Entertainment

“FUCK THA POLICE” ตำนานบทเพลงแห่งความขบถที่เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนผิวสีจาก N.W.A.

By: JEDDY November 19, 2021

เสียงเพลงนอกจากจะมอบความบันเทิงให้กับผู้ฟังแล้ว แต่ในหลาย ๆ ครั้งมันก็เป็นข้อความของความรู้สึกจากภายใน หรือแม้กระทั่งเป็นการเรียกร้องอะไรบางอย่างผ่านเนื้อหาที่สื่อสารออกมาเช่นกัน หนี่งในเพลงเหล่านั้นคือ “Fuck Tha Police” เพลงสุดอื้อฉาวแห่งยุค 80’s จากคณะโอลด์สคูล ฮิพฮอพ ในตำนานนามว่า N.W.A.

บทเพลงต่อต้านการกดขี่ข่มเหงคนผิวสี

ท่อนบีท, เสียงเทิร์นเทเบิ้ล และการพ่นท่อนแร็ป คือส่วนผสมทางดนตรีที่ผลิตออกมาจาก 6 สมาชิกตัวจี๊ดของ N.W.A. ประกอบไปด้วย Eazy-E, Ice Cube, Dr.Dre, Mc Ren, DJ Yella และ Arabian Prince จนออกมาเป็นอัลบั้ม Straight Outta Compton ในปี 1988 พวกเขาคือกลุ่มเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยอารมณ์สุดเดือดดาล มีทั้งความสดและความเรียล กล้าที่จะ Express ความคิดเห็นบางอย่างออกมาแบบไม่ต้องแยแสสนใจหรือเกรงกลัวอำนาจใด ๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะในเพลง “Fuck The Police” ที่พวกเขาได้ถ่ายทอดความเก็บกดจากการถูกกดขี่และความอยุติธรรมจากบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงเพราะว่าพวกเขาเป็น “คนผิวสี” 

ทุก ๆ พาร์ตและทุก ๆ Rhyme ในเพลงคุณจะได้ยินการด่าทอด้วยคำสบถ, การล้อเลียนเจ้าหน้าที่รัฐ รวมไปถึงการท้าทายต่อผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ถึงขั้นที่จะทำร้ายร่างกายและฆ่าแกงกันเลยทีเดียว 

*Arabian Prince ได้ออกจากวงไปในปีเดียวกับที่ออกอัลบั้ม


บทเพลงที่ถูกแบนและความโกลาหลที่ดีทรอยต์

หลังจากเพลงนี้ได้ถูกปล่อยออกไปก็เกิดเรื่องทันที ทาง FBI ได้ส่งจดหมายมายังต้นสังกัดของ N.W.A. เนื่องจากไม่พอใจกับเนื้อหาของเพลงและโต้แย้งว่าเนื้อหาในเพลงทำให้คนอื่นเข้าใจเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบผิด ๆ และแน่นอนเพลง “Fuck Tha Police” ถูกแบนจากสถานีวิทยุทั่วโลก แต่ก็ยังอุตส่าห์มีคลื่นวิทยุเยาวชนของออสเตรเลียที่ชื่อว่า “Triple J” ที่แอบเปิดเพลงนี้ได้นานถึง 6 เดือนก่อนจะถูกแบนไปในที่สุด ซึ่งมันได้สร้างไม่พอใจต่อทีมงานของ Triple J พวกเขาเลยตอบโต้ด้วยการหยุดงานและจัดการเปิดเพลง “Express Yourself” ของ N.W.A. ยาวต่อเนื่องติดกันถึง 82 ครั้ง ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้ายาวไปจนถึงบ่าย 4 โมงครึ่ง เป็นการกระทำที่แสบไม่เบาเลยจริง ๆ 

นอกจากจะถูกแบนไม่ให้เปิดตามวิทยุ เพลง “Fuck Tha Police” ยังถูกแบนไม่ให้ N.W.A. เล่นสดอีกด้วย (จริง ๆ เคยเล่นไปหนึ่งโชว์ก่อนโดนแบน) แต่ถ้าคิดว่าจะหยุดพวกเขาได้บอกเลยว่าพวกคุณกำลังคิดผิดอย่างแรง และมันได้นำไปสู่เหตุจลาจลในช่วงฤดูร้อนของปี 1989 ณ เมืองดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อพวกเขาตัดสินใจหยิบเพลงนี้ขึ้นมาเล่นท่ามกลางแฟนเพลงกว่า 20,000 คนและที่สำคัญต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจซะด้วย 

หลังจากที่พวกเขาบรรเลงเพลงนี้ไปได้ไม่นานก็มีเสียงที่คล้ายปืนดังขึ้นต่อเนื่องหลายครั้ง ทำให้ความโกลาหลเกิดขึ้นโดยทันที ฝูงชนต่างแตกฮือวิ่งหนีเอาตัวรอด สมาชิกวงต่างก็วิ่งหลบเข้าไปหลังเวทีด้วยเช่นกัน เป็นการปิดฉากคอนเสิร์ตในวันนั้นลงไปท่ามกลางความวุ่นวาย

เหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกนำไปบรรจุไว้อยู่ในภาพยนตร์เรื่อง Straight Outta Compton ที่นำเสนอชีวประวัติของ N.W.A. สิ่งที่เราได้เห็นหลังจากที่ทุกคนวิ่งหนีเอาตัวรอดคือสมาชิกทั้งหมดถูกจับกุม แต่เรื่องดังกล่าวทาง DJ Yella ได้ออกมาบอกเองว่าสิ่งดังกล่าวน่าจะสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มอรรถรสในภาพยนตร์ เพราะความเป็นจริงพวกเขาแค่ถูกปรับเงินประมาณ $100 เท่านั้น ส่วนเสียงที่คล้ายปืนทาง Atron Gregory ทัวร์เมเนเจอร์ในตอนนั้นบอกว่ามันเป็นเสียงของประทัดชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ‘Cherry Bombs’ และที่น่าตลกคือทาง Ice Cube ได้บอกว่าถึงแม้ตำรวจจะจับกุมพวกเขาแต่ก็ยังต้องการลายเซ็นเอาไปฝากให้บรรดาลูก ๆ ซะอย่างงั้น

บทเพลงแห่งประวัติศาสตร์ของวงการฮิพฮอพ

จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทำให้ “Fuck Tha Police” กลายเป็นเพลงที่บันทึกเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีเอาไว้มากมาย มีไทม์ไลน์ที่สะท้อนวัฒนธรรมทางดนตรีในช่วงปลายยุค 1980

ถึงแม้ว่าเพลงจะถูกแบน จะถูกสั่งห้ามเปิด แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ผู้คนก็ต่างพากันไปหาเพลงนี้ฟังกันอยู่ดี แม้กระทั่งในปัจจุบันเพลงนี้ก็ยังถูกพูดถึงและนำมาเปิดอยู่เสมอ ดูได้จากยอดวิวใน Youtube ที่สูงมากถึง 81 ล้านวิว รวมถึงมียอดสตรีมใน Spotify มากถึง 200 กว่าล้านครั้ง โดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์ประท้วง Black Lives Matter ยิ่งทำให้เพลงนี้กลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง เนื้อหาการถูกกดขี่ที่ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาจนถึงปี 2021 ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ศิลปินในยุคต่อมาให้กล้าลุกขึ้นมาพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด กล้าลุกขึ้นมาต่อต้านในสิ่งที่กดขี่ข่มเหง ตอบโต้สิ่งที่ไร้ซึ่งความยุติธรรม ไม่ใช่แต่ในวงการเพลงฮิพฮอพแต่มันได้กระจายไปในแนวทางที่แตกต่างออกไปอีกมากมาย

ถึงแม้เนื้อหาในเพลง “Fuck Tha Police” อาจจะดูรุนแรง แต่หากมองตามความเป็นจริงสมาชิกของ N.W.A. ก็ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นแต่อย่างใด พวกเขาไม่เคยไปฆ่าแกงตำรวจที่ไหน พวกเขาแค่ต้องการระบายความโกรธแค้นออกมาผ่านเสียงดนตรีเท่านั้นเอง ซึ่งมันก็เป็นไปตามอายุที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นเลือดร้อน แต่ก็คิดอีกแง่การนำเสนอเนื้อหาอะไรแบบนี้มันคือการตลาดที่แยบยลในการโปรโมตเพลงของพวกเขาก็เป็นไปได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “Fuck Tha Police” ได้กลายเป็นมรดกล้ำค่าของวงการฮิพฮอพไปตลอดกาล

 

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line