Entertainment

GARAGE: พงษ์สิทธ์ คัมภีร์ เพลงเพื่อชีวิตคือการปลอบประโลมและสร้างสุขให้ผู้คน

By: SPLESS September 6, 2019

“เพลงเพื่อชีวิต” อีกหนึ่งวัฒนธรรมด้านบทเพลงที่อยู่คู่ผู้ชายไทยมาทุกยุคสมัย หนึ่งในแนวเพลงที่ UNLOCKMEN เชื่อเหลือเกินว่าไม่มีใครไม่เคยฟังหรืออย่างน้อยก็ต้องมีโอกาสได้ยินเสียงดนตรีผ่านหูมาบ้างในช่วงชีวิตหนึ่ง เพราะนี่คือบทเพลงที่เข้าถึงผู้คนได้เสมอไม่ว่าจะเพศไหนหรือช่วงอายุเท่าไหร่ สำหรับใครหลายคน เพลงเพื่อชีวิต เปรียบเสมือนบทเพลงปลอบใจและให้กำลังใจ เพื่อให้ตื่นขึ้นมาสู้ต่อในทุกวัน

ถ้าเราพูดถึงผู้ขับกล่อมหรือศิลปินเพลงเพื่อชีวิต คงไม่มีผู้ชายคนไหนไม่รู้จัก ปู-พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์” ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต ผู้ถ่ายทอดเนื้อหา จังหวะและท่วงทำนองกินใจออกมาให้เราฟังช่วงตลอดช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นบทเพลงช้าฟังสบายที่ได้ยินเมื่อไหร่ก็สร้างความรู้สึกอบอุ่นให้ได้แบบลึกสุดใจ รวมถึงบทเพลงจังหวะคึกคัก ที่ถึงจะฟังแล้วมอบความฮึกเหิมให้ แต่ก็ยังแฝงไปด้วย แง่มุมต่าง ๆ ที่ให้ข้อคิดกับคนฟังอยู่เสมอ

ที่ผ่านมาเพลงเพื่อชีวิตของ พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ กระตุ้นให้เรารู้จักตัวเองและชีวิตมากขึ้น แต่ในฐานะผู้ฟังเชื่อว่าหลายคนคงอยากจะรู้จัก “พี่ปู​” ในแง่มุมที่ไม่เคยฟัง ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยเหมือนกัน วันนี้ UNLOCKMEN ชวนผู้อ่านทุกคนมารู้จักมุมมอง ชีวิต ตัวตนของผู้ชายคนนี้ไปพร้อมกัน

เข้าสู่ปีที่เท่าไหร่ของในฐานะศิลปินเพลงเพื่อชีวิตของ พงษ์สิทธ์ คัมภีร์ แล้ว?

ถ้านับเวลามาตั้งแต่อัลบั้มแรกที่ทำออกมา ปีนี้ก็ 32 ปีแล้ว ย้อนกลับไปช่วงนั้นเราอายุประมาณ 20 ปีที่เริ่มทำเพลงเพื่อชีวิต

พงษ์สิทธ์ คัมภีร์ รู้ว่าตัวเองเริ่มชอบในบทเพลงเพื่อชีวิตตั้งแต่ตอนไหน?

มันเริ่มมาจากช่วงวัยรุ่น เพราะวัยเด็กของผมเวลานั้นยังไม่มีโอกาสฟังเพลงเพื่อชีวิตสักเท่าไหร่ ตอนเพลงเพื่อชีวิตเป็นเพลงที่ถูกห้ามเผยแพร่ สมัยนั้นยังเป็นยุคที่มีการแบ่งซ้าย-ขวากันอยู่และเพลงเพื่อชีวิตถูกมองว่ารับใช้พรรคคอมมิวนิสต์ เลยถูกห้ามเผยแพร่ แต่เพลงพวกนี้จะถูกแอบซ่อนเผยแพร่กันในหมู่นักศึกษา

ผมเป็นคนหนองคาย รุ่นพี่ผมคนหนึ่งมีโอกาสได้ขึ้นมาเรียนที่กรุงเทพ เขาก็ติดเอากลับไปด้วย ตอนนั้นยังเป็นเทปคาสเซ็ตอยู่ ช่วงปิดเทอมก็เอามาเปิดให้เราฟัง เราได้ฟังแล้วก็ชอบ เพราะเราไม่เคยได้ยินเพลงแบบนี้มาก่อน เพราะคนต่างจังหวัดไกล ๆ ในวัยผมเกือบทั้งหมดฟังแต่เพลงลูกทุ่ง เพราะสมัยก่อนมีแต่ลูกทุ่งกับลูกกรุง พอเราฟังเพลงเพื่อชีวิตครั้งแรกมันก็โดนใจ เลยเริ่มชอบจากนั้นเป็นต้นมา

เริ่มแต่งเพลงครั้งแรกตอนไหน เคยคิดว่าตัวเองจะมาเป็นศิลปินเพื่อชีวิตไหม ?

ตอนนั้นก็ยังไม่เคยคิดนะ แต่ก็มีแต่งเพลงบ้าง แต่งแบบเด็ก ๆ เพลงแรกที่แต่งขึ้นมาตอนนั้นเรียนอยู่ป.6 เพลงผีโรงเย็น แต่ตอนนั้นก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีความสามารถอะไร เริ่มเล่นกีตาร์ก็เล่นตามรุ่นพี่ที่มีบ้านพักติดกัน ตอนวัยรุ่นเราอยากเป็นนักฟุตบอลมากกว่า เพราะชอบเตะบอล แต่เรื่องเพลงก็ลองเล่น ๆ ไป ขีดเขียนไป

สำหรับพงษ์สิทธ์ คัมภีร์คิดว่าเพลงเพื่อชีวิตให้อะไรกับคนฟังบ้าง สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมหรืออะไรได้ไหม?

ในความคิดของผม คนชอบฟังเพลงเพื่อชีวิตก็เพราะเนื้อหามันโดนใจเขาในหลาย ๆ อย่าง เรื่องที่ได้ยินมันคือเรื่องราวของพวกเขา เพราะเพลงเพื่อชีวิตคือเพลงที่คนบันทึกเรื่องและเผยแพร่เรื่องของเขาเอง พอคนได้ฟังก็รู้สึกว่าถูกปลอบประโลมใจ ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงสังคมอะไรได้

ปลอบประโลมคือสิ่งที่เพลงเพื่อชีวิตให้กับคนฟัง ?

ใช่ สำหรับผม ผมไม่เชื่อว่ามันเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เรื่องราวต่าง ๆ ในสังคมก่อนหน้านี้ก็มีคนพูดมาก่อนผม ผ่านช่วงเวลายุคแล้วยุคเล่า เราก็เห็นกันใช่ไหมว่ามันแก้ไขอะไรไม่ได้ ซึ่งเราก็คิดแบบนั้นมาตั้งแต่แรก ผมแค่เล่าเรื่อง อาจจะเป็นเรื่องของใครคนหนึ่งไปถึงเรื่องของอีกคน เล่าไปเรื่อย ๆ เป็นการเล่าชีวิตให้ผู้คนฟังแค่นั้นเอง

การแต่งเพลงเพื่อปลอบประโลมใจและเข้าถึงคนฟังได้ขนาดนี้ แรงบันดาลใจส่วนใหญ่มาจากอะไร ใช้เวลามากน้อยแค่ไหนในแต่ละเพลง?

การแต่งเพลงส่วนใหญ่จะใช้เวลาไม่เยอะนะสำหรับผม ยกตัวอย่างเพลงหนุ่มน้อย การเขียนเรื่องของมันจะต้องผ่านการตกผลึกก่อน ต้องผ่านการเรียบเรียงออกมาซึ่งขั้นตอนในการเรียบเรียงเรื่องราวให้กลายเป็นบทเพลงออกมานี่แหละที่ใช้เวลานาน ตั้งแต่การนั่งลงเขียนจนออกมาเป็นเพลง

ผมเองก็เป็นเด็กช่าง เรียนช่างกลมาสำหรับผมมันอาจเป็นเรื่องราวเดียวกัน แล้วมันไปถูกไปโดนชีวิตของคนฟังในเรื่องต่าง ๆ เป็นเรื่องราวแบบที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตเรา ผ่านคนร่วมสมัยยุคแล้วยุคเล่า เห็นไหมว่ามันแก้ไขอะไรไม่ได้ เราแต่งเพลงนี้มาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว แต่ทุกวันนี้เรื่องราวแบบเดิมก็ยังมียังเกิดขึ้นอยู่ เด็กช่างเด็กอาชีวะก็ยังเป็นเหมือนในยุคก่อนหน้า

ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาว่าพี่แต่งเพลงจากสติ๊กเกอร์ท้ายรถสิบล้อมาแล้ว ทุกวันนี้ยังสามารถหาแรงบันดาลใจจากสิ่งรอบตัวแบบนี้ได้อยู่ไหมครับ ?  

ได้อยู่นะ ยังทำได้อยู่ การแต่งเพลงในช่วงหลังมา เราก็ยังทำแบบนั้นอยู่ อาจเป็นหนังสือหรือหนัง แต่ถ้าให้เรียงลำดับความสำคัญของแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง อย่างแรกเลยคือการพูดคุยแลกเปลี่ยน รองลงมาคือหนัง เพราะหนังมันย่อหนังสือออกมา ส่วนต่อมาคือหนังสือที่ค่อนข้างใช้เวลาเยอะในการอ่านและรวบรวมข้อมูลและเขียนออกมาเป็นเพลง

ทำไมสำหรับพี่การสนทนากับผู้คนคือจุดเริ่มต้นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงที่ดีที่สุด?

สำหรับผมมันคือวิธีที่ดีที่สุดแล้ว เพราะมันคือการแลกเปลี่ยน เหมือนที่เรามานั่งคุยกันวันนี้มันก็คือการแลกเปลี่ยนกัน หรือเวลาที่ผมได้เจอนักดนตรีรุ่นน้องหรือคนรุ่นใหม่ที่เด็กกว่า หนุ่มกว่า แน่นอนว่าเขาต้องฉลาดกว่าและเร็วกว่าเรา การได้คุยได้แลกเปลี่ยนกับพวกเขา ไม่ใช่ว่าเราเจ๋งเลยนะ แต่เป็นเราต่างหากที่ได้อะไรกลับมาจากการสนทนากัน

การพูดคุยมันอาจจะมี 2 สภาพ อย่างแรกคือเรานั่งคุยกันแบบนี้ปกติ อย่างที่สองคือการพูดคุยกันในวงกินดื่ม มันอยู่ที่ว่าเราต้องการอะไร แน่นอนว่าการสนทนาในวงปกติมันดีกว่า แต่ถ้าวงกินดื่มเราก็ได้แลกเปลี่ยนไปอีกแบบ แค่ดื่มได้แต่อย่าเฟอะฟะก็พอ

หลายบทเพลงของพงษ์สิทธิ์ไม่ว่าจะผ่านไปยุคสมัยไหน ก็มีคนหลากหลายช่วงอายุเปิดฟังอยู่เสมอ คิดว่าทำไมเพลงที่มีขึ้นมานานแล้วยังเข้าถึงผู้ฟังในยุคสมัยปัจจุบันได้อยู่?

สำหรับเรื่องนี้ผมเองก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน บางเพลงเป็นเพลงที่เราแต่งมานานมากแล้ว วันดีคืนดีมีเด็กมาขอเวลาเราทัวร์ บางเพลงเราต้องไปหัดร้องใหม่ ยกตัวอย่างเพลงรักเดียว มันถูกปล่อยมานานมาก แล้วตอนที่ปล่อยออกมาเราก็ไม่ค่อยได้ร้องนะ อยู่ ๆ มีคนมาขอเราก็นึกว่าเขากวน เพราะจำไม่ได้ว่าตัวเองมีเพลงรักเดียว เราไม่เคยเล่น สักพักไปเล่นที่ไหนก็มีคนมาขอ ก็ไปค้นฟังมาเล่น แต่ตอบไม่ได้จริง ๆ

แน่นอนสมัยเราเล่นงานทัวร์ทั่วประเทศ ซึ่งงานหลักของจังหวัดอย่างงานกาชาด คนวัยทำงานหรือคนที่โตขึ้นมาหน่อยเขาไม่ค่อยมาดูในงานแบบนี้หรอก เพราะมันไม่ปลอดภัย มันก็จะเป็นเด็กวัยรุ่นตั้งแต่ม.ต้น ขึ้นไปเขาถึงจะลงมาที่สนามกัน เพราะมันเป็นสถานที่เดียวที่มาดูได้ เพราะพวกเขาเข้าบาร์เข้าผับกันไม่ได้ แต่ละปีในงานพวกนี้คนดูก็จะเด็กลงเรื่อย ๆ เราก็แปลกใจเหมือนกัน


30 กว่าปีที่ผ่านมา เชื่อว่าเล่นคอนเสิร์ตไปทุกจังหวัดแบบแทบจะไม่มีวันพัก เคยรู้สึกเบื่อการร้องเพลงหรือคิดจะพักบ้างไหมครับ?

ถามว่าเบื่อไหม ไม่เบื่อนะ แต่ช่วง 10-15 ปีหลังมันก็มีปัญหาเรื่องวัยเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องการเดินทางมันก็ทรมานขึ้นตามวัย ไม่ว่าจะหลังหรือตับไตไส้พุงมันได้เดินทางมากไปเท่านั้นเอง

แต่เรื่องจะพักก็ไม่เคยคิดนะ เราคิดว่าเราพักแล้วคงน่าจะเบื่อกว่าเดิม มันจะเฉาเพราะชีวิตเราเป็นแบบนี้มาทุกวัน ตื่นมาเดินทางย้ายจังหวัด บางทีตื่นมาก็งงว่าอยู่ไหนบ้างก็มี มันคงเป็นความเคยชินที่ชีวิตเราเป็นแบบนี้มาตลอด แต่ก็มีบ้างที่อยากพัก อยากนอนอยู่เฉย ๆ ทั้งวันเลยอยากจมอยู่บนเตียง

ผมเป็นคนชอบอยู่ในห้องนะ เวลาไปเล่นคอนเสิร์ตไม่ค่อยออกไปไหนหรอก ถ้าไปทัวร์แล้วมีโอกาสได้เข้าโรงแรมก่อนผมจะมีความสุขมาก ๆ เดินจิบนู่นกินนี่ เปิดทีวีดูแล้วก็เดินวนอยู่ในห้องหรือปล่อยให้ตัวเองอยู่บนเตียง ส่วนใหญ่ผู้ชายเขาต้องออกไปอะไรกลางแจ้งกันใช่ไหม แต่ผมชอบการได้พักผ่อนอยู่ในห้องคนเดียวมากกว่า

เดินทางเยอะขนาดนี้ ได้แรงบันดาลใจการแต่งเพลงจากการเดินทางบ้างไหม 32 ปีที่ผ่านมาจำได้ไหมครับว่าแต่งเพลงไปกี่เพลงแล้ว

ส่วนใหญ่เลยล่ะ อย่างที่บอกว่าการแต่งเพลงมันเกิดจากการได้พูดคุยสนทนากัน ผมถือเป็นความโชคดีที่มีโอกาสได้เจอคนใหม่ ๆ ทุกวันซึ่งดีเป็นส่วนใหญ่ มันทำให้เราได้อะไรจากการเดินทางและการสนทนาเยอะเหมือนกัน ส่วนจำนวนเพลงที่แต่งเท่าที่จำได้ก็ 200 กว่าเพลง

พูดถึงปัจจุบันกันบ้างครับ เร็ว ๆ นี้พี่ปูมีเพลงที่เตรียมจะปล่อยออกมาหรือคอนเสิร์ตให้ติดตามกันบ้าง ?

เรื่องเพลงเร็ว ๆ นี้ยังไม่มีปล่อยออกมา แต่เร็ว ๆ นี้จะมีคอนเสิร์ตใหญ่ที่ชื่อว่า Black&White Concert ร็อกสุดขั้ว-รักสุดใจ ในวันที่ 21-22 กันยายนนี้

Black&White Concert ร็อคสุดขั้ว-รักสุดใจ มีอะไรพิเศษรอผู้ชมอยู่บ้างครับ ?

คอนเสิร์ตครั้งนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 วันด้วยกัน วันแรกก็คือ White รักสุดใจ หรือภาษาชาวบ้านก็เรียกกันว่าเล่นเพลงฟังเป็นหลัก ส่วนเพลงโจ๊ะเพลงเร็วจะมีน้อยกว่า ซึ่งจุดหลักในวันแรกคือการเล่นร่วมกับวงออเคสตราคือ Thailand Philharmonic Pop Orchestra ทีมีเครื่องดนตรีกว่า 50 ชิ้นและจะมีน้องแก้ม วิชญาณี (แก้ม เดอะสตาร์) มาร่วมเป็นแขกรับเชิญพิเศษด้วย

ส่วนของวัน White รักสุดใจ เราคิดว่าคงต้องซ้อมกันหนัก ก่อนหน้านี้คอนเสิร์ตกำลังอยู่ในขั้นตอนการส่งเพลงไปให้กับทางวงเพื่อเรียบเรียงดูว่าทางวงจะทำยังไงกับเพลงที่ให้ไป เพื่อที่จะมานั่งคุยนั่งซ่อมกันว่าจะเล่นออกมาในรูปแบบไหน สำหรับวันที่สอง Black ร็อคสุดขั้ว วันนี้น่าจะเหนื่อยไปกับการใช้แรง เพราะว่าเป็นการเล่นเอามันกับเพลงจังหวะเร็วจังหวะคึกคัก ซึ่งวันนี้จะมีแขกพิเศษเป็น แบงค์-ปรีติ บารมีอนันต์ เราอยากได้นักร้องเราจริง ๆ

พูดถึงคำว่านักร้อง สำหรับพี่ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ความหมายของนักร้องคืออะไรครับ ?

ก็ไม่เหมือนกันนะ ยกตัวอย่างพี่เบิร์ด ธงไชย แค่พี่เบิร์ดเดินออกมาผู้คนก็มีความสุขกันได้แล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องขจัดข้อสงสัยในตัวนักร้องแต่ละคนออกไป เพราะมีศิลปินไม่กี่คนหรอกที่เดินออกมาแล้วทำให้ผู้คนมีความสุขได้ เราเองก็คิดว่าตัวเองทำแบบนั้นไม่ได้ แต่ก็จะมีนักร้องอีกแบบหนึ่ง ถ้าแบบที่ผมชอบก็อย่าง ป้าโจ๊ว-เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ที่เดินออกมายืนที่ไมค์ แล้วก็ร้องเพลงออกมาแค่ 2-3 ประโยคก็ทำให้คนฟังเข้าใจได้เลยว่าเป็นนักร้อง

ส่วนตัวผมคือนักร้องหน้าบูด เดินขึ้นเวทีหน้าบูด ๆ แต่งตัวก็ไม่ค่อยดีแต่งตัวแบบที่เห็นยันเวลานอน เพราะฉะนั้นผมต้องเล่นดนตรีให้ดี ๆ ต้องร้องเพลงออกมาดี ๆ ต้องเล่นต้องร้องให้ดีเหมือนกันทุกครั้ง เพราะสิ่งเดียวที่เราทำได้บนเวทีคือการขึ้นไปตั้งใจเล่นให้ออกมาดี ร้องเพลงให้คนฟังเขามีความสุข

ยกตัวอย่างตามงานต่างจังหวัด เวลาเราไปเล่นตามงานกาชาด คนดูตามต่างจังหวัดเขาต้องขับมอเตอร์ไซค์ซ้อน 3 กันมาจากต่างอำเภอเพื่อดูเรา กำเงินเปียกชุ่มมาเลยเสียเงิน 80 บาท 100 บาทแถมยังเสี่ยงตายด้วยที่มายืนดูเรา เราก็ต้องเต็มที่ให้เขา

สุดท้ายแล้วนอกจากการปลอบประโลมที่ได้จากบทเพลงแล้ว พี่ปูอยากให้ผู้คนได้อะไรจากการฟังเพลงของ พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ อีกไหม หรือขึ้นอยู่กับว่าใครจะฟังแล้วจะนำปรับใช้กับชีวิตด้วยตัวเอง ?

ถ้าคนนำเพลงไปปรับใช้ให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นนั้นคือเรื่องที่ดีที่สุด ความหวังนี่แหละดีที่สุด หวังว่าคนฟังจะเอาเพลงไปปรับใช้กับชีวิตได้ แต่หนึ่งสิ่งที่เราทำได้แน่ ๆ คืออยากให้คนฟังเขามีความสุขในระหว่างช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้ฟังเรา ให้เขากลับบ้านไปนอนหลับฝันดีแล้วก็ตื่นมาทำงานหนัก เรียกหนัก ส่วนเวลาที่ได้ฟังเพลงของเรา ตรงนั้นอยากให้เขามีความสุขกัน

ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของตัวตนผู้ชายที่ชื่อ ปู-พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ การได้ทำความรู้จักเพลงเพื่อชีวิตจนได้เข้าสู่เส้นทางที่ผันเปลี่ยนไปตามวันเวลา จากวัยรุ่นที่ได้แรงบันดาลใจจากบทเพลงในเทปคาสเซ็ตม้วนนั้น สู่การเป็นชายหนุ่มที่เขียนและร้องเพลงเพื่อปลอบประโลมผู้คน จนถึงวันนี้ที่กลายเป็นรุ่นเก๋าซึ่งยังคงสร้างความสุขให้กับผู้คนอย่างเต็มที่ทุกครั้งที่มีโอกาสบรรเลงบทเพลงออกไป

สำหรับหนุ่ม ๆ หรือใครก็ตามที่อยากรับความสุขและการปลอบประโลมจากบทเพลงเพื่อชีวิตของ ปู-พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ เราคิดว่าคอนเสิร์ต Black&White ร็อกสุดขั้ว- รักสุดใจ ที่กำลังจะมาถึง ไม่ว่าจะเป็นวันแรกของเพลงช้าเพื่อปลอบประโลมหัวใจหรือวันที่สองที่มาพร้อมความคึกคักก็สร้างความสุขให้เราได้ในอีกรูปแบบ  สามารถติดตามรายละเอียดของงานคอนเสิร์ตเพิ่มเติมได้ที่ FACEBOOK: Pu Pongsit Kampee

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line