Entertainment

GARAGE: ‘ABUSE THE YOUTH’ เพราะทุกเพลงต้องรอจังหวะที่เหมาะ และตอนนี้คือเวลาที่ใช่

By: unlockmen February 5, 2019

เวลาเราเห็นวงดนตรีไหนห่างหายไปจากวงการ เรามักเข้าใจว่าพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปทำธุระตามเรื่องราวของตัวเอง เลยมักเรียกช่วง Gap นั้นว่าการพักวง Abuse The Youth เองก็เป็นอีกวงที่มี Gap นั้น แต่ Gap ของพวกเขาไม่ได้เป็นการพักวงอย่างที่พวกเราเข้าใจ เพราะช่วงที่หายไปเกือบ 5 ปีนั้น พวกเขายังคงทำเพลง ซ้อมดนตรี พบเจอกันอยู่ตลอด เพียงแค่จังหวะมันยังไม่เหมาะที่จะปล่อยเพลงเท่านั้นเอง และตอนนี้ ปี 2019 นี้ คือช่วงเวลาที่พวกเขาเลือกแล้วว่าเหมาะสมที่จะปล่อยเพลงใหม่อย่าง We Meet Again ภายใต้บ้านหลังใหม่อย่าง What The Duck

ความร้ายกาจคือใน MV เพลงนี้ระยะเวลาเพียงสามนาทีกว่า สามารถ Tie-In กิจการส่วนตัวของสมาชิกในวงได้ครบทุกคน จะมีอะไรบ้างต้องลองไปตามดูกันเอง

เรามีโอกาสได้พูดคุยกับพวกเขาในบรรยากาศสบาย ๆ ถึงเรื่องราวการกลับมาครั้งนี้ของพวกเขา หัวเราะร่วนไปกับมุกตลกที่ยิงใส่กันเองอย่างไม่หยุดหย่อน ภายใต้กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟในร้าน Red Diamond

To Be Continue

เรามักจะคุ้นเคยเพลงของ Abuse The Youth ในยุคแรกที่เป็นเพลงภาษาอังกฤษ ต่อจากนั้นก็เป็นเพลงไทยเพลงแรกอย่าง คืนสุดท้ายของแสงไฟ และได้ฐานแฟนเพลงเพิ่มไปเต็ม ๆ จากเพลงประกอบซีรีส์ Hormones The Series 2 ในเพลง บทเพลงกระซิบ ปิดท้ายกันที่เพลง ชีวิตเดิมเริ่มใหม่ ก่อนที่ Abuse The Youth จะหายหน้าหายตาไป แต่ถึงอย่างนั้นช่วงเวลาที่เงียบไป พวกเขามีแวะพักบ้าง ต่างมีภาระหน้าที่ของตัวเองบ้าง แต่ก็ยังคงทำเพลงกันอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ ยังคงแต่งเพลง ทำเพลง เข้าห้องซ้อม จนทางวงแอบกระซิบมาว่ามีเพลงอยู่ในคลังที่ยังไม่ได้ปล่อยเกือบร้อยเพลงแล้ว มาดูกันว่า ช่วงที่หายไปนั้น แต่ละคนไปทำอะไรกันมาบ้าง ?

มิก: แต่ละคนก็แยกย้ายกันไป ไปใช้ชีวิตครอบครัว ทำงานของตัวเอง 

ตูน: ผมเป็นนักต้มเบียร์ครับ ผลิตเบียร์เอง เดินทางไปครึ่งโลกเพื่อผลิตเบียร์ครับ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ไม่ได้ไปครับ วีซ่าไม่ผ่าน (หัวเราะ) ส่วนใหญ่ก็กินแต่เบียร์ครับ 

จุ: ตอนที่ไม่ได้ทำ Abuse The Youth ก็ยังเล่นกลองให้ศิลปินคนนู้นคนนี้อยู่ ทำอีกอย่างคือ Accessories แต่งรถโฟล์ก 

 ชาลี: ผมเข้าวงนี้เมื่อห้าปีที่แล้วมั้งครับ เข้ามาปุ๊บเขาก็หยุดเลย (หัวเราะ) ผมเป็น Sound Designer ทำเสียงโฆษณา ดนตรีเองก็อยู่หลายวง มีร้านอาหารด้วยครับ อยูในขั้นตอนกำลังสร้าง

มิก: จริง ๆ เราก็ Active กันตลอด ซ้อมดนตรีกันเรื่อย ๆ หลังจากเพลง ชีวิตเดิมเริ่มใหม่ เราก็ยังทำเพลงใหม่ ๆ ออกมา มีเพลงใหม่เยอะมาก

ชาลี: ประมาณร้อยเพลง

มิก: อืม ใช่ (กลั้นขำ) จำได้ว่าเยอะมาก แต่มันเหมือนว่าทำไปทำมา เราก็ยังไม่ค่อยพอใจกับมันเต็มร้อยนัก เราก็เลยทำไปเรื่อย ๆ ก่อน แต่ละคนก็มีธุระของตัวเองอย่างที่เล่าไป พอมันเบรกไปช่วงนึงอย่างปีแรก ก็เลยลากยาว รู้สึกตัวอีกที หัวล้านแล้วหรอ! รีบปล่อยก่อนดีกว่า ก่อนผมจะหมดหัว

ชาลี: ซื้อวิกเร็ว!

แล้วอะไรที่เป็นสัญญาณบอกว่า ควรกลับมาปล่อยเพลงได้แล้วนะ ?

มิก: นี่แหละครับ หัวล้าน (หัวเราะ)

ชาลี: มันประจวบเหมาะในเรื่อง Timing จริง ๆ เราทำเพลงมาประมาณนึง ทำมาเป็นปีแล้วที่เริ่มอัด เริ่มโปรดักชั่น หลัง ๆ มาคุยกันเรารู้สึกว่ามีความต้องการตรงกันที่จะเดินหน้าต่อ ประมาณนั้นครับ ดูเหมือนว่าเราหายไปนาน จริง ๆ เราก็ทำงานกันอยู่เรื่อย ๆ 

จุ: ตอนอัดเพลงเสร็จพอดีก็คุยกับพี่บอล Scrubb ว่ากำลังทำเพลง เขาก็ให้มาลองคุย

มิก: ตอนแรกเรากะจะปล่อยเอง แต่พอมาคุยกับ What The Duck เออ! น่าสนใจ วางแผนกันก่อนว่าจะปล่อยยังไง เลยได้ลงปีนี้

ชาลี: อย่าง MV นี่ถ่ายมาสักพักแล้วนะ ตอนถ่ายนี่หัวยังไม่ล้าน (หัวเราะ) ถ่ายเสร็จผมก็เริ่มบาง อาจสงสัยว่า เฮ้ย! ทำไมใน MV ดูหนุ่มจัง 

มิก: เดี๋ยวบางคนจะมาถามว่าแต่งหน้ายังไง ทำไมหน้าอ่อนวัย ไม่ใช่ มันถ่ายไว้นานแล้ว (หัวเราะ)

ซิงเกิ้ลใหม่ We Meet Again นี่เป็นเพลงที่ทำไว้นานแล้วด้วยหรือเปล่า ?

มิก: จริง ๆ ทุกเพลงที่ทำไว้มันนานมากแล้ว บางเพลงก็เป็นวัตถุดิบที่เก่ามากกว่านั้นอีก

ชาลี: เราก็ทำไปเรื่อย ๆ แก้ไปเรื่อย ๆ เอาสิ่งใหม่มาผสม ให้มันเหมาะกับยุคสมัย เวอร์ชั่นที่ฟังล่าสุดเนี่ย มันก็จะเป็นไฟนอลของไฟนอลของไฟนอลอีกทึนึง อาจจะคิดว่าเอาเพลงเก่ามาขายหรือเปล่า มันไม่ใช่แบบนั้นครับ โครงมันถูกทำขึ้นมาแล้ว เราก็เอามาผสมสิ่งปัจจุบันลงไป

ตูน: ข้อดีของการพักไปห้าปีคือ เรามีวัตถุดิบค่อนข้างเยอะ ปีนี้เราคงมีเพลงให้ฟังกันทั้งปี

ชาลี: จริง ๆ ปล่อยอาทิตย์ละเพลงก็ครบทั้งปีนะ

We Do What We Love

การทำเพลงของ Abuse The Youth กว่าจะได้มาแต่ละเพลง ใครทำหน้าที่อะไรกันบ้าง ?

มิก: อย่างเพลง We Meet Again เนี่ย จำได้ว่าเพลงนี้ เราไปทำกันที่บ้านชาลี ขึ้นมาประมาณว่า ผมมีท่อนในหัว แล้วเอามาขึ้นโครงให้ดู แล้วมาช่วยปะติดปะต่อกัน ติดข้างหน้าแปะข้างหลัง ให้มันครบเพลง จะไม่เหมือนเพลงก่อนหน้านี้ของวง

มันจะเกิดจากผมนั่งเล่นกีต้าร์ ตีคอร์ด เขียนเนื้อขึ้นมา เอามาให้ฟัง เข้าห้องซ้อม แล้วไปแจมกัน มันก็ค่อนข้างจะมีฟอร์มของมันที่ตายตัว พอเราเปลี่ยนวิธีการทำงานแล้ว เราได้แชร์กันว่า แบบนี้จะต่อยังไงดี มีหลายความคิดเห็น 

ตูน: แต่ก่อนซัดกันในห้องซ้อมเรื่อย ๆ ออกมาหูอื้อ ก็เออ ๆ ดี ๆ (หัวเราะ)

ชาลี: แต่พอทำแบบนี้แล้วมันละเมียดมากขึ้น ใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้น บางอย่างที่เรามองข้ามมันไป เมื่อก่อนมันซัดอย่างเดียว เราจะได้ความดิบ แต่ตอนนี้โตขึ้น ทำงานละเอียดมากขึ้น มีเวลามากขึ้น 

ถามคนแต่งเพลงดีกว่า ทำไมช่วงอัลบั้มแรก ๆ ถึงเลือกทำเพลงเป็นภาษาอังกฤษ ?

มิก: ตอนนั้นคือมันเป็นความสดมาก ๆ เริ่มทำวง เราไม่เคยมีวงดนตรีมาก่อนในชีวิต ทั้งที่เราเล่นดนตรีร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ก็อยากจะแสดงออก ทุกอย่างที่ออกมาตอนนั้น คือสิ่งที่เรา Input มาตลอด ตั้งแต่เด็กเราฟังเพลงภาษาอังกฤษ เราอยากจะทำแบบนั้นบ้าง จำได้เลยตอนนั้นวง Brand New Sunset ออกเพลงชุดที่สองของเขา เป็นภาษาอังกฤษ เขาประสบความสำเร็จ ได้ออก Channel [V] ฟังดูดี ได้เป็นที่ยอมรับ เราก็เลยทำ ไม่ได้แคร์ว่ามันจะเป็นภาษาอะไร

“ตอนนั้นเหมือนเป็นการเสี่ยง เราไม่สามารถคาดหวังอะไรได้ทั้งนั้นว่าใครจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ เราเดิมพันกับสิ่งที่เราชอบดีกว่า มิกสำเนียงเองก็ค่อนข้างโอเค ไหน ๆ แล้วก็เป็นตัวของตัวเองดีกว่า ถ้าไปฝืนทำเพลงไทยวันนั้นก็อาจไม่มีวันนี้ก็ได้”

– ตูน Abuse The Youth –

ชาลี: เราก็หวังว่าแฟนเพลง คนฟังเพลงของเรา จะขยายออกไป ไม่ใช่แค่ในเมืองไทย ใกล้ ๆ อย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย ณ ช่วงนั้นก็มีโอกาสได้เล่นที่ต่างประเทศ ได้มีโอกาสสื่อสารกับแฟนเพลงที่ไม่ใช่แค่ในเมืองไทย มันสามารถสื่อสารกับวงการอินดี้ของประเทศอื่นด้วย 

ช่วงที่มิกเขากลับมาเขียนภาษาไทย เป็นช่วงที่อยากให้คนรับรู้ถึงวงมากขึ้น เลยกลับมาเพิ่มฐานแฟนเพลงในไทย เพลงใหม่ ๆ ก็มีเพลงภาษาอังกฤษอยู่บ้าง แต่เราต้องรอจังหวะ ค่อย ๆ ตบให้มันเข้าที่ สุดท้ายเราจะเป็นวงที่ดังที่สุดในโลก

แต่ช่วงหลัง ทางวงเองก็มีเพลงไทยปล่อยออกมาเหมือนกัน พอหันมาแต่งเพลงไทย มีติดขัดตรงไหนบ้างมั้ย ?

ตูน: ตอนช่วงที่มิกเขียนเพลงไทยใหม่ ๆ จะค่อนข้างขัดใจ มันจะมีความไม่ค่อยเข้า ก่อนเพลงคืนสุดท้ายของแสงไฟ ผมก็บอกว่ามันจะเวิร์กหรอวะ ภาษาอังกฤษอย่างเดิมก็ดีแล้ว สุดท้ายก็เขียนจนฟังเข้าท่าจนได้

“ตอนนั้นก็เป็นการตัดสินใจของเราเองว่าจะทำ ไม่ได้มีใครมาบอก ผมรู้สึกว่าคำว่าตัวตนมันไม่ได้อยู่ในภาษา ไม่ได้อยู่ในอะไรทั้งนั้นเลย ถ้าจะมาบอกว่าการเขียนภาษาไทยแล้วตัวตนเราหาย นั่นแปลว่า เฮ้ย! นี่กูเป็นฝรั่งหรอ (หัวเราะ)” 

– มิก Abuse The Youth –

ผมกลับเป็นคนที่ชอบเซอร์ไพรส์คนฟัง ว่าเอางี้เลยหรอ ให้คนฟังตื่นเต้น ตอนนั้นปล่อยเพลงไทยไปคนก็อึ้งเหมือนกัน คนก็คิดว่าเพลงใหม่ต้องเป็นภาษาอังกฤษ แต่พอปล่อย Feedback ก็ออกมาไม่แย่

จุ: มันก็จะมีคนที่ฟังเพลงภาษาอังกฤษแล้วบอกว่าชอบเพลงพี่ แต่ฟังไม่ออก อยากให้ทำเพลงไทย พอทำเพลงไทย ก็จะมีแฟน ๆ ที่อยากให้กลับไปเป็นแบบเดิม 

“คนฟังเราไม่ได้มีคนเดียว หลายคนก็หลายความเห็น หลายความชอบ เราจะไปทำให้ทุกคนพอใจเหมือนกันหมดไม่ได้”

– มิก Abuse The Youth –

เพราะแค่การได้ทำในสิ่งที่รักอย่างการทำเพลง มันยังไม่พิถีพิถันพอ การเลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสมให้กับผลงานที่ปั้นมาด้วยความสร้างสรรค์และน้ำพักน้ำแรง จึงเป็นอีกความละเมียดที่ต้องใส่ใจ เพื่อให้ผลงานชิ้นนั้นได้อยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่นเดียวกับเพลงใหม่ของพวกเขาอย่าง “We Meet Again” ที่ปล่อยออกมาเพื่อทักทายแฟน ๆ ที่เฝ้ารอพวกเขามานานถึงห้าปี และในปีนี้ทางวงจะยังคงปล่อยเพลงอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง และกลับมาทัวร์อีกครั้ง สามารถติดตามกันอย่างใกล้ชิดได้ที่ Facebook Fanpage: ATY X Abuse the Youth

อย่าลืมใส่ใจสิ่งที่เรารัก พิถีพิถันกับมันให้เหมือนกับพวกเขา ที่เลือกทุกอย่างสำหรับผลงานเป็นอย่างดี เพราะมันคือสิ่งที่พวกเขารักมาตลอด

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line