Entertainment

GARAGE: 8 ปีที่หายไป กับเรื่องราวทั้งดีและร้ายที่หล่อหลอมให้กลายเป็น Harem Belle ในปัจจุบัน

By: NTman December 21, 2017
THE GARAGE : EPISODE 0

ก่อนอื่นต้องท้าวความถึงคำว่า ‘GARAGE’ ที่ใช้โปรยหัว Article นี้เสียก่อน เพราะไอ้คำว่า ‘GARAGE’ มันมีที่มาจากการเปิดตัวที่ทำงานใหม่ของพวกเราทีมงาน UNLOCKMEN ซึ่งพวกเราเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า ‘THE GARAGE’ กับความมุ่งมั่นที่จะให้มันเป็นโรงรถเล็ก ๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ดั่งเช่นบริษัทระดับโลกอย่าง Apple, Google, Microsoft และอีกมากมายที่ล้วนมีจุดเริ่มต้นจากการคิด และลงมือทำผลงานสุดสร้างสรรค์ขึ้นในโรงรถเล็ก ๆ ข้างบ้านเพียงเท่านั้น

‘THE GARAGE’ สำหรับ UNLOCKMEN จึงเป็นทั้งที่ทำงาน รวมถึงเป็น Inspiring Area สำหรับเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ให้กลายเป็น Content ดี ๆ และที่นี่จะเป็นศูนย์รวมผู้คนที่น่าสนใจ มีงาน Workshop ที่ช่วย Unlock Potential ของผู้ชาย หรือแม้แต่ปาร์ตี้มันส์สุดเหวี่ยงมากมายที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้เป็นต้นไป และงานปาร์ตี้ OPEN HOUSE เปิดบ้านใหม่ของ UNLOCKMEN จึงกลายโปรเจ็คต์แรกของ ‘THE GARAGE’ ไปโดยปริยาย เรียกได้ว่าเป็น ep.0 กับการเริ่มต้นลองผิดลองถูกจัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ ขึ้นมาโดยพวกเราเอง

ซึ่งในอีกหนึ่งพาร์ทสำคัญของปาร์ตี้แน่นอนว่าคงขาดเสียงเพลงไปไม่ได้ และถือเป็นสิ่งที่เราใช้เวลาตระเตรียมการค่อนข้างมาก กับการสุมหัวทีมงานระดมความคิดเลือกวงดนตรีที่เราอยากให้กลับมาเริ่มต้น ep.0 ไปพร้อมกับพวกเราอีกครั้ง จนในที่สุดชื่อของ Harem Belle ก็ผุดขึ้นมากลางที่ประชุม ด้วยความที่เสียงเพลงของพวกเขาเคยเป็นส่วนหนึ่งของการก้าวผ่านช่วงเวลาวัยรุ่น พาเราผ่านโมเม้นต์ สุข เศร้า โกรธ รัก จนเติบโตขึ้นมา พร้อม ๆ กับที่ชื่อของ Harem Belle ค่อย ๆ จางหายไปจากความทรงจำ

จนกระทั่งเพลง ‘ดาวตก’ ผลงานใหม่ของ Harem Belle ถูกปล่อยออกมาให้ได้ฟัง หลังจากหายหน้าไปร่วม 8 ปี ซึ่งเพลงนี้ได้ทำให้ภาพจำเก่า ๆ กลับมาชัดเจนอีกครั้ง ทำให้พวกเราคิดว่าคงจะดีไม่น้อยหากการเริ่มต้นก้าวใหม่ ในบ้านใหม่ของ UNLOCKMEN นั้นได้ Harem Belle ที่กำลังจะกลับมาเริ่มต้นก้าวใหม่บนเส้นทางสายดนตรีพวกเขา มาร่วมบรรเลงท่วงทำนองที่คุ้นเคยให้ฟังในงานปาร์ตี้แห่งการเริ่มต้น ณ ‘THE GARAGE’ แห่งนี้

ทั้งหมดคือที่มาของการได้เจอกันระหว่าง UNLOCKMEN และ Harem Belle ที่นอกจากจะได้ความประทับใจจากเสียงเพลงซึ่งยังคงสร้างความสุขให้กับปาร์ตี้เล็ก ๆ ของเราได้ไม่ต่างจากการฟังเพลงของพวกเขาเมื่อครั้งอดีต เรายังได้มีโอกาสพูดคุยถึงช่วงเวลา 8 ปีที่ Harem Belle หายไป กับเรื่องราวที่เรียกได้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการที่วงดนตรีวงหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในกระแสหลัก แต่ยังคงยืนหยัดฝ่าฟันเรื่องราวบั่นทอนจิตใจทั้งหลาย จนสามารถกลับมาสร้างสรรค์ผลงานในนาม Harem Belle ได้อีกครั้ง

 

A CONVERSATION with Harem Belle

8 ปีที่หายไป Harem Belle แยกย้ายไปทำอะไรกันมาบ้าง ?

แอ๊ป: จริง ๆ แล้ว 8 ปีที่ผ่านมา ผมก็ไม่ได้หายไปไหนนะครับ ก็ยังทำงานอยู่ในวงการเพลง แต่ว่าไม่ได้ออกมาเบื้องหน้า ทำงานอยู่เบื้องหลัง แต่งเพลงประกอบละคร แล้วก็เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินท่านอื่นบ้างประปราย ก็คือยังวงเวียนอยู่ในวงการเพลงครับ ยังไม่ได้หายไปไหน

ตี๋: หายไปทำธุรกิจส่วนตัวมาครับ และช่วงระหว่างนั้นก็ยังไม่ได้ทิ้งดนตรีก็ยังได้ไปเล่นแจมกับเพื่อน ๆ บ้างครับ แล้วก็มีเขียนเพลงทิ้งไว้บ้าง

ตี้: 8 ปีที่หายไปก็ไปเรียนต่อครับ ศึกษาต่อให้จบปริญญาตรี แต่ว่าเรื่องดนตรีก็ยังไม่ทิ้ง ยังเล่นกับเพื่อน ๆ บ้าง

โอม: ที่หายไปก็มีเรื่องที่จะต้องสะสางอยู่ ผมเองก็ต้องไปเรียนต่อ คือจริง ๆ แล้วไม่ได้หายกันไปไหน ยังติดต่ออยู่เรื่อย ๆ อย่างผมไปเรียนต่อต่างประเทศยังคุยกันอยู่ มีเพลงให้ฟังใหม่ ๆ ก็ยังส่งให้กันฟังอยู่ ก็คืออัพเดตเรื่องราวกันตลอด

ทำไมเมื่อประมาณปี 2012 วงถึงได้มีการกลับมาในชื่อใหม่อย่าง Last Tissue ?

แอ๊ป: Last Tissue มันเกิดขึ้นเพราะ 2 เหตุผล อย่างแรกเลยคือมันเป็นโปรเจ็คต์ที่เราอยากจะทำ เหมือนกับความเป็น B – Side ครับ ทำในสิ่งที่เรายังไม่เคยทำ เป็นงานดนตรีแนวทดลองที่เราเคยคิดไว้นานแล้ว แต่ยังไม่เคยได้ลองทำในชื่อของ Harem Belle ซึ่งเราเองก็ยังอยากรักษาความเป็น Harem Belle เอาไว้ ก็เลยหยุดแล้วก็ไม่ได้ไปแตะต้องมัน หันมาทำอย่างที่เป็น Last Tissue เพราะกลัวว่าคนฟังเขาจะสับสนด้วย

แล้วเหตุผลที่ 2 ก็คือตอนนั้นเรามีปัญหากับต้นสังกัดเดิมในเรื่องของชื่อวง แต่เราก็อยากปล่อยผลงานออกมาแล้ว เราก็เลยเปลี่ยนชื่อไปเป็น Last Tissue เพื่อจะสร้างเป็นอีกโปรเจ็คต์หนึ่งที่แยกออกมาจากความเป็น Harem Belle ค่อนข้างชัดเจน

มีปัญหากับต้นสังกัดเดิม  ?

แอ๊ป: จะว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ครับ เป็นเรื่องที่เรายังไม่เคลียร์ในข้อกฎหมาย แล้วก็สัญญาที่เราได้ไปเซ็นไว้ เลยเหมือนเป็นการเข้าใจผิดกัน เป็นเรื่องที่เราคิดว่าเราหมดสัญญาแล้ว และตอนนั้นก็มีความตั้งใจที่จะทำกันเอง เราก็ปล่อยเพลงที่ทำกันเองออกมา แต่พอดีทางต้นสังกัดเขาบอกมาว่า มันยังไม่หมดสัญญา ก็เลยมีปัญหากันนิดหน่อย ในเรื่องของการไม่ให้เผยแพร่ทางสื่อต่าง ๆ

จากที่ได้ฟังซิงเกิ้ลใหม่รู้สึกเลยว่ากลิ่นอายดนตรีของ Harem Belle เปลี่ยนไป อยากให้จำกัดความแนวทางของ Harem Belle ใน พ.ศ. นี้ให้กับเราหน่อย

ตี๋: จริง ๆ แล้วดนตรีของพวกเรา Harem Belle ก็ยังยืนพื้นเป็นแนวร็อคเหมือนเดิมครับ  แต่คงเป็นเพราะพวกเราในวงฟังเพลงค่อนข้างแตกต่างกันเยอะเหมือนกัน บางคนชอบ Post บางคนชอบ Rock บางคนชอบ Blues ซึ่งในการทำผลงานล่าสุดเราก็เลยเอาความชอบของทุกคนมาผสมกัน แต่สุดท้ายก็ยังยืนพื้นด้วยดนตรีร็อคแต่ก็จะผสมผสานแนวดนตรีที่สมาชิกในวงทุกคนชอบเข้าไป คิดว่าประเด็นนี้น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าพวกเราเปลี่ยนไป

แอ๊ป: ตั้งแต่เราทำเพลงกันมาสมัยทำอัลบัมใต้ดิน แต่ละอัลบัมแต่ละเพลง ซาวด์ก็แทบจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับคาแรคเตอร์ของเพลงนั้น ๆ ว่าเราต้องการให้มันออกมาเป็นแบบไหน การที่เรากลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้วซาวด์ดนตรีเปลี่ยนไป มีกลิ่นอายที่เปลี่ยนไป ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งศิลปินส่วนใหญ่เขาก็ทำแบบนี้กัน โดยที่มันไม่ใช่แค่ประเทศไทย คือต่างประเทศ ทั่วโลก เขาก็ต้องการเปลี่ยนซาวด์เพื่อการหนีตัวเองด้วย และเพื่อให้กลมกลืนกับโลกสมัยใหม่ด้วย

ตอนนี้ปล่อยออกมา 2 ซิงเกิ้ลแล้ว มีแผนจะออกอัลบัมเต็มเลยหรือเปล่า ?

โอม: จริง ๆ การกลับมาครั้งนี้ของ Harem Belle พวกเราเองก็มีแผนจะปล่อยเป็นอัลบัมเต็มออกมาอยู่แล้วในช่วงต้นปีหน้า ยังไงคิดว่าได้ฟังกันแน่นอนกับอัลบัมเต็ม 10 เพลงของพวกเรา หลังจากที่หายหน้าหายตากันไป 8 ปี

ได้ข่าวว่ากำลังจะได้ฟังซิงเกิ้ลที่ 3 จาก Harem Belle ระหว่างรออัลบั้มเต็ม 

ตี้: ใช่ครับ สำหรับซิงเกิ้ล 3 น่าจะปล่อยออกมาให้ได้ฟังประมาณปลายปีครับ ตอนนี้เล่าให้ฟังได้แค่ว่ามันเป็นเพลงช้าครับผม


ถ้าให้มองย้อนกลับไป 10 กว่าปีบนเส้นทางดนตรีของ Harem Belle มีจังหวะไหนในชีวิตบ้างที่คิดว่าโคตรห่วยแตก ชวนให้ท้อแท้จนคิดอยากจะเลิก ไม่เอาแล้วกับอาชีพนักดนตรี ?

ตี้: จังหวะที่ห่วยที่สุดก็น่าจะเป็นตอนที่มีปัญหากับค่ายเก่า คือว่าเราทำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่จะเล่นดนตรีข้างนอก เขาก็ยังไม่ให้เราเล่นเลย ตอนนั้นก็ต้องกลับมานั่งคิดว่าจะทำไงดี สุดท้ายเราก็ตัดสินใจไปเรียนต่อให้จบดีกว่า แต่ถ้าถามว่าคิดที่จะเลิกเล่นดนตรีมั้ย อันนี้ตอบได้แบบไม่ต้องคิดว่าไม่อยากเลิก อยากเล่นต่อ

โอม: มีอยู่แล้วครับ จุดที่เรารู้สึกว่าแย่ที่สุดของชีวิตนักดนตรีมันเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับช่วงที่เรารู้สึกว่าเราชอบมันที่สุด เหมือนเรากำลังทำอะไรบางอย่าง เราจริงจังกับมัน แต่เจอคนที่ไม่จริงใจ มันเลยทำให้รู้สึกแย่มากตอนนั้น ในเมื่อเราทุ่มเทกับมันไปแล้ว แต่มันไม่ได้ เจอสิ่งที่มันไม่ใช่กลับมาเราก็ช่างแม่ง ก็เลยหายไปเลย 8 ปี อารมณ์มันเหมือนคนเป็นแฟนกัน แล้วเจอคนที่ไม่จริงใจ เราก็เลิกใช่ไหม ไปเปิดหาคนใหม่ ๆ หาอะไรใหม่ ๆ แต่สุดท้ายที่กลับมาก็เพราะว่ามันยังไม่ลืม มันยังชอบในทางนี้อยู่ถึงแม้ว่ามันจะเจอเรื่องเหี้ย ๆ มาก็เหอะ

ตี๋: ก็จะมีหลังช่วงเพลงไม่เกี่ยวกับฟ้า ตอนนั้นไม่ค่อยได้ติดตามดนตรีเท่าไหร่ด้วยครับ แล้วก็เป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีงานเข้ามา มันเป็นจุดที่ทำให้เราคิดว่า เราเดินมาทางนี้มันถูกแล้วหรือเปล่า ด้วยอายุเราที่เริ่มมากขึ้น เส้นทางสายนี้จะทำให้เราอยู่ได้หรือเปล่า ส่วนความคิดว่าเคยจะเลิกเล่นไหม ไม่มีครับ ไม่เคยคิดจะเลิกเล่น แค่ย้อนกลับมาถามตัวเองและหลาย ๆ คนว่าที่ทุ่มเททำกันอยู่มันถูกหรือเปล่า ประมาณนั้น

แอ๊ป: ตั้งแต่ผมเล่นดนตรีกับเพื่อนมาประมาณ 10 กว่าปีนิด ๆ ผมว่ามันก็มีเรื่องหนักหนาสาหัสเหมือนกัน โดยเฉพาะเป็นนักดนตรีในบ้านเรา คือถ้าเปรียบเทียบศิลปินหรือนักดนตรีเป็นเค้กก้อนหนึ่ง คุณต้องทำใจเอาไว้เลยว่ามันจะมีคนอีกมากมายที่จะมารุมแดกคุณ แล้วมันก็เป็นการรุมแดกที่ไม่ได้ปราณีเท่าไหร่ อย่างที่บางคนคิดว่าได้เซ็นสัญญา ได้ออกเทป ได้ไปขึ้นเวทีมีแสงไฟอะไรก็ดูดี แต่จริง ๆ แล้วเบื้องหลังของมัน มันมีความโลภ ละโมบ มีความขัดขากันเอง มีเรื่องลับหลังอะไรมากมาย

คนที่เจอหน้ากันยิ้มให้กัน ยกมือไหว้สวัสดีทักทายกัน แต่ลับหลังเขาก็คิดกับเราอีกแบบนึง และอีกเรื่องที่สำคัญเลยก็คือเรื่องของสัญญา ที่เป็นแค่กระดาษแผ่นเดียว สำหรับใครที่จะเล่นดนตรี ให้ระวังเรื่องสัญญาเอาไว้เลย สมมติคุณเซ็นสัญญาเอาไว้ 5 ปี ปล่อยเพลงมา 1 หรือ 2 ซิงเกิ้ลไม่รอด คุณก็จะโดนลอยแพ แต่คุณเองจะไปไหนไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ในระยะเวลา 5 ปี หรือจะออกมาทำเองแบบเราในตอนนั้น หากประสบความสำเร็จขึ้นมาก็จะมีคนกลุ่มเดิมที่มองว่าเราคือเค้กของเขา กลับมาปัดแข้ง ขัดขาเพื่อไม่ให้คุณสำเร็จ ซึ่งเรื่องราวแบบนี้มันทำให้รู้สึกเฟลกับเส้นทางอาชีพนักดนตรีมากพอสมควร

แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ยืนหยัดผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ จนกลับมาเป็น Harem Belle อีกครั้ง ?

ตี้: ส่วนหนึ่งก็เป็นเพื่อนร่วมวงด้วยครับที่ยังติดต่อกันคุยกัน ให้คำปรึกษากันตลอดเวลา แล้วก็มีช่วงหนึ่งที่ผมเปิด Facebook เปิด YouTube อ่านเจอคอมเม้นต์จากแฟนเพลง ว่าเมื่อไหร่จะกลับมา ก็ต้องยอมรับว่าแฟนเพลงนั้นเป็นอีกส่วนสำคัญเลยที่ทำให้เรากลับมาเล่นอีกครั้ง

โอม: หลัก ๆ เลยก็คือแฟนเพลง ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน แฟนเพลงก็จะคอยเขียนคอมเม้นต์อย่างที่ตี้บอก มีแฟนเพลงคอยถามว่าจะกลับมาทำเมื่อไหร่ ยังจะทำเพลงอีกไหม ผมว่านั่นมันเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเรากลับมาจริง ๆ

ตี๋: แฟนเพลงครับ (หัวเราะ) อันนี้ไม่ได้ตอบเพื่อขายของหรือว่าอะไรนะ คือเป็นเรื่องจริง มีแฟนเพลงเป็นหลัก ด้วยความที่เรายังติดต่อกันอยู่ด้วยครับ ก็พูดคุยกันมาตลอด บางทีเรามีปัญหาอะไรกัน เราก็ปรึกษากัน เราจะเอายังไงกันต่อ เราจะเลิกเล่นดีไหม แต่ส่วนใหญ่คนในวงก็จะให้คำปรึกษากันว่า เรามาได้ขนาดนี้แล้ว เราจะถอยหรอวะ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีครับ มันเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้เราไม่ทิ้งมันไป

แอ๊ป: แน่นอนว่าแฟนเพลงต้องมีส่วนอยู่แล้ว แต่ถ้ามาถามคนในวงกันเอง น่าจะเป็นความชอบดนตรี ยังมีความหลงใหลอยู่ เพราะตอนที่ไม่มีเงินเข้ามาพวกเราก็ยังเล่นกันอยู่ ก็เลยรู้สึกว่านี่เป็นคำตอบว่าไม่ใช่เพราะเงิน หรือเพราะมีคนติดตามหรือไม่ติดตาม เราเล่นดนตรีแค่เพราะความชอบความหลงใหล ยังรู้สึกในด้านบวกกับดนตรีอยู่ตลอดเวลา เหมือนเป็นรักแรกที่ยังไงเราคงลืมไม่ได้ ไม่มีอะไรดีเท่ารักแรกประมาณนั้น

รู้สึกอย่างไรกับการที่แฟนเพลงส่วนใหญ่ยกให้ Harem Belle เป็นวงดนตรีตัวแทนจากยุคที่ดนตรี EMO ALTERNATIVE เฟื่องฟู ?

แอ๊ป: จริง ๆ แล้วผมก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวแทนของวงในยุคนั้นหรือว่าอะไร แต่อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้พวกเรายังทำกันอยู่ ยังเดินกันอยู่ โดยที่บางวงเขาอาจจะเลิกทำไปแล้วหรือไปทำอย่างอื่น ผมว่ามันมีเหตุผลหลาย ๆ อย่างที่วงพวกนั้นไม่กลับมา เพราะช่วง 8-10 ปีที่ผ่านมาวงการเพลงทั่วโลกมันเปลี่ยนไปหมดเลย มันมีเรื่อง Social Media เข้ามา มีเรื่องระบบดาวน์โหลด การที่จะทำเพลงออกมาเป็นแพ็คเกจ เป็นแผ่นซีดี ก็จะไม่มีแล้ว บ้านเราปรับตัวช้า แล้วที่ผ่านมาเหตุบ้านการเมืองมันไม่ค่อยสงบ เลยเป็นเหตุผลใหญ่ ๆ ที่ศิลปินหรือคนทำเพลงบ้านเรายังปรับตัวไม่ทัน

แต่ที่พวกเรายังอยู่ ยังกลับมาทำ Harem Belle กันได้ ก็อย่างที่บอกไปว่าสำหรับพวกเราไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น เราทำเพราะความรู้สึกว่าพวกเราอยากทำ ตอนทำ Last Tissue ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะทำรายได้ หรือหาเงินเข้าวงยังไง แต่ทำเพราะว่าไม่อยากให้สิ่งที่เราถนัดที่สุดมันหายไป อยากให้สิ่งที่เราทำได้โอเคที่สุดต้องอยู่ต่อไป

คิดว่าเป็นการสวนกระแสหรือเปล่า กับการออกอัลบัมเต็มขายแผ่น CD ในยุคที่วงการเพลงเน้นขายแบบดิจิทัลดาวน์โหลดเป็นหลัก น้อยวงนักที่จะออกแผ่นเต็ม ?

แอ๊ป: จริงอยู่ที่การทำเป็นอัลบั้มออกมา ในตอนนี้คนเขาไม่ค่อยทำกัน แต่ผมเชื่อว่ายังมีแฟนเพลงที่ต้องการจะเก็บแผ่นเป็นของสะสม อย่างต่างประเทศวงที่มีตังค์หรือมีพลังมากพอที่จะทำ บางวงเขาถึงขนาดทำเป็นแผ่นไวนิลออกมาเลย เพื่อจะอัพเกรดเรื่องของคุณค่าให้มันมากขึ้นไปโดยที่ไม่ได้สนว่าเรื่องของดิจิทัลดาวน์โหลดมันจะมากน้อยแค่ไหน เหมือนเขาแคร์แฟนเพลงมากกว่า อย่างพวกเราหายไป 8 ปี เหมือนกับว่าไม่ได้ทำอะไรมานาน คนที่รอฟังเพลงพวกเราก็มีพอสมควร เลยคิดว่าเขาน่าจะรอสะสมผลงานเราด้วย การที่เราจะปล่อยเป็นดิจิทัลอย่างเดียวก็รู้สึกว่ามันไม่เต็มที่ กลับมาครั้งนี้เลยมีอะไรติดไม้ติดมือให้คนได้เก็บสะสมด้วยครับ

ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีกับการเป็น Harem Belle แต่ละคนได้เรียนรู้อะไรจากอาชีพนักดนตรีบ้าง ?

ตี๋: เรียนรู้หลายอย่าง แต่อันดับแรกเลยคือความอดทน บางทีเราเซ็นสัญญาไปตอนแรก ไม่ใช่ว่าเราเซ็นปุ๊ปแล้วเราจะได้ทำเลย มันต้องอดทน มันต้องรอ ไม่ว่าจะเป็นเวลาหรือโอกาส อีกอย่างคือเราได้เปิดโลก เวลาไปคอนเสิร์ตเราก็ได้รู้ว่ามันมีสังคมแบบนี้อยู่ มีคนประเภทนี้อยู่ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีที่เราได้เห็นในสิ่งที่หลาย ๆ คน ที่ไม่ได้ทำตรงนี้อาจไม่ได้เห็น

ตี้: อาชีพนักดนตรีสำหรับผมขอพูดเรื่องสังคมแล้วกัน ได้รู้จักเพื่อนมากมาย ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง ได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน แต่ก็อย่างที่พี่แอ๊ปบอกก็จะมีบางคนที่ต่อหน้ายิ้มให้เราบ้าง แต่ลับหลังก็เอาไปว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เราก็อย่าไปสนใจอะไรมาก เพราะว่าเราก็มีจุดยืนของเราอยู่

โอม: ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของมุมมองความคิดมากกว่า หลายคนคิดว่าการได้เป็นนักดนตรี ออกเทป ได้ขึ้นเวทีเป็นสิ่งที่เรียกว่าประสบความสำเร็จแล้ว ได้เป็นนักดนตรีออกเทปคือดัง เก่ง หญิงเยอะ รวย ผมว่ามันไม่ใช่ สิ่งที่ผมเรียนรู้จากอาชีพนี้คือ มันไม่ง่าย ทุกอย่างมันไม่ง่าย วันนี้เราทำได้ พรุ่งนี้เราอาจทำไม่ได้ก็ได้ ได้เป็นนักดนตรีอาชีพได้ขึ้นเวทีเล่นเยอะก็จริง แต่เวลาซ้อม เวลาส่วนตัวของคุณมันก็จะลดลง ในขณะที่คนไม่ได้เป็นนักดนตรีอาจจะเก่งกว่าคนที่เป็นนักดนตรีก็ได้ คนที่ไม่ได้ออกเทป ไม่ได้เล่นดนตรี มีเวลาซ้อมเยอะ มีเวลาเล่นเยอะ ในทางกลับกันคนที่เป็นนักดนตรีอาชีพมีเวลาเล่นเยอะจริง แต่เวลาซ้อมไม่มีเลย ติดนู่นติดนี่ เละเทะ การที่จะรักษามาตรฐาน ยืนหยัดอยู่ในเส้นทางอาชีพนี้ได้ ต้องจิตแข็ง และตั้งใจกับมันไม่ใช่น้อย ๆ เลย

แอ๊ป: ผมได้เรียนรู้ 2 อย่างคือความบ้ากับความเซลฟ์ครับ คือ 2 อย่างนี้มันมีประโยชน์มากโดยเฉพาะกับคนที่เล่นดนตรี เพราะว่าถ้าเล่นไปเรื่อย ๆ วันหนึ่ง จะเจอปัญหาหลาย ๆ อย่างเป็นสิบเป็นร้อยถาโถมเข้ามา ถ้าคุณไม่ได้บ้า เป็นคนธรรมดาที่มีสติสัมปชัญญะปกติ คุณต้องเลิกเล่นแน่นอน แล้วไปทำอะไรที่สร้างรายได้ให้มากกว่า ทำประโยชน์ต่อคนรอบข้างคุณได้มากกว่า

เรื่องของความเซลฟ์ก็เหมือนกัน เพราะว่าระหว่างทางมันจะมีคนบอกคุณเสมอว่าเลิกเถอะ ไม่เหมาะ เปลี่ยนแนวสิ ผมว่าความเซลฟ์มันมีข้อดีของมันก็คือมันไม่ฟังคนอื่น เมื่อมันไม่ฟังคนอื่นมันก็จะฟังตัวเองใช่ไหมครับ เมื่อความเซลฟ์กับความบ้ามาผสมกัน สิ่งที่โลกนี้มันสร้างขึ้นมาเป็นกฎหลาย ๆ อย่างมันก็จะใช้กับเราไม่ได้ เมื่อมันใช้กับเราไม่ได้ มันก็เหมือนกับคนที่หูดับไปแล้ว มันก็จะไม่ฟังคนอื่น มันก็จะเดินตรงไปข้างหน้าในทางของเราอย่างเดียว

อย่างปัญหาข้างต้นที่เคยเล่าให้ฟังไปเมื่อกี๊นะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนในวงการหรือผู้ใหญ่ทั้งหลายที่จะมาเอาผลประโยชน์จากคุณพวกนี้เขาจะไม่ได้อยู่กับคุณตลอด มีแต่เพื่อนในวงกับตัวคุณเองเท่านั้นจะอยู่ด้วยกันตลอด เพราะฉะนั้นมันต้องมีความบ้าพอสมควรที่จะไม่สนเหตุผลต่าง ๆ แล้วก็เดินต่อไปข้างหน้าให้ได้ไม่ว่ามันจะลำบากแค่ไหน

ในฐานะที่ Harem Belle เคยเป็นทั้งวงใต้ดินทำเองขายเอง จนขึ้นมาอยู่บนดิน มีค่ายมีสังกัด อยากให้ถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานทั้ง 2 แบบ ให้กับน้อง ๆ นักดนตรีรุ่นใหม่ที่กำลังใฝ่ฝันจะมีผลงานเพลง

แอ๊ป: Harem Belle เคยทำกันเอง ไปวางขายกันเอง ปั๊มแผ่น ปกก็ซีร็อกซ์กันเอง ไปฝากขาย แล้วก็มีคนมาช่วย ก็อยู่ในระดับที่เป็นอินดี้ ก็ยังไม่ได้มีค่ายก็แค่มีคนลงทุนให้ จนได้มาอยู่ค่ายซึ่งเป็นค่ายอินดี้ ซึ่งถือว่าเป็นค่ายอินดี้ที่ใหญ่ ความแตกต่างของมันสำหรับคนที่ยังไม่ได้ออกเทปเลย ยังไม่มีประสบการณ์เลยผมแนะนำว่าให้ทำเองก่อน เพราะคุณจะรู้ว่าคุณต้องการอะไรกันแน่ แล้วก็อยากจะไปในแนวทางไหนโดยที่ไม่ได้สนใจในเรื่องของผลกำไร

สำหรับผมการมีค่าย มีดีอย่างเดียวคือเขามีทุนให้ เราสบายขึ้นไม่เหนื่อย นั่นหมายความว่าคุณต้องรู้แล้วว่าคุณเป็นใคร ต้องการอะไรกับมัน แล้วก็โอเค ค่ายจะซื้อผลงานผม ผมขาย และค่ายก็ดูแลอย่าทำให้ผมเหนื่อย ผมมีหน้าที่แค่แต่งเพลง ขึ้นไปเล่นคอนเสิร์ต แต่ว่าสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเล่นยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเอายังไง แนะนำให้ทำกันเอง ทำไปเลยครับ มันจะเจ๊งหรืออะไรก็ช่างมัน สุดท้ายแล้วมันก็เป็นตัวคุณดีกว่าไปอยู่ค่ายโดยที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ไป 5 ปี 10 ปี ออกมาคุณอาจจะรวยแต่คุณก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร หมดสัญญามันก็ว่างเปล่า ความแตกต่างระหว่างทำเองกับมีค่ายก็แค่เรื่องเงินแค่นั้นเอง

ย้อนกลับมาที่เรื่องของผลงานใหม่สักหน่อย ในวันที่ปล่อยซิงเกิ้ล ‘ดาวตก’ ซิงเกิ้ลแรกหลังจากหายไป 8 ปี รู้สึกอย่างไรกันบ้าง แตกต่างจากสมัยที่ปล่อยเพลงแรกในนาม Harem Belle เมื่อ 8 ปีก่อนหรือเปล่า ?

ตี๋: ก็ตื่นเต้นครับ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อก่อนมันจะไม่มีช่องทางในการติดต่อง่ายขนาดนี้ กว่าจะรู้ฟีดแบ็คมันก็จะประมาณ 1-2 อาทิตย์ แต่อันนี้เราปล่อยไปปุ๊บเราสามารถรู้ฟีดแบ็คได้เลย ถือว่าดีครับอบอุ่นเหมือนกับเมื่อก่อนเลยครับ คิดถึงด้วยครับ แล้วก็ดีใจด้วยที่ฟีดแบ็คออกมาค่อนข้างดี

แอ๊ป: ตื่นเต้นแน่นอนครับ แล้วพอรู้ฟีดแบ็ค ก็ตกใจนิดนึง เพราะเรากะว่าค่อย ๆ ทำ ให้คนค่อย ๆ รู้ว่าเรากลับมา แต่เพลงแรกเราปล่อยไปแล้วกระแสตอบรับมันกลับมาไวมาก ก็เลย ตกใจเหมือนกัน แล้วก็สบายใจด้วย รอดแล้ว

สบายใจแล้ว รอดแล้ว ที่รู้สึกแบบนี้ได้แสดงว่าก่อนหน้านี้จะต้องกังวลถึงกระแสตอบรับกันพอสมควร ?

ตี๋: ค่อนข้างมากเหมือนกันนะ ตอนนั้นเราก็มานั่งคุยในวงว่า เพลงนี้จะออกมาเป็นยังไงนะ ก็แบ่งใจไว้ครึ่ง ๆ แต่พอมันออกมาดีก็ดีใจ โล่ง ทุกอย่างแฮปปี้มาก

หลังจากทำเพลงเสร็จ ปล่อยอัลบัมเต็มชุดนี้เรียบร้อย เป้าหมายต่อไปของ Harem Belle คืออะไร ?

แอ๊ป: จริง ๆ แล้วก็คงทำอะไรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

ตี๋: ไหน ๆ ก็ทำมาเป็น 10 ปีแล้ว

แอ๊ป: ยึดพวกนี้แหละครับ จะทำไปเรื่อย ๆ ถึงพวกเราแต่ละคนจะทำอย่างอื่นไปด้วย แต่วงก็จะต้องมีผลงานออกไปเรื่อย ๆ

สุดท้ายแล้ว อยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ ที่ยังคงติดตาม กระหน่ำคอมเม้นต์แสดงความคิดถึง ถามไถ่ คอยให้กำลังใจ Harem Belle ผ่านช่องทางโซเชียลมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

โอม: สำหรับแฟนเพลงเก่า ๆ ก็ต้องขอบคุณด้วยนะครับที่ยังติดตามอยู่ สำหรับแฟนเพลงใหม่ เราก็เหมือนวงใหม่วงหนึ่งที่กลับมา ยังไงติดตามผลงานด้วยนะครับ

ตี๋: ขอบคุณครับที่ยังติดตามกันอยู่แม้ว่ามันจะหลายปีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคอยถามถึงยังคอยให้กำลังใจกันอยู่ ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรากลับมาจริง ๆ ครับ ขอบคุณครับ

แอ๊ป: คล้าย ๆ ทุกคนครับ ทุกคนคงคิดเหมือนกัน คือขอบคุณแฟนเพลงของเราก่อนหน้านี้ และแฟนเพลงใหม่ที่เพิ่งจะรู้จักกันด้วยนะครับ มันเหมือนพลังที่ทำให้เราอยากทำตรงนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ หรืออะไรที่ไม่ค่อยดีที่เข้ามา ตรงนี้เป็นพลังด้านบวกที่ทำให้เราอยากไปต่อ ขอบคุณมาก ๆ ครับ

ตี้: ขอบคุณทุกยอดวิวเลยครับ ตอนนี้กี่วิวแล้วนะ (หันไปถามเพื่อนในวง)

แอ๊ป: ประมาณ 18 ล้านวิว (หัวเราะ)

ตี้: อ้อ… เช็คมาแล้วประมาณ 4 ล้านวิว ขอบคุณมากจริง ๆ ครับ (ยิ้ม)

ขอขอบคุณเสื้อผ้าจาก BEAMS Thailand

 

 

 

NTman
WRITER: NTman
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line