Entertainment

GARAGE: UrboyTJ ‘SELFMADE’ ในวันที่หยุดโตจากความคาดหวังของคนอื่น สู่ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง

By: Chaipohn November 27, 2020

UrboyTJ คือหนึ่งในแรปเปอร์มากความสามารถแห่งยุค ด้วยสไตล์การร้องที่เป็นเอกลักษณ์ บุคลิกทะเล้นมาดกวน และการแต่งตัวที่โคตรเฟี้ยว ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ใครไม่ใช่สาวกเพลงฮิปฮอปก็ต้องรู้จักเขาจากที่ไหนสักที่อย่างแน่นอน

ณ วันนี้ UrboyTJ ได้ปล่อยอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตัวเองออกมา และเรียกกระแสฮือฮาเป็นอย่างมาก เพราะทุกบทเพลงในนั้นมีครบรสหลากอารมณ์ เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่คุ้นเคย และมีความลึกซึ้งอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งกว่าจะทำอัลบั้มนี้จนสมบูรณ์ได้ เขาต้องใช้เวลาสั่งสมในวงการดนตรีมามากกว่า 10 ปี จนตกผลึกมาเป็น ‘Selfmade’ อัลบั้มที่บ่งบอกตัวตนที่แท้จริงของ UrboyTJ ถึงการเป็นคนที่ไม่อยากเป็น การมีอยู่ของตัวตนที่เมคขึ้นมา หรือความคาดหวังจากคนอื่น ที่ทำให้คน ๆ หนึ่งสูญเสียตัวตนไป

คอลัมน์ Garage ประจำสัปดาห์นี้ เราจะพาทุกคนไปพบกับ UrboyTJ หรือ จิรายุทธ ผโลประการ กับเบื้องลึกเบื้องหลัง และจุดเริ่มต้นสู่การปล่อยอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตัวเอง

เราสนใจเพลงแนวนี้ก่อนจะเข้ามากามิกาเซ่หรือเปล่า แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ UrboyTJ หันมาฟังเพลง Hip Hop

“จริง ๆ ผมฟังฮิปฮอปมาตั้งแต่เด็กมาก ๆ แล้วครับ ตั้งแต่ประถมได้ เพราะตอนเด็กผมมีญาติที่อยู่ฝรั่งเศส เวลาเขาบินกลับมาไทย เขาจะพกวอล์กแมนมาตัวนึง ตอนนั้นในเครื่องใส่เพลงของ Usher อยู่ ผมก็ฟังแล้วรู้สึกว่าชอบมาก ๆ และไม่เคยได้ยินในไทยมาก่อนเลย ด้วยกรูฟ ท่วงทำนอง การสัมผัสคำของมันนั่นแหละ ที่ทำให้ผมชอบและติดตามมาเรื่อย ๆ” UrboyTJ เล่าถึงความรู้สึกแรกหลังได้ฟังเพลงฮิปฮอป

หลังจากได้ฟังเพลงแนวฮิปฮอปที่ส่งตรงมาจากเมืองนอกแบบแท้ ๆ ทำให้ตัว UrboyTJ สนใจในเพลงแนวนี้อย่างมาก จนถึงกับไปตามหาฟังในไทย โดยเริ่มจากเพลงฝรั่งก่อน ในยุคนั้นก็เช่น 50 Cent , Eminem พอฟังจนหนำใจ ก็ย้ายมาหาฟังเพลงในประเทศบ้าง โดยยุคนั้นเป็นยุคของ Thaitanium กับ โจอี้บอย แล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาชอบศิลปินเหล่านี้มาก ๆ และมันจะเป็นตัวช่วยต่อยอดรสนิยมการฟังเพลงแนวฮิปฮอปของเขา ให้เข้าสู่เส้นทางของมืออาชีพในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย

จุดเริ่มต้นของ UrboyTJ สู่การทำเพลงเองในฐานะเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่อาศัยแค่ Passion เป็นตัวขับเคลื่อน

“ตอนนั้นที่ห้องเรามีแค่ลำโพงกาก ๆ อยู่คู่นึง คอมพิวเตอร์เก่า ๆ ตัวนึง อินเทอร์เน็ตก็เริ่มเข้ามาบ้างแล้ว เราชอบเข้าไปเว็บไซต์ฮิปฮอปบ่อย ๆ เพื่อตามอ่านข่าวสารการเคลื่อนไหวในวงการฮิปฮอปไทย แล้วตอนนั้นมันมีคนตั้งกระทู้สอนคนอัดเสียงที่บ้านพอดี ก็เลยเริ่มเรียนรู้จากตรงนั้น และได้ SetUp บ้านของตัวเองเป็นสตูดิโอย่อม ๆ เพื่อการนี้แหละ” เขาเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการมิกซ์เพลงเองที่บ้าน

ที่ห้องเล็ก ๆ ห้องนั้น เป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงที่ทำให้ UrboyTJ เริ่มต้นทำเพลงอย่างจริงจัง โดยการนำบีทของแรปเปอร์ชื่อดังมาแต่งเนื้อใหม่ แจกจ่ายให้เพื่อน ๆ ฟัง แต่อุปสรรคก็คือ คนต่างจังหวัดไม่ฟังเพลงฮิปฮอป ก็เลยต้องเอาไปปล่อยตามโลกออนไลน์เพื่อฟังฟีดแบคจากชาวเน็ตแทน ซึ่งก็ถือเป็นการเช็คเรตติ้งตัวเองในระดับหนึ่งและได้คอมเมนต์จากคนฟังมาปรับแก้ เพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป อาจไม่ได้อะไรมาก แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

จากห้องอัดเล็ก ๆ สู่การทำงานในระดับอาชีพ ที่อะไร ๆ ก็ใหญ่ขึ้น มันท้าทายหรือให้บทเรียนอะไรกับเราหรือเปล่า ?

“จากเริ่มแรกที่ผมทำเพลงในห้องอัดโง่ ๆ ของตัวเอง กับการได้เซ็นสัญญาร่วมงานกับทีมงานเบื้องหลังระดับเทพที่ดูแลวงอย่าง Raptor, D2B หรือดัง พันกร มันคนละเรื่องกันเลยครับ ค่อนข้างกดดันพอสมควร แต่โชคดีที่เขาเป็นคนให้โอกาสเด็ก เขาสอนผมทุกอย่างเลย”

UrboyTJ เล่าถึงการทำเพลงในฐานะศิลปินฝึกหัดกับ RS ที่ทั้งโหดและหิน แต่ก็ได้สอนอะไรหลายอย่างให้กับเขามากจริง ๆ ทั้งเทคนิคต่าง ๆ ในการมิกซ์เพลง ทำเพลง รวมถึงแนวคิดในการทำการตลาดด้วย เสมือนเป็นการเรียนรู้ Music Business ไปในตัว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้จากตรงนั้น หล่อหลอมให้เด็กหนุ่มในวัย 15 ปีคนนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วย Passion และจะเติบโตขึ้นมาเป็นศิลปินที่มีคุณภาพคนหนึ่งอย่างแน่นอน

อยากให้ TJ เล่าถึงโอกาสในการเข้าไปทำเพลงให้กับศิลปินใน Kamikaze หน่อยครับ ว่าทำไมเขาถึงไว้ใจเราที่ตอนนั้นอายุแค่ 15 ปี

“พี่เอฟูเขาให้โอกาสผม เพราะตอนนั้นทีมงานเบื้องหลังของค่าย ไม่มีคนที่เป็นฮิปฮอปเลย ผมคือคนเดียวที่หลุดเข้าไป ก็ค่อนข้างเซอไพรส์เขา ทีนี้เพลงไหนที่ต้องการ Part ของฮิปฮอป เขาก็จะให้โอกาสผมเข้าไปเขียนหรือร้องไกด์ให้ศิลปิน ถือว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ได้ประสบการณ์พอสมควรเลยครับ” UrboyTJ เล่าย้อนไปถึงตอนได้รับโอกาสจากพี่เอฟู โปรดิวเซอร์ของกามิกาเซ่ในตอนนั้น

หลังจากหล่อหลอมตัวเองในวงการดนตรีมาพอสมควร มีความคิดว่าอยากจะทำอัลบั้มเดี่ยวเมื่อไร ?

“จริง ๆ แล้ว ความคิดที่จะมีอัลบั้มเดี่ยว ผมมีมาตั้งแต่สมัยวง 3.2.1 แล้วนะ ผมรู้สึกว่าอยากจะมีช่วงฉายเดี่ยวกับเขาบ้าง ได้ทำเพลงที่เราอยากจะทำจริง ๆ แต่ด้วยระยะเวลาและอะไรต่าง ๆ ทำให้ไม่มีโอกาสได้ทำสักที พอหมดสัญญามาปุ๊บ ผมก็เลยเริ่มทำเพลงเดี่ยวของตัวเอง แต่ยังไม่ได้มองไปถึงการทำอัลบั้มนะ เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังไม่มีความสามารถพอที่จะยืนหยัดในฐานะศิลปินเดี่ยว” TJ พูดถึงอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองที่อยากทำมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสสักที

จากความไม่มั่นใจตรงนี้ UrboyTJ ตัดสินใจโยนหินถามทาง ด้วยการปล่อยซิงเกิ้ลแรกอย่าง ‘เค้าก่อน’ ออกมาเช็คเรตติ้ง ปรากฏว่าฮิตถล่มทลาย ซึ่งสร้างเซอไพรส์กับตัวเขาพอสมควร และจากฟีดแบคที่ดีตรงนี้ ส่งผลให้ UrboyTJ ทยอยปล่อยซิงเกิ้ลต่อมาเป็นขบวนและมันก็ดังทุกเพลงจริง ๆ จนทำให้ความไม่มั่นใจก่อนหน้า เริ่มเข้าร่องเข้ารอยมากขึ้น จนชื่อของ UrboyTJ เริ่มติดหูคนฟังในหมู่ Mass มากขึ้น

“ไม่แน่ว่ะ เราอาจจะทำได้ก็ได้ มันเลยเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เราทำเพลงต่อมาอีกเรื่อย ๆ” TJ อธิบายถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ

จนเราได้เห็น UrboyTJ ฮิตติดลมบนมาตลอด บวกกับความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น แต่ใครจะรู้ว่าเขาก็มีช่วงที่ตกต่ำเหมือนกัน โดยได้เล่าให้เราฟังว่าตัวเขา ก็มีช่วงที่หมดไฟแบบคนอื่น

“ตอนนั้นหลังจากปล่อยเพลง แบกไม่ไหว ออกไป ผมรู้สึกว่าเริ่มตันละ จนคิดว่าอนาคตเราควรจะทำเพลงแนวไหนต่อ เพราะความคาดหวังของคนจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเสมอ ซึ่งผมไปแคร์ความรู้สึกของคนอื่นเกินไป จนกลับมาคิดมากและรู้สึกไม่เป็นตัวเอง เลยกลายเป็นว่าเราลืมจุดยืนของตัวเองว่าเราเริ่มต้นมาจากอะไร มันก็เลยเป๋ไปช่วงนึง แต่สุดท้ายก็กลับมาได้ครับ”

แล้วอะไรบอกให้เราเริ่มทำอัลบั้มเดี่ยวได้แล้ว ?

“พอเริ่มเป็นศิลปินเดี่ยวมาสักพักนึง มีซิงเกิ้ลมาหลายเพลงละ ผมรู้สึกว่า Achievement ในชีวิตของศิลปินคนนึงอะ คือการมีอัลบั้มเดี่ยวของตัวเอง พอเราตั้งเป้าหมายตรงนั้นแล้ว ก็เลยเซ็ตกับตัวเองและทีมงานว่า ภายในปีนี้เราจะทำอัลบั้มของเราให้เสร็จจนได้ ก็เลยได้อัลบั้มนี้ขึ้นมาครับ”

Selfmade อัลบั้มแรกของ UrboyTJ ในฐานะศิลปินเดี่ยว ที่คร่ำหวอดในวงการเพลงมานาน

หลังจากผ่านการเป็นสมาชิกวง 3.2.1 มาก่อน ตัวเขาก็ถือเป็นอีกคน ที่อยู่ในวงการดนตรีมาค่อนข้างยาวนาน จนได้มีซิงเกิ้ลเดี่ยวหลายเพลง แต่ก็ไม่เคยได้ทำอัลบั้มในแบบที่ตัวเองอยากทำสักที ‘Selfmade’ จึงเป็นอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของ UrboyTJ ที่บอกเล่าตัวตนหลากหลายมุมของเขา และการเติบโตในฐานะศิลปินตลอดการเดินทางกว่า 10 ปี อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งหลายเพลงในอัลบั้มชุดนี้ มีการเล่าเรื่องที่แตกต่างกันพอสมควร ทั้งเนื้อร้อง บีท และมู้ดแอนด์โทน ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกแต่งขึ้นใหม่ทั้งหมดภายใน 1 ปี โดยไม่มีการนำเพลงที่ทำค้างไว้มาทำใหม่แต่อย่างใด ด้วยความละเอียดของงานขนาดนี้ เราเลยอยากรู้ว่าในแต่ละเพลงของอัลบั้ม Selfmade มีจุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจยังไงในการแต่ง

เราขอเริ่มจากเพลง Selfmade ที่เป็นชื่ออัลบั้มก่อนเลยแล้วกันครับ

“Selfmade มันคือการประกาศจุดยืนของผม มีการเล่าความเป็นมา เล่านิสัยใจคอ เล่าจุดที่เราจะไป และท่อนฮุกมันเป็นการประกาศออกไปว่า นี่แหละคือ ตัวตนของฉัน ถ้ารักฉันในแบบที่ฉันเป็นได้ ก็ขอบคุณ และไม่ได้หวังให้ใครมาเข้าใจนะ แต่อยากให้ทุกคนรู้ไว้ว่า นั่นมันคือ ตัวฉัน” TJ อธิบายถึงความหมายของเพลง Selfmade

เรียกว่าเป็นเพลงที่มีความ Personal สูงมาก เพราะมีการสื่อสารจุดยืนและบ่งบอกตัวตนอย่างชัดเจน ซึ่งนั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ UrboyTJ ตัดสินใจเลือก ‘วี วิโอเล็ต วอเทียร์’ เข้ามาร่วม Feat. ในเพลงนี้ด้วย

“ผมปลื้มเขาตั้งแต่ The Voice แล้ว รู้สึกว่าถ้าทำเพลง ผมจะชวนเขามาทำกับผมด้วย บวกกับความเป็นวี วิโอเล็ต ที่มีจุดยืนเป็นของตัวเองสูง ยิ่งเหมาะกับเพลงนี้เลย” UrboyTJ กล่าวถึง วี วิโอเล็ต

สำเนียงอังกฤษที่มีเสน่ห์ของวี ตัดสลับกับเนื้อเพลงแรปหนักแน่นของ UrboyTJ สร้างความแตกต่างอย่างลงตัวให้กับเพลง Selfmade จนเกิดเป็นหนึ่งผลงานเพลงที่ทั้ง Unique ทรงพลัง และคุณภาพที่สุดในอัลบั้มนี้เลย

ต่อมาเพลง ‘กอดได้ไหม’ ที่หลายคนบอกว่าได้กลิ่นอายของ Kamikaze มาก ๆ ฟังแล้วคิดถึงยุคนั้นเลย

“อย่างที่รู้ว่า ผมแต่งเพลงสไตล์นี้ให้คนอื่นบ่อยมาก แต่หลายคนไม่รู้ว่า ลึก ๆ แล้วผมอยากเป็นบอยแบนด์มาก (หัวเราะ) นึกออกไหม บอยแบนด์ 5 คน แล้วผมเป็นตัวแรปเงี้ย ก็เลยรู้สึกว่า พอเป็นอัลบั้มเดี่ยว เราอยากพาตัวเองย้อนกลับไปในยุค 2,000 แล้วจัดการแต่งเอง ร้องเอง โปรดิวซ์เองหมดเลย แล้วรอดูว่าจะเวิร์คไหม (หัวเราะอีกรอบ)”

‘กอดได้ไหม’ ถือเป็นอีกเพลงหนึ่งในอัลบั้ม Selfmade ที่ฟังสบาย นุ่ม ๆ สไตล์เพลงจะออกแนวไปทาง Pop ผสม R&B เพราะไม่มีท่อนแรปเลย แต่อีกนัยหนึ่งก็คือ เหมือนเราได้เห็น UrboyTJ ในลุคของบอยแบรนด์ยุค 2,000 เมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งแค่นี้ก็คิดว่าคุ้มค่าการรอคอยแล้วล่ะครับ

มาถึงเพลง ‘อยู่ก่อน’ ที่ออกไปทาง G-Funk ที่เราไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ อยากให้พูดถึงเพลงนี้หน่อยครับ

“ก่อนจะมาทำเพลงนี้ ผมได้ไปดูเรื่อง Straight Outta Compton มา แล้วผมอินมาก ๆ ทุกครั้งที่ Dr.Dre เปิดเพลง Nuthin’but a “G” Thang แล้วมันรู้สึกว่าเท่จังเลย เราเลยนึกภาพเรากำลังนั่งรถ Low Rider มันคงจะเท่มาก เลยเป็น Inspire ให้เราทำเพลงนี้ขึ้นมา”

นอกจากนี้เพลง ‘อยู่ก่อน’ ยังเป็นเพลงที่ UrboyTJ เลือกใช้เนื้อหาที่ไม่เคยเขียนมาก่อนอย่างเพลงแอ๊วสาว เพราะปกติเราจะเห็นเขาในลุคของ แรปเปอร์อกหักเป็นส่วนใหญ่ นี่จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับเพลงนี้ เพราะการเปลี่ยนแนวมาเป็นแรปเปอร์ขี้เล่นในครั้งนี้ จะมีความทะเล้นขนาดไหน ต้องลองไปฟังกัน

“ตอนแรกเราร้องท่อนฮุกเอง แต่รู้สึกว่ามันขาดเสน่ห์อะไรไป เราเลยชวนพี่โอ๊ต ปราโมทย์ มาร้องด้วยกัน เพราะลุคพี่เขาดูเป็นคนอบอุ่น ขี้เล่น สุดท้ายก็ออกมาเป็นเพลงนี้ ที่ให้ฟีลนุ่มนวล ทะเล้นและกวนตีนในเวลาเดียวกันครับ” UrboyTJ พูดถึงการชวนโอ๊ต ปราโมทย์เข้ามาร่วมงานในเพลงนี้

‘Super Saiyan’ ว่าที่เพลงที่เดือดที่สุดของอัลบั้มนี้ ที่มีองค์ประกอบหลายอย่างมากเลย รวมถึงแรป 16 บาร์ด้วย อยากให้เล่าความเป็นมาให้ฟังหน่อยครับ

“เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจจากการไปเป็นโค้ชของ The Rapper มา 3 ซีซั่นครับ การได้เห็นเด็กเก่ง ๆ เข้ามา มันค่อนข้าง Inspire ผมมาก ๆ เลยอยากจะแต่งเพลงที่เป็นแรปจ๋า ๆ ดู ประจวบกับได้เจอ Maiyarap ในรายการพอดี เลยชวนมาทำเพลงด้วยกัน ซึ่งตอนแรกไอแรปรัว 16 บาร์มันยังไม่มี ผมเลยรู้สึกว่า ไหน ๆ จะมาเดือดแล้ว ก็เลยใส่ให้สุดไปเลยดีกว่า จัดแบบ 16 บาร์ไม่ต้องหายใจกันไปเลย”

UrboyTJ พูดถึงประสบการณ์แปลกใหม่ที่บรรจุเข้าไปในเพลง Super Saiyan ว่าที่เพลงเดือดประจำอัลบั้ม และหวังว่าเพลงนี้จะเซอไพรส์คนฟังไม่มากก็น้อย

‘หลับตา’ เพลงเศร้าส่งท้ายอัลบั้มที่แอบแฝง Symbolic บางอย่างลงไปในเพลง

“เพลงหลับตา ตำแหน่งของมันเป็นเพลงปิดอัลบั้มที่แท้จริงครับ และมันทัชกับผมมากที่สุดด้วย อัลบั้มนี้ถ้าลองดูจากหน้าปก มันจะเป็นรูปยิ้ม แต่ว่าความรู้สึกลึก ๆ ของอัลบั้มนี้ มันไม่ได้ยิ้มเลย มันมีแต่ความผิดหวัง ความกดดัน ทุกอย่างอยู่ในนั้นหมดเลย ถ้าเป็นหนังก็คือจบแบบ Bad Ending อะ แต่มันยังมีทางให้คนคิดต่อได้ว่า มันจะเดินไปทางไหน” เขาพูดถึงเพลงปิดอัลบั้มที่ค่อนข้างสื่ออารมณ์ได้ดี

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย เพราะแม้มันจะเป็นเพลงจบ แต่เชื่อว่าถ้าตั้งใจฟังจริง ๆ ตอนจบที่ว่า อาจเป็นจุดเริ่มต้นสู่การเดินทางบทใหม่ก็เป็นได้

หลายเพลงในอัลบั้มที่ปล่อยออกไปเนี่ย เรียกว่าแมสเกือบหมดเลย เราคิดยังไงเวลาคนบอกว่า UrboyTJ เป็นคนที่มีฝีมือในการทำเพลง T-Pop มากเลย

“จริง ๆ ผมต้องขอบคุณทีมงานเบื้องหลังของ Kamikaze นะครับ เพราะเขาเป็นคนสอนผมมาหมดเลย ช่วงเวลาที่ผมอยู่ในนั้น ผมก็เก็บข้อมูลต่าง ๆ จนได้มาเป็นศิลปินเดี่ยว ผมก็ดึงข้อมูลเหล่านั้นกลับมาใช้ เพราะมันเป็นตัวตนของผมไปแล้ว และเราดันชอบแบบนั้นด้วย” UrboyTJ เล่าอย่างถ่อมตัวและกล่าวขอบคุณทีมงานเบื้องหลังที่คอยสอนทุกอย่างให้กับเขาในวันนั้น

พูดถึงความยากของอัลบั้มนี้หน่อยครับ

“เวลามันค่อนข้างกระชั้นชิดครับ ใน 1 ปี ผมต้องทำ 12 เพลง ส่วนเรื่องเนื้อหาก็ยาก เพราะต้องลงไปโปรดิวซ์เอง และต้องไม่ซ้ำกันทุกเพลง บางทีมันก็ตัน เราจะพูดอะไรต่อดี ผมเสียเวลาไป 5 เดือนฟรี ๆ เพราะตันนี่แหละ บวกกับตัวผมที่เป็นคน Perfectionist เพลงแต่ละเพลงเลยต้องแก้บ่อยมาก แก้ไปแก้มาไม่จบไม่สิ้น จนถึงเดดไลน์จริง ๆ ผมถึงจะวางมันลงได้”

นอกจากนี้ เขายังพูดขอบคุณทีมงานเบื้องหลังทุกคน ที่ให้การสนับสนุนเขาเป็นอย่างดี รวมถึงคนในวงการหลาย ๆ ท่านด้วย เช่น ปู๋ 25 Hours , นิลโลหิต , โจนิน รวมถึง Mixing Engineer ที่เคยมิกซ์ให้ Kanye West และ Justin Bieber ก็เข้ามาช่วยด้วย

แล้วถ้าพูดถึงความสนุกในการทำอัลบั้มนี้ล่ะครับ

“ความสนุกมันอยู่ตรงที่ได้ทำอะไรใหม่ ๆ นี่แหละ บางเพลงคนฟังอาจจะได้กลิ่นอายของกามิกาเซ่ แต่ว่าสำหรับตัวผม กลิ่นนั้นมันต่างออกไป ให้ลองเปรียบกับน้ำหอมขวดนึง ถ้าเอาไปฉีดให้ K-Otic มันก็จะเป็นสไตล์ของ K-Otic แต่ถ้าเอามาฉีดให้ผม มันก็จะเป็นสไตล์ผม ผมเลยรู้สึกว่าความสนุกมันอยู่ที่การทดลองอะไรไปเรื่อย ๆ อย่างเพลง ‘ถามคำ’ ที่ทำมาล้อเพลง ‘คำถาม’ มันเป็นอารมณ์ที่สนุกและกวนตีน ที่ผมอยากจะลองทำเฉย ๆ (ยิ้มมุมปาก)”

“ผมดีใจมากเลยนะ มันเกินคาดมาก ๆ แต่ถามว่ามันเครียดไหม มันก็เครียดนะครับ ด้วยความที่เราเป็นคนคิดมากเนี่ย เวลามีคอมเมนต์ที่จะให้เราแก้ เราก็อยากแก้นะ แต่ซีดีมันออกมาสเตอร์ไปแล้ว บางวันผมฝันว่าผมกำลังแก้เพลงให้แฟน ๆ อยู่ก็มี”

UrboyTJ เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่แคร์แฟนเพลงมาก ๆ และบอกกับเราอยู่บ่อย ๆ ว่า ทุกคอมเมนต์ของทุกคน มีความหมายกับตัวเขาจริง ๆ ขอบคุณที่เข้าใจความหมายของเพลง Symbolic ต่าง ๆ การตีความใหม่ ๆ ที่แม้แต่ตัวเขาก็เพิ่งสัมผัสได้ ทั้งหมดมันคือ พลังใจ ที่ทำให้เขามีแรงในการผลิตผลงานเพลงดี ๆ ต่อไป เขาบอกแบบนั้น

Selfmade คืออัลบั้มที่บอกตัวตนของ UrboyTJ ก็จริง แต่ถ้าให้เลือก 1 เพลงในอัลบั้มนี้ที่จะ Represent ตัวตนล่ะ จะยกให้เพลงอะไร

“อื้อหืม (เสียงสูง) เพลงเดียวเลยเหรอ มันก้ำกึ่งระหว่างเพลง Selfmade กับ หลับตา แต่ผมอยากให้คนฟังเพลง หลับตา มากกว่า เพราะมันคือแมสเสจหลักที่ผมอยากจะสื่อสารในอัลบั้มนี้ที่สุดว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง ผมเป็นยังไง อยากให้ทุกคนลองเปิดใจฟังและลองทำความเข้าใจว่าผมรู้สึกอะไรกับอารมณ์ตอนนี้อยู่” UrboyTJ ยกให้เพลง หลับตา เป็นเพลงแทนตัวเองในอัลบั้มนี้

สุดท้ายแล้วครับ อยากให้ฝากถึงคนที่ทั้งฟังแล้วกับคนที่ยังไม่ได้ฟัง อัลบั้มนี้เป็นเหมือนตัวแทนอะไร และอยากสื่อสารอะไรกับพวกเขาครับ

“สำหรับอัลบั้มนี้มันมีความหมายกับผมมาก คนที่ฟังแล้วหรือคนที่ทันซื้อซีดี ผมอยากจะขอบคุณมากนะครับ และสำหรับคนที่ยังไม่ได้ฟัง ผมขอเวลาสัก 40 นาทีก่อนนอน ลองเปิดตามสตรีมมิ่งประจำของตัวเอง ฟังตั้งแต่เพลงที่ 1-12 ดู แล้วจะทำให้เรารู้จักตัวตนกันมากขึ้น อยากให้ลองฟังแบบเต็ม ๆ สักรอบหนึ่งดูก่อนครับ สุดท้ายชอบหรือไม่ชอบ ไปตัดสินใจกันเอาเอง”

UrboyTJ ปิดท้ายด้วยการฝากถึงผู้ฟังทั้งสองกลุ่ม ว่าอัลบั้ม Selfmade เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ตัวเขาภูมิใจนำเสนอมาก ๆ และเป็นการบอกเล่าตัวตนแบบหมดเปลือก ถ้าอยากรู้จักกันจริง ๆ ให้เปิดใจลองมาฟังอัลบั้มนี้ดู แล้วคุณจะเข้าใจความเป็น “UrboyTJ” มากขึ้น

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line