Entertainment

สำรวจโรคระบาดผ่าน MUSIC FESTIVAL เมื่อดนตรีคืออาวุธต่อสู้กับไวรัสมรณะ

By: unlockmen September 1, 2021

ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แม้ไวรัสจะยังไม่ลดราวาศอกที่จะทำลายหมู่มวลมนุษยชาติอย่างไม่หยุดยั้ง ซ้ำยังเสริมกำลังด้วยการพัฒนารูปแบบกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องปวดหัวในการหาวัคซีนสกัดกั้นไม่ให้มันมาระบาดอีก จนตัวเลขของการระบาดก็ยังคงรุนแรงในทุกที่และหลายประเทศเช่นเดิม

แต่ดูเหมือนทุกเทศกาลดนตรีบนโลกใบนี้ จะเดินหน้าต่อ ไม่เลื่อนหรือแคนเซิลอีกต่อไป หนำซ้ำพวกเขายอมลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลเพื่อสู้ยิบตากับไวรัสชนิดนี้ เพราะอะไรพวกเขาถึงต้องสู้ เรามาสำรวจทั้งด้านดี และด้านร้ายของเทศกาลดนตรีที่ผ่านมาจากทั่วโลกด้วยกัน

รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง

Jay Luffer กำลังตั้งแคมป์ในงานเทศกาลดนตรีเป็นครั้งแรก ก่อนที่เขาจะเดินทางไป Reading & Leeds Festival เขายอมรับกับ Newsbeat ว่า เขากังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับการจัดงานเทศกาลที่ไม่ถูกสุขลักษณะ “ผมเคยได้ยินเรื่องแย่ ๆ เกี่ยวกับห้องน้ำและห้องอาบน้ำ มันเลยรู้สึกเหมือนจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์โควิด” หนุ่มน้อยวัย 17 ปีกล่าว

“ผมคิดว่าการติดไวรัส เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้คนจำนวนมากที่ซื้อตั๋วคงคาดไว้อยู่แล้ว” และถึงแม้จะมีความเสี่ยงจากการอยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก แต่เขาก็ยังตั้งหน้าตั้งตารอ หลังจากที่พลาดการแสดงดนตรีสดในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ “เทศกาลต่าง ๆ จะกลับมาอย่างน่าตื่นเต้นอีกครั้ง”

Jay กำลังใช้มาตรการป้องกันตัวเอง โดยนำ mask และชุดทดสอบโควิด ATK ติดตัว “ผมรู้สึกว่าจะหลีกเลี่ยงได้ยากกับการติดโควิด แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยผมก็ได้พยายามแล้ว”

Jay Luffer คือหนึ่งในแฟนเพลงจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลมาชมเทศกาลดนตรี Reading & Leeds Festival ท่ามกลางกระแสข่าวการรุกคืบของไวรัสสายพันธุ์ Delta ที่ระบาดอย่างหนักในอังกฤษ ตัวเลขผู้ป่วยที่กลับมาสู่หลักหมื่นอีกครั้ง แต่คนตายกลับลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะการรับวัคซีนครบ 2 โดสทำให้เขาพร้อมเสี่ยงที่จะไปสัมผัสประสบการณ์ทางดนตรีมากกว่าจะคุดคู้อยู่ในห้องอย่างเอื่อยเฉื่อย

ไม่ใช่เพียงแค่ Jay เท่านั้น ที่โดนริดรอนความเป็นวัยรุ่นในรอบปีที่ผ่านมา หลายคนเชื่อมั่นว่า “ความเป็นวัยรุ่นนั้นมีได้แค่ครั้งเดียว” พวกเขาจึงไม่เกรงกลัวที่จะเอาตัวเองไปเสี่ยงเพื่อแลกมันกับประสบการณ์ที่กำลังจะเลยผ่านไปในชั่วพริบตา

Reading & Leeds Festival 2021 เทศกาลดนตรีที่จัดมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1971 หลังจากปีที่แล้วต้องแคนเซิลไปจากการระบาดของโควิด แม้ในครั้งนี้จะมีผู้เข้าชมที่ลดจำนวนลงมา แต่ประชากรที่แน่นขนัดกว่า 75,000 คน ก็ไม่ใช่น้อยเลยในช่วงที่เดลต้าระบาดขนาดนี้ โดยมีศิลปินมากมายที่เรียกแฟนเพลงกลับมาดูคอนเสิร์ตได้อีกครั้ง โดยในปีนี้เฮดไลน์ของงานนี้ก็คือ Liam Gallagher, Biffy Clyro, Stormzy, Catfish and the Bottlemen, Post Malone, Disclosure และ Wolf Alice มาร่วมสร้างสีสัน

ซึ่งในเทศกาลนี้ ทางผู้จัดได้ทำเวทีเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายความแออัดในการชมคอนเสิร์ตให้มีอากาศถ่ายเทมากยิ่งขึ้น แต่ถึงกระนั้น ผู้คนมากมายที่ได้ชมภาพจากข่าว ก็ยังรู้สึกว่าคนยังแน่นและน่าจะเกิดคลัสเตอร์ใหญ่อย่างแน่นอน แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าหลังจากนี้ 14 วัน ยอดผู้ติดเชื้อจากเทศกาลดนตรีนี้จะมีจำนวนเท่าไหร่


 

มาตรการอันรัดกุม อาจจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบของคอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรีไปตลอดกาล

ในการเตรียมตัวไปเทศกาลดนตรีก่อนโควิด หลายคนอาจจะเตรียมชุดเก๋ ๆ พร้อมออพชั่นเสริมเพื่อความดูดีในการถ่ายรูปลงโซเชี่ยล แต่หลังโควิด นอกจากชุดสุดเจ๋ง เบียร์ยี่ห้อที่เราคุ้นเคย สิ่งที่ต้องมีติดตัวก็คือ หน้ากาก / ชุดตรวจ ATK และเอกสารยืนยันการรับวัคซีน

Jay กล่าวเสริมว่า ความไว้ใจในมาตรการอันเข้มข้น ทำให้เขาคลายความกังวลเรื่องโควิดไปพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือตั๋วที่ต้องพิสูจน์ว่าเคยรับวัคซีนสองครั้ง และมีผลการทดสอบ ATK เป็นลบ หรือมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ – เนื่องจากคนหนุ่มสาวจำนวนมากอาจจะยังรับวัคซีนไม่ครบ

สำหรับ Shrish Menon การไปงานเทศกาล Lost Village จะเป็น “การปลดปล่อยจากความเลวร้ายในช่วงปีที่ผ่านมา”

“ฉันตั้งตารอที่จะได้อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย และหลีกหนีจากความเป็นจริงจากงานที่แสนกดดัน” หญิงสาววัย 24 ปีจากลอนดอนตะวันออกกล่าว

Shrish ยอมรับว่าการติดไวรัสเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่การฉีดวัคซีนสองครั้งทำให้เธอสบายใจขึ้น

“ฉันรู้ว่ามีความเสี่ยงและเป็นกังวลเล็กน้อย แต่เรากังวลเรื่องโควิดมานานเกินไปแล้ว” โดย Shrish รู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่จะเสี่ยง “ฉันรู้สึกว่าเราจะก้าวข้ามความหวาดกลัวนั้น หากเราได้ไปเยือนเทศกาลดนตรีและเห็นด้วยตาตัวเอง”

สำหรับเทศกาล Lost Village เป็นเทศกาลที่รวบรวมศิลปะหลากแขนงที่เหนือจริงและสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำในป่าอันเงียบสงบ โดยผู้ร่วมงานจะได้รับเชิญไปยังโลกสมมติที่รายล้อมไปด้วยตึกร้าง และฐานทัพอากาศร้าง โดยเวลา 4 วันนี้ทุกคนจะได้ดื่มด่ำไปกับดนตรี / ละครเวที / โชว์ตลก และอาหารรสเลิศ ในปีนี้มีเฮดไลน์เจ๋ง ๆ อย่าง Bombay Bicycle Club / Caribou / Four Tet และ Arlo Parks มาสร้างสีสันอีกด้วย


 

ฟื้นฟูจิตใจคนในประเทศก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจให้คนนอกประเทศ

ปีนี้เทศกาลดนตรี Fuji Rock Festival 2021 จำต้องเปลี่ยนรูปแบบการจัดอย่างสิ้นเชิง จากที่ทุก ๆ ปี เฮดไลน์เด่น ๆ ของเทศกาลจะเป็นศิลปินดังจากต่างประเทศ แต่ครั้งนี้ในงานคอนเสิร์ต 3 วัน ล้วนแล้วแต่เป็นศิลปินจากแดนอาทิตย์อุทัย เพื่อคนดูชาวอาทิตย์อุทัยทั้งสิ้น

ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่ประสบปัญหาในการจัดจัดการทั้งเรื่องวัคซีน และจำนวนผู้ป่วยใหม่ที่ยังอยู่ในระดับ 20,000 รายต่อวัน แต่เพราะประเทศแห่งนี้ต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงจำต้องคลายล็อคบางอย่าง ซึ่งเห็นได้ชัดก็คือการเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิก ท่ามกลางผู้คนมากมายที่ไม่เห็นด้วย แต่ก็จบลงได้อย่างน่าประทับใจ

ซึ่งงาน Fuji Rock ก็แคนเซิลในปีที่แล้วเช่นกัน แต่ปีนี้เลือกที่จะเดินหน้าจัดงานโดยมีศิลปินเฮดไลน์ที่เป็นวงท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น Radwimps, King Gnu, Man with a Mission, Ken Yokoyama, Indigo la End และ CHAI ซึ่งคนไทยและทั่วโลกได้รับชมผ่านไลฟ์สตรีมใน YouTube ซึ่งก็สร้างทั้งความเชื่อมั่น และได้เห็นศักยภาพของตัวศิลปินที่โดดเด่นมากขึ้น

โดยมีผู้ที่ไปงานนี้แบบไม่ประสงค์ออกนาม มาเล่าบรรยากาศของงานในครั้งนี้ว่าอาจจะดูกร่อยไปสักหน่อย ท่ามกลางมาตรการที่เข้มงวด จำกัดคนเข้า แถมไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่เขาก็บอกว่าครั้งนี้กลับเติมเต็มความรู้สึกที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มนักดนตรีชาวอาทิตย์อุทัยที่ปกติล้วนแต่อยู่ในเงาของศิลปินต่างประเทศ ซึ่งคนดูส่วนใหญ่ตั้งใจมาดูศิลปินเหล่านั้น แต่เมื่อเทศกาลถูกจัดโดยมีแต่ศิลปินท้องถิ่น พวกเขาจึงเล่นแบบจัดหนักจัดเต็มในการแสดงอย่างเต็มที่ ทำให้มันเป็นงานที่น่าจดจำและประทับใจไม่ใช่น้อยท่ามกลางจำนวนผู้ชมที่บางตาลงเมื่อเทียบกับปีอื่นๆ


 

ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นดีเห็นงามกับเทศกาลดนตรี

“การเลือกไม่ไป คือ ‘การตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับผม’”

Jack Stacey นักเตะแห่งสโมสร AFC Bournemouth รู้สึกเสียใจที่ได้เข้าร่วม Boardmasters Festival เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผลลัพธ์ก็คือ พวกเขาและเพื่อนทั้ง 20 คนติดเชื้อโควิดยกแก๊ง

“ตอนแรกที่กลับจากเทศกาลดนตรี ผมพบอาการแค่ไอเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลย” และหลังจากที่เขากลับมาบ้าน พี่ชาย น้องสาว และพ่อของเขาก็มีผลตรวจเป็นบวกเช่นกัน

ประสบการณ์ของ Jack คือสิ่งที่ McKenzie Holmes ต้องการหลีกเลี่ยง เธอไปที่ Reading ในปี 2019 และอธิบายว่าเป็น “ประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิต” แต่ปีนี้กลับกลายเป็นคนละเรื่อง ในความเป็นจริง สาวน้อยวัย 18 ปีจากสวอนซีควรจะกลับไป Reading อีกครั้ง และมีแผนการชมแสดงสดอื่น ๆ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ไปในวินาทีสุดท้าย

“ฉันไม่กล้าไป เพราะกลัวว่าจะมีเป็น 1 ในยอดผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น” เธอกล่าวด้วยความกังวลว่าอาการป่วยจะทำให้เธอสูญเสียโอกาสในการใช้ชีวิตอย่างอื่น “ก่อนโควิดฉันมีความฝันว่าจะไปทุกที่ แต่ความกังวลเรื่องโควิด ทำให้ฉันคิดว่าฉันยอมพลาดประสบการณ์บางอย่างเพื่ออนาคตภายภาคหน้าดีกว่า”


 

คอนเสิร์ต Outdoor คือทางรอดของการจัดคอนเสิร์ตในอีกหลายปีหลังจากนี้

แม้ว่าหลายคอนเสิร์ตจะจัดงานด้วยจำนวนผู้ชมมหาศาล แต่ไม่มีสิ่งไหนที่ชี้ชัดได้ว่างานที่จัดนั้นคือแหล่งเพาะเชื้อ เพราะทุกงานล้วนมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด งานส่วนใหญ่ย้ายไปจัดในสถานที่อากาศถ่ายเทได้ดีกว่าในฮอลล์คอนเสิร์ต ดังนั้นการจัดคอนเสิร์ต Outdoor อาจจะเป็นคำตอบที่ดีในอีกหลายปีจนกว่าจะควบคุมโรคระบาดได้

แต่มากกว่านั้นคือความร่วมมือทั้งผู้จัด ศิลปิน และผู้ชม ที่อยากให้มีการจัดคอนเสิร์ต และการใช้ชีวิตกลับมาเป็นปกติให้ได้ ซึ่งประเทศไทยเราในตอนนี้แทบไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้เลย ซึ่งสุดท้ายเราก็พบว่า วัคซีน คือทางแก้ปัญหาได้ดีที่สุด อย่างน้อย ๆ หากประชากรในประเทศนี้หากได้รับวัคซีนถึง 70% ก็เพียงพอจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว

ถือเป็นความพยายามที่น่าสนใจในต่างประเทศ ที่พยายามจัดเทศกาลดนตรีเพื่อเป็นอาวุธสำคัญในการปรับทัศนคติของคนที่ยังหวาดกลัวการฉีดวัคซีน เป็นการส่งสัญญาณว่า ถ้าเอ็งไม่ฉีด ก็อย่าหวังจะได้มาสนุกไปกับคนส่วนใหญ่ในเทศกาลดนตรี “มันคือกิจกรรมที่พิสูจน์ว่าแต่ละประเทศมีความพร้อมเท่าไหร่ในการเปิดประเทศอย่างจริงจัง”

 

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line