรอฟังกันเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ก็มีทำรายการทีวี stage fighter มีสามแยกปากหวาน’

อยากให้พูดถึงคอนเสิร์ตนั่งเล่น Music Festival 3 วันที่ 20 มกราคม 2561 ที่ The Ocean เขาใหญ่ มีอะไรพิเศษเตรียมไว้บ้าง

‘เราว่านั่งเล่น Music Festival เป็นเทศการดนตรีที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่คิดว่า Big Mountain Music Festival มันเด็กเกินไป มันเยอะ มันเหนื่อยเกิน ‘นั่งเล่น’ ก็จะเป็นงานที่ง่ายกว่า สะดวก ชิค ๆ ชิว ๆ สำหรับคนอายุ 30+ อะไรแบบนี้ เราว่ามันจะสบายใจสบายตัว ไม่ต้องแก่งแย่งอะไรมากมาย รูปแบบเพลงเวลาขึ้นไปเล่นก็จะไม่หนักมาก เน้นสนุกสนาน สามารถเดินไปคุย เดินไปกินได้ ครั้งนี้เค้าก็จะเน้นเรื่องอาหารค่อนข้างเยอะ รับรองว่าร่มรื่นใจ ได้ทั้งเสียงเพลง ความสบาย และอาหารการกิน’

คิดว่าเทศกาลดนตรีนั่งเล่น และตัวตนของ ป๊อป ปองกูล มีอะไรที่คล้ายกันบ้าง

‘เราว่าก็มีความเชื่อมโยงกันได้นะ อย่างครั้งนี้เค้าเน้นเรื่องอาหารหนัก ครั้งที่แล้วที่เราไป เราว่าอาหารเค้าก็เยอะแล้วนะ ครั้งนี้เน้นขึ้นมาอีก 40%  เอาเชฟชื่อดังไปทำ อย่างเช่นเชฟตาม ชุดารี เทพาคำ Top Chef Thailand คนล่าสุดเป็นต้น ผมว่าน่าจะทำให้บรรยากาศเป็นแบบที่เราใฝ่ฝัน เพราะเราเองก็อยากไปเทศกาลดนตรีที่ชิว ๆ สบาย ๆ ฟังเพลงเพราะ ๆ เคล้าอาหารดี ๆ นี่แหละที่เป็นสิ่งที่เราและ นั่งเล่น Music Festival ต้องการให้ออกมาดีเหมือนกัน’

ในยุคที่พวกเราต่างอยากประสบความสำเร็จ อยากให้แนะนำคนที่กำลังเริ่มต้นไล่ตามความฝันหน่อย 

‘พูดถึงคนที่กำลังฝันอยู่ บางทีมันอาจจะไม่ได้ตรงกับงานที่ทำอยู่ หรือเรียนอยู่ ผมว่าสุดท้ายแล้วความฝันจะอยู่กับคุณตลอดชีวิต การทดลองทำสิ่งที่เราชอบบ้าง เป็นการเพิ่มเชื้อเพลิงให้ชีวิตที่ดี ไม่จำเป็นต้องทำแล้วประสบความสำเร็จเสมอไป แต่ผมว่าสุดท้ายแล้ว อย่างน้อยเราได้ลองทำในสิ่งที่เรารัก มันจะตอบโจทย์ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร เพื่อมีความสุข บางทีเราทำงานได้เงิน แต่มันไม่ได้ช่วยด้านจิตใจของเรา เราไม่ได้รู้สึกมีความสุข มันเลยเหน็ดเหนื่อยในการทำงาน การแบ่งเวลาทำตามความฝันบ้าง มันช่วยสิ่งนี้ได้ดี’

มาถึงจุดนี้แล้ว ป๊อป ปองกูล ยังอยาก UNLOCK ตัวเองในด้านไหนอีก

‘จริง ๆ มีเยอะเลย เพราะว่าเราเป็นคนที่อยากทำอะไรหลายอย่างมาก แต่ว่าติดที่ความคิดเราเอง อยากทำอะไรมันส์ ๆ ลุย ๆ อย่างเดินป่า ผจญภัยโหด ๆ อะไรแบบนี้ อยากออกไปทำ น่าจะเป็นการปลดล็อคไฟในใจที่ดี แต่ช่วงนี้งานยุ่งมาก เลยไม่ได้ทำสักที แต่ต้องหาเวลาทำให้ได้เร็ว ๆ นี้แน่นอนครับ’

ต้องบอกว่าคาแรคเตอร์อีกด้านของป๊อป ปองกูล กับการทำงานและแนวคิดที่จริงจัง เป็นภาพที่หลายคนน่าจะไม่เคยได้สัมผัสมากนัก แต่นั่นก็คือความเป็นมืออาชีพ ที่คนทำงานทุกคนควรจะมี และใครอยากไปเจอกับป๊อป และเสียงเพลงที่เพราะผ่อนคลาย ทำลายความเครียดให้หมดไป พร้อมอาหารจากเชฟระดับแถวหน้าของเมืองไทย สามารถไปเจอกันได้ที่ ‘นั่งเล่น Music Festival 3 วันที่ 20 มกราคม 2561 ที่ The Ocean เขาใหญ่’ สอบถามข้อมูลกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ Facebook.com/nanglenfestival

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line