MUSIC

“LIVE FOREVER” บทเพลงพลิกโชคชะตาของวง OASIS ที่ได้แรงบันดาลใจจาก THE ROLLING STONES, NIRVANA และ PEGGY GALLAGHER

By: JEDDY June 17, 2022

“บางทีฉันแค่อยากจะหนีออกไป อยากออกไปใช้ชีวิต ไม่ได้อยากตาย บางทีฉันก็แค่อยากหายใจ บางทีฉันก็แค่ไม่อยากเชื่ออะไรเลย บางทีเธอน่าจะเป็นเหมือนฉัน พวกเราได้มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่มีวันได้เห็น เธอกับฉันจะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาล”

นี่คือวรรคทองของเพลง “Live Forever” ผลงานของวง Oasis จากอัลบั้มเดบิวต์ Definitely Maybe (1994) เป็นเพลงที่ถูกยกย่องว่าดีที่สุดตลอดกาลของวงร็อกจากเมืองแมนเชสเตอร์ อีกทั้งมันยังเต็มไปด้วยซาวด์ดนตรีที่เปรียบเสมือนการปูแนวทางของวงตลอดระยะเวลา 18 ปีที่โลดแล่นอยู่ในวงการ และยังเป็นเพลงที่ทั้ง Liam และ Noel Gallagher (ที่ตอนนี้เป็นศิลปินเดี่ยว) จะต้องยัดเอาไว้ในเซตลิสต์อยู่เสมอ


จุดเริ่มต้นของเพลง “Live Forever” เกิดขึ้นในปี 1991 ซึ่งในตอนนั้น Noel ยังทำงานเป็นกรรมกรคนใช้แรงงานอยู่กับบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในบ้านเกิด แต่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายเพราะ Gallagher ผู้พี่เกิดประสบอุบัติเหตุโดนท่อเหล็กชนเข้าที่ข้อเท้า ผลคือเขาถูกส่งไปทำงานเบา ๆ อยู่ในห้องเก็บของ ซึ่งเป็นงานที่สบายและมีเวลาว่างกว่าเดิมมาก ทำให้เขามีเวลาเขียนเพลงแบบเต็ม ๆ ส่วนแรงบันดาลใจของเพลงนี้มันก็ได้รับมาจากทั้งจากวง The Rolling Stones, Nirvana และชีวิตวัยเด็กของพี่น้อง Gallagher


“SHINE THE LIGHT”

“Shine The Light” คือผลงานของคณะหินกลิ้ง The Rolling Stones ที่อยู่ในอัลบั้ม “Exile on Main St.” (1972) ซึ่ง Noel Gallagher ยอมรับว่าได้รับแรงบันดาลใจการเขียนเนื้อเพลง “Live Forever” มาจากท่อน “May the good Lord shine a light on you” โดยนำมาถูกปรับเป็น “Maybe I don’t really want to know” แทน ซึ่งพอมานั่งฟังจริง ๆ ก็ไม่ได้ใกล้เคียงขนาดนั้น จึงไม่แปลกใจที่เราจะไม่รู้สึกสะดุดหูว่าเหมือนเพลงของใครแต่อย่างใด


“I HATE MYSELF AND WANT TO DIE”

“I Hate Myself And Want To Die” (1993)  อีกหนึ่งเพลงที่แฟน ๆ Nirvana มักจะหยิบยกคำมาโพสต์ในโซเชียลมีเดียอยู่เป็นประจำ แล้วก็เป็นชื่อเพลงนี่แหล่ะที่ไปสะกิดต่อมหงุดหงิดของ Noel Gallagher ที่รู้สึกว่าไอแนวคิดดังกล่าวมันไม่ถูกต้อง จนกลายเป็นแรงบันดาลใจของคำว่า “Live Forever” ซึ่งความหมายมันตรงข้ามกับ “Die” นั่นเอง

“มันกระแทกผมอย่างแรง คือ Kurt Cobain นี่แม่งเป็นคนที่โคตรเก่งเลยนะเว้ย เขามีทุกอย่างที่ผมอยากจะมี”

“เขาทั้งรวย ทั้งมีชื่อเสียง แถมยังเป็นคนที่อยู่ในวงที่เจ๋งที่สุดในเวลานี้ แต่เขาดันเขียนเพลงว่า ‘กูเกลียดตัวเองและอยากไปตาย’ นี่นะ! แต่สำหรับความคิดของผมคือ ‘กูโคตรจะรักตัวเอง และกูจะมีชีวิตอยู่ต่อไปตลอดกาล’ เว้ยพวก”

แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่าสุดท้ายแล้ว Kurt Cobain ก็ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงในปี 1994 ซึ่งเรื่องนี้คงไปต่อว่า Noel Gallagher ไม่ได้เพราะสิ่งที่เขาคิดมันเกิดก่อนที่เทพเจ้าแห่งกรันจ์จะเสียชีวิตนั่นเอง รวมไปถึงพี่น้อง Gallagher ยังเคารพสมาชิกวง Nirvana เอามาก ๆ ถึงกับมีภาพ Kurt Cobain ปรากฎใน MV เพลง “Live Forever” เวอร์ชั่นออนแอร์ในอเมริกาเลยทีเดียว


PEGGY GALLAGHER

แม้ว่าสองพี่น้อง Gallagher จะมีวีรกรรมสุดแสบและมีฝีปากพลังสุนัขขนาดไหน แต่กับคุณแม่ของพวกเขา Peggy Gallagher ทั้ง 2 คนจะให้ความเคารพกับเธอมาก ๆ เพราะ Peggy ต้องทำหน้าที่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่วัยเยาว์จากเหตุที่ต้องหอบข้าวหอบของหนีออกจากบ้านพร้อมกับลูก ๆ เพราะทนความรุนแรงของสามีไม่ไหว และความเสียสละอันยิ่งใหญ่มันก็ทำให้ทั้ง Liam และ Noel รวมไปถึง Paul พี่ชายคนโต ต่างก็รักคุณแม่อย่างสุดหัวใจ

ใครที่เคยได้ดูสารคดี Supersonic จะพบว่าเวลาที่ทั้ง 2 พี่น้องว่าง ๆ ก็มักจะต้องโทรไปหาคุณแม่อยู่เสมอ มันบ่งบอกถึงความอ่อนโยนและความกตัญญูของพวกเขาได้เป็นอย่างดี เท่านั้นยังไม่พอ Peggy ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับเพลง “Live Forever” ด้วยเช่นกันในท่อนที่ร้องว่า

“Maybe I don’t really want to know/ How your garden grows”

“บางทีฉันก็ไม่ได้อยากรู้ว่าวิธีการทำสวนของเธอหรอกนะ”

ใช่แล้วหลาย ๆ คนคงงงว่าไอคำว่า “สวน” มันเกี่ยวข้องอะไรกับเพลงนี้ แต่รู้หรือไม่ว่าคุณแม่ Peggy ในสมัยที่พี่น้อง Gallagher ยังเป็นเด็กเธอเป็นคนชอบทำสวนมาก และมันยังเต็มไปด้วยความทรงจำในช่วงนั้นที่ต้องนั่งเหม่อมองสวนของแม่อย่างเบื่อ ๆ อีกด้วย


“Live Forever” แม้จะเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จในเกาะอังกฤษด้วยยอดขายซิงเกิลกว่า 1,200,000 ก็อปปี้ (ภาพปกซิงเกิ้ลคือบ้านวัยเด็กของ John Lennon ในเมืองลิเวอร์พูล) แต่ก็ดันไม่ค่อยประสบความสำเร็จในอเมริกาซักเท่าไหร่ ณ เวลานั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปความงดงามและความยิ่งใหญ่ของเพลงนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “มันจะคงอยู่ไปตลอดกาลและตลอดไป” เหมือนอย่างชื่อเพลงอย่างแน่นอนครับ

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line