Entertainment

DR.DRE ชายผู้ปลุกปั้น “SNOOP DOGG” และ “EMINEM” จนวงการฮิปฮอปสั่นสะเทือน

By: JEDDY January 25, 2022

Dr.Dre หรือ Andre Romelle Young แฟนเพลงสายฮิปฮอปคงไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ ชายผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตกับเส้นทางที่หลากหลาย ทั้งในฐานะการเป็นโปรดิวซ์เซอร์,การทำค่ายเพลง Aftermath Entertainment และ Death Row Records, เจ้าของบริษัทหูฟัง Beats, นักแสดงภาพยนตร์ และในฐานะศิลปินโดยเฉพาะกับอัลบั้ม “2001” (แต่วางจำหน่ายปี 1999) ที่ทำยอดขายรวมกันทั่วโลกเกิน 10 ล้านก็อปปี้

สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างมองเห็นในตัว Dr.Dre กันเป็นอย่างดี แต่ความสำเร็จมันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากความทุ่มเท, ความเข้าใจในดนตรีฮิปฮอปอย่างถ่องแท้ และที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือสายตาอันเฉียบแหลมของ Dr.Dre ทำให้เขาสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ของวงการเพลงฮิปฮอป จนประวัติศาสตร์ต้องจารึกกับการค้นพบเพชรเม็ดงามที่มีนามว่า “Snoop Dogg” และ “Eminem”


เพชรเม็ดแรก : SNOOP DOGG แร็ปเปอร์สายเขียว

Snoop Dogg หรือชื่อจริง Calvin Cordozar Broadus Jr. ส่วนชื่อฉายาได้มาจากตัว Snoopy ตัวการ์ตูนเรื่องโปรดในวัยเด็ก ซึ่งคุณแม่ของเขาเป็นตั้งให้ 

Snoop Dogg ในช่วงวัยเด็กได้ซึมซับการร้องเพลงและดนตรีมาจากในโบสถ์ที่เขาต้องไปเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ ก่อนวิถีชีวิตในช่วงวัยรุ่นจะเริ่มหันเหไปในทางเกเร แต่ก็หลงทางได้ไม่นาน เขาก็กลับสู่วิถีดนตรีอีกครั้งจนได้มาเจอกับ Warren-G ซึ่งเป็น Step Brother (ลูกติดของพ่อเลี้ยงหรือแม่เลี้ยง) ของ Dr.Dre นั่นเอง

และในที่สุดก้าวแรกสู่การเป็นศิลปินอาชีพก็มาถึง เมื่อเทปของ Snoop Dogg ได้หลุดไปถึงหูของ Dr.Dre ซึ่ง ณ ตอนนั้นกำลังทำค่าย Death Row Records ที่มีศิลปินดังอย่าง Tupac อยู่

Dr.Dre จึงตัดสินใจเรียก Snoop Dogg มาร่วมพูดคุยเพราะเห็นแววอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวแร็ปเปอร์คนนี้ จนสุดท้ายทั้งคู่ก็ได้ตกลงปลงใจทำงานร่วมกัน 

แต่การจะเดบิวต์ศิลปินใหม่ให้โด่งดังอย่างรวดเร็วอาจจะเป็นเรื่องที่ยาก Dr.Dre เลยใช้วิธีที่ชาญฉลาดด้วยการใช้ชื่อเสียงของตัวเองผลักดันโดยการดึง Snoop Dogg มาเป็นศิลปินรับเชิญในอัลบั้ม The Chronic ซะเลย (อัลบั้มแรกของ Dr.Dre ที่วางจำหน่ายปี 1992) ซึ่งทั้ง 16 เพลงในผลงานชุดนี้มีชื่อของ Snoop Dogg เกือบทุกเพลง ถือเป็นกลยุทธ์อันแยบยลในการทำให้ชื่อของศิลปินในสังกัดเป็นที่จดจำโดยอัตโนมัติ

จนกระทั่งในปี 1993 ทาง Snoop Dogg ก็ได้โอกาสเฉิดฉายความเป็นตัวเองกับอัลบั้มแรก Doggystyle ซึ่งก็โด่งดังเป็นพลุแตกอย่างรวดเร็ว สามารถยึดพื้นที่อันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด 200 ได้อย่างสง่าผ่าเผย แถมยังทำยอดขายทั่วโลกได้สูงถึง 11 ล้านก็อปปี้

และก็อย่างที่ทราบกัน Snoop Dogg ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหอกและตำนานของสายแร็ปเปอร์ที่ทั่วโลกยอมรับอย่างแท้จริง เป็นศิลปินที่มีเอกลักษณ์การร้องไม่เหมือนใคร 

 


เพชรเม็ดที่สอง : EMINEM ตำนานแห่ง “RAP GOD” 

ในช่วงมากกว่า 2 ทศวรรษ หากจะให้พูดถึงแร็ปเปอร์ที่นึกถึงคนแรก ๆ รับรองว่าจะต้องเป็นชื่อของ Eminem อย่างแน่นอน ศิลปินผู้ผ่านการต่อสู้มาตั้งแต่วัยเยาว์ ผ่านความยากลำบากมามากมาย แต่เขาก็ใช้ความหลงใหลในเรื่องของภาษามาเป็นประโยชน์ด้วยการถ่ายทอดชีวิตออกมาเป็นไรม์ผ่านท่อนแร็ปได้อย่างถึงพริกถึงขิง

Eminem ไล่ล่าความฝันด้วยการออกตะลุยแข่ง ‘Rap Battle’ จนกระทั่งโชคชะตาก็เข้าข้าง Marshall Bruce Mathers III เมื่อมีทีมงานของค่าย Aftermath Entertainment ได้มาเห็นสกิลอันจัดจ้านของเขา จึงได้ตัดสินใจขอเดโม่เทปติดไม้ติดมือกลับไปด้วย จนสุดท้ายมันก็ไปถึง Dr.Dre และทันทีที่เปิดเดโม่ม้วนนี้ฟัง เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่พุ่งออกมาจากไรม์ของ Eminem ทำให้ Dr.Dre ตัดสินใจเรียกเขามาพบเพราะอยากทำความรู้จักตัวตนของชายคนนี้ให้มากยิ่งขึ้น

และสิ่งนี้คือความฝันของ Eminem ที่เฝ้ารอมาตลอดชีวิต เพราะ Dr.Dre เป็นไอดอลที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเขาโดยตรง การได้มาอยู่ต่อหน้า Dr.Dre ตัวต่อตัวแบบนี้ ทำให้ Eminem ถึงกับเก็บอาการตื่นเต้นและความปลื้มไว้แทบไม่อยู่

อย่างไรก็ตามการฟังเฉพาะเดโม่เทปก็คงจะบ่งบอกความสามารถของ Eminem ไม่ได้ทั้งหมด Dr.Dre จึงจัดการเปิดบีตให้เขาแร็ปสด ๆ ให้ฟัง และด้วยพรสวรรค์ที่ผสมกับพรแสวง การแร็ปของเขาในครั้งนั้นผ่านไปได้อย่างงดงาม มันก็ยิ่งสร้างความประทับใจให้กับ Dr.Dre ขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวจนอยากจะเซ็นสัญญา Eminem เข้าค่ายโดยทันที

เส้นทางเหมือนกำลังจะไปได้สวย แต่อุปสรรคชิ้นใหญ่ก็มาขวางตั้งแต่ยังไม่ได้ทันเริ่มทำอะไร เพราะคนรอบข้างของ Dr.Dre ต่างดูถูกและเหยียดในความเป็นผิวขาวของ Eminem แถมยังมองว่าหมอนี่มันไม่ใช่ของจริง แร็ปเปอร์ควรเป็นคนผิวดำเท่านั้น

ถึงแม้จะโดนคัดค้านอย่างหนักหน่วง แต่ Dr.Dre ยังเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเอง และได้จับ Eminem เซ็นสัญญาเข้าค่าย Aftermath Entertainment สำเร็จ ซึ่งทุกคนก็เห็นกันอยู่แล้วว่าการตัดสินใจในครั้งนั้นมันคือการตัดสินใจที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการดนตรีฮิปฮอป

Eminem ได้โชว์ให้ทั้งโลกได้เห็นถึงความมหัศจรรย์ในการแร็ปของเขาที่พรั่งพรูไปด้วยคำมากมาย บางเพลงก็รวดเร็วจนแทบไม่มีเวลาพักหายใจ โดยเฉพาะกับเพลง “Rap God”  เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินสุดยิ่งใหญ่ไม่ต่างจาก Snoop Dogg อีกทั้งสิ่งที่ Eminem ได้สร้างไว้มันคือใบเบิกทางให้คนผิวขาวก้าวเข้ามาสู่การเป็นแร็ปเปอร์มากขึ้นกว่าเดิม


และประวัติศาสตร์การรวมตัวของ Dr.Dre, Snoop Dogg และ Eminem ที่ห่างหายไปแสนนาน กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในแข่งขันซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 56 ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2022 โดยแร็ปเปอร์ทั้ง 3 คนจะขึ้นโชว์ร่วมกับ Mary J. Blige และ Kendrick Lamar ในช่วงพักครึ่งของการแข่งขัน เป็นโชว์ที่คนทั้งโลกตั้งตารอไม่น้อยไปกว่าผลการแข่งขันแน่นอน

นอกจากจะได้ชมความมันส์จากเกมอเมริกันฟุตบอลแล้ว การได้เห็นสุดยอด 3 แร็ปเปอร์บนเวทีเดียวกัน ก็เป็นอะไรที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ถึงแม้คุณจะไม่ได้เป็นแฟนเพลงฮิปฮอปก็ตามครับ

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line