MUSIC

“HARRY STYLES” ศิลปินผู้ทิ้งชีวิตบอยแบนด์ไว้เบื้องหลัง สู่การสะท้อนตัวตนด้วยแนวดนตรีที่หลากหลาย

By: JEDDY November 27, 2022

ประเทศอังกฤษ คือหนึ่งในประเทศที่มีวัฒนธรรมทางดนตรีที่แข็งแรง อีกทั้งยังสร้างรากฐานสำคัญให้กับโลกของเสียงเพลงไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นแนวโพสต์พังก์อย่าง Joy Divison, พังก์ร็อกหัวขบถอย่าง Sex Pistols, บริตป๊อประดับท็อปอย่าง Oasis, ผู้นำแห่งเฮฟวี่เมทัลอย่าง Black Sabbath และศิลปินผู้เป็นอิทธิพลให้วงดนตรีอีกนับล้านอย่าง The Beatles สิ่งเหล่านี้มันได้หล่อหลอมสร้างศิลปินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากรุ่นสู่รุ่น ไม่เว้นแม้แต่ Harry Styles ศิลปินเดี่ยว วัย 28 ปี ที่ปัจจุบันเขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินระดับโลกอย่างเต็มภาคภูมิ

อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดี จุดเริ่มต้นที่ทำให้ใครหลายคนรู้จักชื่อของ Harry Styles มาจากรายการ The X Factor เมื่อปี 2010 แม้เขาจะไม่ได้รางวัลชนะเลิศ แต่ความสามารถก็โดดเด่นจนถูกชักชวนให้ไปทำ One Direction จนสามารถสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการติดอันดับ “Best-Selling Boy Bands” ในลำดับที่ 1 ของเกาะอังกฤษ ด้วยยอดขายรวมมากถึง 70 ล้านก็อปปี้ จากทั้งหมด 5 อัลบั้มด้วยกัน

แต่สุดท้ายการใช้ชีวิตกับ One Direction ก็ต้องจบลง เมื่อพวกเขาประกาศแยกย้ายกันไปเมื่อปี 2016 แม้จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง เหล่าบรรดาบอยแบนด์หรือเกิร์ลกรุ๊ป ก็มักจะมีอายุวงที่ไม่นานอยู่แล้ว


DEBUT SOLO ALBUM

แม้หนึ่งเส้นทางจะหายไป แต่ในอีกแง่มุมมันก็หมายถึงการเริ่มต้นเดินทางครั้งใหม่ของ Harry Styles ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 22 ปี

เขาได้ตัดสินใจออกมาทำผลงานเดี่ยวด้วยสไตล์ดนตรีที่ตัวเองชื่นชอบ และยังได้ทำงานร่วมกับโปรดิวซ์เซอร์ถึง 4 คน ได้แก่ Jeff Bhasker, Alex Salibian, Tyler Johnson และ Kid Harpoon นอกจากนั้นทาง Harry Styles ยังมีส่วนร่วมในการเขียนเพลงทุก ๆ บทเพลง จนสุดท้ายก็คลอดออกมาเป็นเดบิวต์อัลบั้มที่ใช้ชื่อเดียวกับตนเอง เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2017

สไตล์ดนตรีในอัลบั้มนี้มีความผสมผสานหลาย ๆ แนวเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ซอฟต์ร็อก, คันทรี, โฟล์ก และบริตป๊อป ที่ถูกร้อยเรียงได้อย่างน่าฟังตลอดทั้ง 10 เพลง อีกทั้งมันยังสะท้อนอิทธิพลทางดนตรีที่ Harry Styles ได้รับมาแบบ 100%

ส่วนบทเพลงที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักผลงานเดี่ยวของเขา คงต้องยกให้ “Sign of the Times” เพลงสไตล์บัลลาดกับอารมณ์สุดดำดิ่งที่สลัดคราบบอยแบนด์ของ Harry Styles ไปได้อย่างหมดสิ้น

ส่วนเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้มอย่าง “Only Angel” จังหวะชวนสนุกที่มีกลิ่นอายซาวด์ของแกลมร็อกมาไม่น้อย หรือจะเป็น “Kiwi” ที่มาพร้อมกับซาวด์ร็อกแอนด์โรลล์สุดเข้มข้น ผสมด้วยความเกรี้ยวกราดของพังก์ หรือจะเป็น “Woman” ที่อบอวลไปด้วยความดนตรีบลูส์ในบรรยากาศที่ค่อนข้างออกไปทางไซคีเดลิก ส่วนเพลงส่งท้าย “From the Dining Table” ก็เป็นอะคูสติคโฟล์กที่มีเครื่องสายมาช่วยสร้างบรรยากาศให้ตัวเพลง

จากความยอดเยี่ยมของเดบิวต์อัลบั้ม Harry Styles ส่งผลให้มันทำยอดขายถล่มทลายหลายล้านก็อปปี้ อีกทั้งยังติดชาร์ตอันดับ 1 ไปทั่วโลก เป็นเครื่องหมายการันตีฝีมือทางดนตรีของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนที่แท้จริงหลังชีวิตบอยแบนด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ


FINE LINE

ผ่านพ้นไปได้ 2 ปีกว่า Harry Styles ก็ส่ง “Fine Line” อัลบั้มที่ 2 ของตัวเองมาให้แฟนเพลงทั่วโลกได้สัมผัส โดยผลงานชุดนี้เขายังคงเลือกใช้บริการโปรดิวซ์เซอร์เซตเดิม จะเปลี่ยนแค่ Alex Salibian เป็น Greg Kurstin เท่านั้น

ส่วนซาวด์ในอัลบั้มนี้มีความแตกต่างจากผลงานชุดแรก และบ่งบอกถึงรสนิยมทางดนตรีที่หลากหลายของ Harry Styles ได้ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเพลง “Adore You” กับสไตล์ดิสโก้ฟังก์ยุค 80’s ที่ทำได้เข้าถึงอารมณ์เอามาก ๆ ,“Lights Up” ดนตรีป๊อปที่มีโครงสร้างไม่ธรรมดาด้วยสัดส่วนแบบโปรเกรสซีพ, “Falling” บัลลาดสุดช้ำกับเสียงร้องอันทรงพลังที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างลึกซึ้ง, “To Be So Lonely” ที่จะพาคุณนั่งไทม์แมชชีนไปกับกับยุครุ่งเรืองของ The Beatles หรือจะเป็น “Sunflower Vol 6” กับริธึ่มสไตล์เรกเก้ที่เด่นด้วยเสียงสังเคราะห์สุดฟุ้ง

อัลบั้ม “Fine Line” ยังกลายเป็นการต่อยอดความสำเร็จของ Harry Styles เพราะนอกจากยอดขายที่ทะลุ 4 ล้านก็อปปี้ เขายังได้รางวัลมากอดอีก 3 รายการ ได้แก่ “Favorite Pop/Rock Album” จาก American Music Awards, “Best International Artisr” จาก ARIA Music Awards และ “International Album Of The Year” จาก Juno Awards


HARRY’S HOUSE

“Harry’s House” อัลบั้มล่าสุดของ Harry Styles ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2022 พร้อมกับการออกจากนอกกรอบกับสไตล์เดิม ๆ เพราะผลงานชุดนี้เขาได้รับอิทธิพลซาวด์ดนตรีมาจากประเทศญี่ปุ่นแบบเต็ม ๆ

“ชื่ออัลบั้มของผมได้มาหลังจากที่ได้ฟังผลงานของ Haruomi Hosono 

เขามีอัลบั้มในยุค 70’s ที่ใช้ชื่อว่า ‘Hosono House’ ครับ” 

นี่คือสิ่งที่ Harry Styles ให้สัมภาษณ์ไว้กับทาง Apple Music เกี่ยวกับที่มาที่ไปของชื่ออัลบั้มที่ 3 แต่ไม่ใช่แค่ชื่อเท่านั้นที่ได้รับอิทธิพลจาก Haruomi Hosono เพราะ Harry ยังได้อิทธิพลแนวดนตรี “ซิตี้ป๊อป” มาจากเขาด้วยเช่นกัน และมันก็สะท้อนออกมาในบทเพลงอย่าง “Music For A Sushi Restaurant” ที่โดดเด่นด้วยจังหวะอันสนุกสนานในแบบที่ถูกผนึกรวมมากับดนตรีดิสโก้ พร้อมด้วยกลิ่นอายไลน์เบสแบบฟังก์ เด่นด้วยเสียงซินธ์ที่แปลงซาวด์ให้คล้ายเครื่องเป่า เป็นเพลงที่เหมาะกับการเต้นรำบนฟลอร์โดยแท้จริง

ส่วนเพลงอย่าง “As It Was” ก็ทำให้เรานึกถึงซาวด์ของยุคนิวเอจ ราวกับว่า Harry ได้สวมวิญญาณวง A-Ha ลงไปในตัว หรือจะเป็น “Cinema” ที่จะพาให้คุณดำดิ่งไปกับบรรยากาศที่สะท้อนแสงสียามค่ำคืน ส่วนใครชอบเพลงเพราะ ๆ และยังชื่นชอบบรรยากาศสไตล์โฟล์กแบบอัลบั้มก่อนหน้านี้ “Boyfriends” เพลงนี้มอบความรู้สึกเหล่านั้นได้เป็นอย่างดีแน่นอน

แม้ว่าจะมีการปรับสไตล์ดนตรีไปมากมาย แต่เคมีชั้นดีที่ถูกคลุกเคล้าลงมาในอัลบั้ม “Harry’s House” ก็ทำให้ยังคงได้รับการตอบรับอันยอดเยี่ยมจากแฟนเพลง จนส่งผลให้ขึ้นไปติดชาร์ตอันดับ 1 ในหลายประเทศทั่วโลกอีกครั้ง พร้อมทั้งทำยอดขายรวมเกิน 1 ล้านยูนิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ทุกบทเพลงของ Harry Styles เปรียบเสมือนกำไรของแฟนเพลงที่ได้ทำความรู้จักตัวตนในหลาย ๆ แง่มุมของศิลปินคนนี้ อีกทั้งชิ้นงานศิลปะทางเสียงดนตรียังถูกสะท้อนออกมากับการเล่นคอนเสิร์ตของ Harry ด้วยเช่นกัน ซึ่งแฟนเพลงชาวไทยก็กำลังจะได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดอีกครั้งกับ ‘LOVE ON TOUR 2023’ คอนเสิร์ตใหญ่ของ Harry Styles ที่เตรียมเปลี่ยนราชมังคลากีฬาสถานให้กลายเป็น “Harry’s House” พร้อมเสิร์ฟด้วยบทเพลงฮิตแบบจุใจให้ฟังกันจนหายคิดถึงในวันที่ 11 มีนาคม 2023

บัตรราคาเริ่มต้น 1,500 บาท สมาชิก Live Nation Tero ซื้อบัตรก่อนใครได้ในวันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายนนี้ (11.00 – 23.00 น.) สมัครสมาชิกและซื้อบัตรได้ทาง livenation.co.th

จำหน่ายบัตรรอบทั่วไปวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 11.00 น. เป็นต้นไปทาง thaiticketmajor.com และไทยทิกเก็ตเมเจอร์ 11 Thaiticketmajor สาขาหลัก

แฟนเพลง Harry Styles ห้ามพลาดเด็ดขาดกับคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ท่ามกลางแฟนเพลงนับหมื่นชีวิต!

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line