CARS

DESIGN PHILOSOPHY: คุยกับ MATTHIAS JUNGHANNS หัวหน้าทีมออกแบบ BMW X7

By: SPLESS April 10, 2019

โลกยนตรกรรมไม่เคยหยุดนิ่ง รวมถึงยังเหยียบคันเร่งพัฒนาอยู่เสมอจนผู้ชายอย่างเราได้ประโยชน์เต็ม ๆ ทั้งเรื่องเทคโนโลยีที่ก้าวเข้ามามีบทบาทต่อผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งการเข้ามาเป็นผู้ช่วยขับขี่อัจฉริยะ รวมทั้งสมรรถนะที่ยกระดับขึ้นเรื่อย ๆ  ทำให้หนุ่ม ๆ อย่างเรามีทางเลือกก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์สักคันมากกว่าที่เคย

นอกจากเรื่องเทคโนโลยีและสมรรถนะแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าการออกแบบก็ถือเป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะรถยนต์ที่เปิดตัวใหม่ เพราะงานดีไซน์สามารถบอกตัวตนของรถยนต์แต่ละคันให้ประทับอยู่ในใจผู้คนไม่รู้ลืม

หลายคนอาจไม่เคยรู้เลยว่ากว่าจะพัฒนาออกมาเป็นรถยนต์โฉมสุดท้ายที่เปิดตัวสู่สายตาผู้คน จะต้องผ่านการกลั่นกรองไอเดียและใช้เวลาออกแบบอย่างละเอียดขนาดไหน วันนี้จึงเป็นโอกาสดีของ UNLOCKMEN ที่ได้คุยกับ Mr. Matthias Junghanns หัวหน้าทีมดีไซเนอร์และผู้ดูแลการออกแบบรถยนต์ในเซกเมนต์ SAV จากค่ายใบพัดสีฟ้าอย่าง THE X7 ที่จะมาเล่าถึงปรัชญาการออกแบบยนตรกรรมคันล่าสุดที่ถือเป็นตำนานบทใหม่ของ BMW เลยก็ว่าได้

ไอเดีย ความใส่ใจและการแข่งขันที่ทำให้เกิดงานดีไซน์ชั้นเลิศ

Matthias Junghanns เล่าเรื่องจุดเริ่มตอนการออกแบบ THE X7 ให้เราฟังว่า เดิมทีรถยนต์ในรุ่น X ของ BMWจะถูกมองเป็นรถยนต์ที่เหมาะกับการใช้งานอย่างคล่องตัว เหมาะสำหรับลุยไปทุกที่เพราะเป็นรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนใหญ่มาในรูปแบบ Compact Luxury SUV หรือ Sub-Compact Luxury SUV แต่สำหรับ X7  ตัวเขาและทีมออกแบบตัดสินใจใส่ความหรูหราเข้าไป เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กลายเป็น Luxury Vehicles เต็มรูปแบบ แต่ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องหรูหราอย่างเดียวเท่านั้น เพราะใน X7 ก็มีดีเอ็นเอความเป็นสปอร์ตของ BMW ผสมผสานเอาไว้ในรถยนต์คันนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

“ผมและทีมงานต้องการที่จะเพิ่มความหรูหราเข้าไปใน  THE X7 แต่เวลาเดียวกันดีเอ็นเอของความเป็นสปอร์ตของ ​BMW ก็ยังคงผสมผสานรวมอยู่”

เขาเล่าต่อว่าการออกแบบของ BMW เต็มไปด้วยความใส่ใจและเข้มข้นทุกขั้นตอน เริ่มจากการแข่งขันภายในของทีมออกแบบ 30 ทีมที่ต้องส่งไอเดียคอนเซ็ปต์ภาพตัวอย่างของรถยนต์ 1 คัน ตามโจทย์การดีไซน์ที่ได้รับมา ต่อด้วยการคัดเลือกให้เหลือเพียง 3 ทีม ที่จะได้พัฒนางานออกแบบทั้งหมด ก่อนทำเป็น Motion Virtual Reality เพื่อนำเสนอให้บอร์ดแก้ไขและตัดสินใจซึ่งใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือน

ก่อนคัดเหลือเพียง 2 ทีมสุดท้ายที่ได้สิทธิพัฒนา จนกว่าไอเดียทั้งหมดจะตกผลึกออกมาเป็นงานดีไซน์ที่ดีที่สุดซึ่ง BMW X7 คุณ Matthias Junghanns ก็ได้รับโจทย์การออกแบบที่นอกเหนือจากงานดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นระบบและเทคโนโลยีทางวิศวกรรมยานยนต์ต่าง ๆ ที่บอร์ดกำหนดว่าต้องมี ซึ่งก็เป็นความรับผิดชอบที่เขาต้องจัดการให้แต่ละส่วนลงไปอยู่ในรถได้อย่างลงตัว ความท้าทายอีกเรื่องหนึ่งคือการที่ต้องออกแบบให้สวยงาม แต่นวัตกรรมต่าง ๆ ก็ต้องมีครบถ้วนด้วยเช่นเดียวกัน

  ปรัชญาของการออกแบบ สร้างให้เกิดเอกลักษณ์ของความหรูหราและสวยงาม

Matthias Junghanns เล่าให้เราฟังต่อว่างานดีไซน์ที่สวยงามและหรูหราของ BMW X7 เกิดจากไอเดียอันหลากหลายของทีมออกแบบ BMW Group ทั้ง 700 ชีวิตที่ไม่ได้ประจำอยู่แค่ในศูนย์ใหญ่ของ BMW ในเมืองมิวนิคเท่านั้น แต่ยังอยู่ในบริษัทลูกที่ตั้งอยู่ในหัวเมืองสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในทวีปอเมริกาเหนือในสหรัฐอเมริกา แม้แต่ในทวีปเอเชียอย่างในนครเซี่ยงไฮ้ ทั้งหมดก็เพื่อรับรู้ถึงเสียงตอบรับและความต้องการจากผู้คนทั่วโลก มาใช้เป็นเหตุผลในการออกแบบรถยนต์ของพวกเขา

“หน้าที่ของดีไซเนอร์ คือไม่ว่าจะเป็นสิ่งของอะไรก็ตาม เรามีหน้าที่ออกแบบสิ่งเหล่านั้นให้เป็นไปตามโจทย์ที่ได้รับมา”

ตัวเขาเองก็นำประสบการณ์ในการทำงานออกแบบของตัวเองทั้ง งานออกแบบเรือ นาฬิกา รวมถึงรถยนต์ Roll Royce ที่เขาเคยดูแลมาก่อนมาปรับใช้เพื่อทำงานร่วมกับทีมออกแบบภายนอกและทีมออกแบบภายในของโปรเจกต์ BMW X7

เขานั่งประชุม ถกเถียง คัดเลือกไอเดียจำนวนมาก ก่อนตัดสินใจว่าจะสร้างสรรค์รถที่มีตัวตนเด่นชัดและมีเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตัวเองมากที่สุดออกมายังไง

ขั้นตอนการออกแบบของ BMW ครั้งนี้มีอีกหนึ่งความคลาสสิกอย่างการสร้างโมเดลรถยนต์ขนาดเท่ากับของจริงจากดินเหนียวซึ่งเป็นรูปแบบดั้งเดิมที่สืบทอดกันมายาวนาน เริ่มต้นจากการขึ้นรูปดินในขนาดที่ต้องการก่อนลงดีไซน์ลายเส้นและลักษณะเฉพาะของตัวรถให้เป็นไปตามรูปแบบที่วางไว้ แล้วเทียบกับตัวคนเพื่อให้ได้ภาพสมจริง

THE X7

แค่พูดคงยังไม่เห็นภาพ คุณ Matthias Junghanns ถือโอกาสพาเราชมความสวยงามของ BMW X7 อย่างใกล้ชิด เริ่มจากส่วนงานออกแบบ ไปจนถึงความพิเศษของฟังก์ชันและเทคโนโลยีหลากหลายที่อัดแน่นไว้ภายในความกว้างขวางของรถยนต์คันนี้

เริ่มจากงานดีไซน์ภายนอกที่เขาอธิบายให้ฟังว่า ด้านหน้าและด้านข้างของ THE X7 มากับเส้นสายบนฝากระโปรงและเส้นที่พาดผ่านด้านข้างของตัวรถที่สวยงามโดดเด่น เป็นการออกแบบที่ตั้งใจสร้างมิติเพื่อดึงดูดสายตาและองศาตกกระทบแสงที่สวยงาม

กระจังหน้าทรงไตคู่แนวตั้งขนาดใหญ่และไฟหน้า BMW Laserlight เติมความโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้วจาก BMW Individual มาเพิ่มความบึกบึน ซึ่งเป็นครั้งแรกของรถยนต์เอนกประสงค์ขนาดใหญ่ (SAV) ที่ใช้ท่อไอเสีย M Sport ที่เลือกเข้ามาปล่อยเสียงสุดดุดันของเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ที่ทำงานร่วมกับ M Performance TwinPower Turbo ให้กำลัง 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตรสูงสุดที่ 2000-3000 รอบต่อนาที ซึ่งสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 250 กิโลเมตร/ ชั่วโมง

 “ความสนุกของงานนี้คือความท้าทายในการใส่เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้าไป ในขณะที่ความสวยงามของการดีไซน์ก็เป็นเรื่องสำคัญลำดับแรก”

ต่อด้วยการชมความหรูหราของงานออกแบบภายในห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่มีเบาะปรับไฟฟ้า 3 แถวบุด้วยหนังแท้ Merino จุผู้โดยสารได้สูงสุด 7 คน ห้องโดยสารตกแต่งด้วยลายไม้สีดำเงาและห้องสัมภาระที่จุได้ถึง 326 ลิตรซึ่งสามารถเพิ่มเป็น 750 – 2120 ลิตรเมื่อปรับเบาะแถวที่ 3 และ 2 ตามลำดับ

เขายังชวนให้เรายลโฉมจุดเด่นของ X7 ไม่ว่าจะเป็นวัสดุแต่งผลึกแก้ว “CraftedClarity” และชุดไฟ Ambient Light ที่ให้ผู้ใช้งานเลือกสร้างบรรยากาศตามความต้องการในเวลากลางคืนและรับแสงกลางวันได้เต็มที่จากเพดานแบบ Panorama Glass Roof Sky Lounge ขนาดใหญ่ซึ่งกินพื้นที่ครอบคลุมเกือบทุกส่วนของห้องโดยสาร ออกแบบมาเพื่อสร้างความรู้สึกโอ่อ่ากว้างขวางให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกตำแหน่ง

HEY BMW

นอกเหนือจากการพูดคุยในด้านงานดีไซน์แล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่คุณ Matthias Junghanns ภูมิใจนำเสนอคือระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ที่ติดตั้งมาเป็นส่วนหนึ่งของ BMW Operating System 7.0 ซึ่งจะทำงานประสานกับ BMW Live Cockpit Professional โดยระบบผู้ช่วยส่วนตัวดังกล่าวจะรับคำสั่งจากคำพูดที่เป็นเสียงธรรมชาติและสามารถจดจำกิจวัตรประจำวัน รวมถึงรูปแบบการใช้งานเฉพาะตัวของผู้ขับขี่ได้

นอกจากนั้นยังควบคุมการสั่งงานเพียงออกคำสั่งว่า HEY BMW ให้ระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ปรับระบบการส่วนต่าง ๆ ของตัวรถได้ตามใจ นับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบความหรูหราที่เราจะได้รับจากรถคันนี้

ทั้งหมดนี้คือความสมบูรณ์แบบของ THE X7 ที่ผ่านการพัฒนามาอย่างพิถีพิถันจากทั้งทีมออกแบบ ทีมวิศวกร รวมถึงทีมงานผู้ใส่ใจการสร้างสรรค์ยนตรกรรมคันนี้ทุกชีวิต แน่นอนว่า Matthias Junghanns เองก็คือหนึ่งในฟันเฟืองชิ้นเอกที่ทำให้เกิด THE X7 ซึ่งพลิกโฉมปรัชญาการดีไซน์และส่งผลต่องานออกแบบในอนาคตของ BMW รวมถึงยนตรกรรมทั่วโลกอย่างแน่นอน

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line