Life

การเมืองดุ ใจก็เดือด ‘รับมือความเครียดที่พุ่งใส่’ เมื่อข่าวสารบ้านเมืองไหลไวและคุกรุ่น

By: PSYCAT October 27, 2020

ปฏิเสธไม่ได้ว่าพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ พื้นที่ข่าวทางหน้าจอโทรทัศน์ ไปยันบทสนทนาของผู้คนในชีวิตประจำวัน ณ ขณะนี้ มีเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองเป็นหนึ่งในหัวเรื่องหลักด้วยเสมอ ๆ ไม่ว่าคุณจะคือคนที่สนใจการเมืองมาก สนใจน้อย หรือไม่สนใจเลย แต่เมื่อข่าวสารบ้านเมืองไหลเร็วและพุ่งมาจากทุกทิศทุกทางก็อาจนำความตึงเครียดมาสู่จิตใจได้โดยไม่รู้ตัว

โดยเฉพาะถ้าคุณคือคอการเมืองตัวยง สนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรายวันหรือบางครั้งไหลเร็วถึงขั้นรายชั่วโมง รายนาที การตื่นตัวและทันเหตุการณ์อยู่เสมอนั้นไม่ใช่เรื่องผิด แต่เมื่อไรก็ตามที่เริ่มรู้สึกนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ปวดหัว ไม่เป็นอันทำการทำงาน อยากติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ฯลฯ นั่นก็อาจเป็นสัญญาณเตือนให้หันมาดูแลสุขภาพจิตใจของเราแล้ว

สุขภาพจิตใจของเราก็มีความหมายไม่แพ้เรื่องการเมือง UNLOCKMEN จึงอยากชวนมารับมือกับความเครียด ในห้วงเวลาที่ข่าวสารบ้านเมืองกำลังร้อนระอุเช่นนี้

แบ่งเวลาให้ความสุขของตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด

สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจคือเราไม่ต้องรอให้ใครมาอนุญาตให้เรามีความสุข เราสามารถเป็นคนที่ติดตามและตื่นตัวทางการเมืองไปพร้อม ๆ กับการมีความสุขและดูแลสุขภาพจิตตัวเองได้ โดยเฉพาะถ้าคุณคือคนที่ติดตามการเมืองอยู่เสมอ วิธีการรับมือกับความเครียดที่ดีมากอย่างหนึ่งคือการกำหนดเวลาพักให้ตัวเอง

อาจจะเป็นการกำหนดว่าทุกวันอาทิตย์เราจะพัก ไม่เปิดเฟซบุ๊ก ไม่ไถทวิตเตอร์ ไม่รับข้อมูลข่าวสารใด ๆ หรืออาจจะกำหนดเวลาพักรายชั่วโมงในแต่ละวัน เช่น ทุก ๆ วันจะมีเวลา 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอนที่เราจะปิดการรับรู้ข่าวสารทุกอย่าง โดยในเวลาพักเหล่านี้หาสิ่งที่เยียวยาหัวใจตัวเองทำ ถามตัวเองว่าอะไรที่เราทำแล้วมีความสุข (แม้จะเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม) เล่นกับแมวที่บ้าน ออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะ ดูซีรีส์สืบสวนให้ตาแฉะ หรืออ่านหนังสือที่ชอบสักเล่ม

ไม่ต้องรู้สึกผิดกับการแบ่งเวลามาเพื่อพักและมีความสุข เพราะขีดจำกัดหรือปริมาณความเครียดของคนไม่เท่ากัน ถ้าเราตระหนักว่าเราเครียด เราก็ควรดูแลความรู้สึกตัวเอง อย่าปล่อยให้ไปถึงจุดที่เกินรับไหวหรือเยียวยา


“บริหารเวลา”อีกหนึ่งกุญแจสำคัญช่วยลดความเครียด

บางครั้งสถานการณ์การเมืองอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น (ที่ไม่ได้ทำให้เราเครียดอะไรขนาดนั้น) แต่สาเหตุที่แท้จริงของความเครียดดันมาจากการที่เราติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ตื่นตัว จนไม่เป็นอันทำสิ่งอื่น ๆ ดังนั้นการบริหารเวลาเพื่อมาทำสิ่งที่ต้องรับผิดชอบให้เสร็จ และดูแลชีวิตด้านอื่น ๆ ของเราให้มีประสิทธภาพก็จะช่วยให้เราเครียดกับเรื่องธุระส่วนตัวน้อยลง สามารถไปติดตามข่าวสารที่เราอยากตามได้มีคุณภาพขึ้น

อย่างไรก็ตามในวันที่สถานการณ์เดือดก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีสมาธิจดจ่อกับการทำงานได้ อย่าเพิ่งกดดันตัวเอง หรือยัดว่า เฮ้ย เดี๋ยวจะทำทุกอย่างให้เสร็จในหนึ่งวันไปเลยจะได้มีเวลาเหลือ ๆ แต่ให้ลองจัดลำดับความสำคัญ ลองกางออกมาให้หมดว่าในหนึ่งเดือน หนึ่งอาทิตย์เรามีอะไรที่ต้องทำบ้าง? อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด อะไรคือสิ่งที่ด่วน การกางออกมาจัดลำดับจะช่วยให้เราเห็นภาพกว้าง และจัดการเวลาทำสิ่งไหนก่อนหลังได้ดีขึ้น

รวมถึงการแบ่งสิ่งที่ต้องทำออกเป็นสิ่งเล็ก ๆ ย่อย ๆ เพื่อที่เราจะได้ไม่รู้สึกว่าต้องบังคับตัวเองให้นั่งทำสิ่งนั้นยาว ๆ แต่สามารถแบ่งเวลามาทำแต่ละสิ่งให้เสร็จ พร้อม ๆ กับแบ่งไปตามข่าวสารที่ต้องการได้ โดยไม่มีสิ่งไหนเบียดบังกัน


สุขภาพกายที่ดีมีส่วนให้สุขภาพจิตดีเช่นกัน

เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองมีเรื่องให้ติดตามและทำความเข้าใจมหาศาล บางครั้งเราก็ละเลยการดูแลตัวเองไป ในสภาวะแบบนี้เราไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องมีเวลาเหลือ ๆ ไปออกกำลังกาย กินอาหารคลีน แต่อย่างน้อยที่สุดการพาตัวเองออกไปเดินรับแสงแดดวันละ 20-30 นาที ได้พักสมอง ได้เคลื่อนไหวร่างกายสิ่งนี้ก็สามารถเยียวยาจิตใจได้ไม่น่าเชื่อ แต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลาเหลือเลย อย่างน้อยลองดูแลสุขภาพกายด้วย 4 อย่างต่อไปนี้

  1. กินอาหารที่มีประโยชน์ แม้จะดูเป็นคำแนะนำเฝือ ๆ แต่การกินอาหารที่ดีต่อร่างกายมีส่วนสำคัญอย่างมากที่ร่างกาย สมองจะรับมือกับความเครียดได้มีประสิทธิภาพขึ้น อย่างน้อยอย่าลืมกินอาหารเช้า เลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพียงพอ
  2. ลดกาแฟและน้ำตาล การมีปริมาณคาเฟอีนและน้ำตาลในร่างกายสูง (ชั่วขณะ) ส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกและพลังงานของมนุษย์อย่างมาก ดังนั้นพยายามลดกาแฟ ลดน้ำหวาน น้ำอัดลม ไปจนถึงชานมแก้วโปรด และขนมหวานน้ำตาลสูงทั้งหลายลง เราจะพบว่าเราผ่อนคลายมากขึ้น และหลับได้ดีขึ้นด้วย
  3. ลดแอลกอฮอล์ บุหรี่ และยาเสพติด แม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่สร้างความผ่อนคลายให้เราได้ในวันที่สถานการณ์หนักหน่วง แต่สิ่งเหล่านี้มักจะพาเราหลบหนีความเครียดไปได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ถ้าดื่มจิบ ๆ พอสนทนาอาจไม่เท่าไร แต่อย่าให้ถึงขั้นเมามายเพื่อหลีกหนีความเครียด เพราะมันไม่ช่วยอะไร
  4. นอนหลับให้เพียงพอ เรื่องพื้นฐานที่สุดแต่ส่งผลต่อสภาพอารมณ์และจิตใจมหาศาล ถ้าอดนอน นอนน้อย ยิ่งส่งผลให้ร่างกายเหนื่อย และส่งผลต่อปริมาณความเครียด รวมถึงสติสัมปชัญญะที่จะรับมือกับความเครียดได้ ดังนั้นไม่ว่าจะตามข่าวแค่ไหน ต้องแบ่งเวลาไปนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอให้ได้

“วิธีปลดปล่อยความเครียดฉุกเฉิน” สิ่งสำคัญที่ต่างคนต่างต้องหาของตัวเองให้เจอ

วิธีการรับมือและจัดการความเครียดในระยะยาวหรือลักษณะการป้องกันนั้นก็สำคัญ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าเรากินอิ่ม นอนหลับ บริหารจัดการเวลาตัวเองดี ๆ แบ่งเวลาไปทำสิ่งที่มีความสุขแล้วเราจะปราศจากความเครียดทันที ข่าวบางข่าว สถานการณ์บางรูปแบบ ความเป็นไปที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็อาจพุ่งหมัดตรงใส่เราจนเราโกรธ โมโห หดหู่ ผิดหวังขึ้นมาได้ในชั่วเวลาไม่กี่นาที ดังนั้น “วิธีปลดปล่อยความเครียดฉุกเฉิน” เฉพาะบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ในชั่วขณะแรกที่เราตระหนักว่าเรากำลังตึงเครียด วิธีที่ทำได้คือการหยุด (ถ้าเห็นหน้าใคร ฟังใครอยู่แล้วโกรธก็พยายามมองไปทางอื่น สิ่งอื่น) จากนั้นหายใจเข้าออกลึก ๆ แล้วพยายามใช้ประสาทสัมผัสรับรู้สิ่งรอบตัวให้ได้มากที่สุด เช่น ตอนนี้เรากำลังได้ยินอะไร เสียงรอบตัวมีอะไรกำลังดังอยู่ เราเห็นอะไร ในปากเรากำลังรับรสอะไร มือที่กำลังกำอยู่รู้สึกแบบไหน ฯลฯ เพื่อตระหนักและรับรู้ พาตัวเองออกมาจากความรู้สึกที่พุ่งทะลุปรอทชั่วคราว

แต่หลังจากนั้นให้หาวิธีคลายเครียดฉุกเฉินของตัวเองให้เจอ เช่น บางคนได้เกาคางแมวแล้วคลายลงทันที บางคนโทรไปอ้อนแฟนที่บ้านแล้วรู้สึกดีขึ้น ฟังเพลงโปรดติดกัน 10 รอบแล้วโอเค ฯลฯ ขั้นตอนนี้ไม่มีกฎตายตัว เพียงแต่ต้องทำความรู้จักตัวเอง หาวิธีที่เราจะดีลกับอารมณ์ความรู้สึกตัวเองแบบไวที่สุดให้เจอ เพื่อใช้ในสถานการณ์ที่ความเครียดโจมตีแบบฉับพลัน

 

อย่างไรก็ตามอย่าลืมสังเกตตัวเอง ถ้าเริ่มมีวงจรการนอนผิดปกติ วิถีการกินเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ร้องไห้หรือตึงเครียดหนักโดยไม่สามารถรับมือได้ อย่ากลัวที่จะปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เมื่อเราพยายามรับมืออย่างดีที่สุดแล้วแต่ไม่ไหว การรับความช่วยเหลือจากคนที่เข้าใจเรื่องสุขภาพจิตใจมากกว่าก็เป็นวิธีจัดการความเครียดที่ถูกต้องที่สุด

 

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line