Life

THE PROFILES: LUKA MODRIC เด็กที่โตมากับสงครามและความจนสูนักฟุตบอลผู้ประสบความสำเร็จ

By: TOIISAN December 8, 2018

เดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา ทั่วโลกได้เห็นทีมชาติม้ามืดที่พาตัวเองผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศกับฝรั่งเศสในศึก 2018 FIFA World Cup แม้ผลจะออกมาว่า Croatia ต้องพ่ายแพ้ไป แต่มันก็ยิ่งใหญ่พอจะทำให้คนทั้งประเทศยกย่องให้นักเตะชุดนี้เป็นฮีโร่ตัวจริงถึงขั้นขนานนามว่าเป็น “Golden Generation” ที่ประกอบด้วยนักเตะดี ๆ มากมาย โดยหนึ่งในนั้นก็คือ Luka Modric กัปตันทีมชาติ Croatia นักเตะ midfielder จาก Real Madrid ที่สามารถคว้ารางวัล Ballon d’Or ปีล่าสุด เบียด Messi และ Ronaldo ได้อย่างสวยงาม

“Luka Modric เป็นนักเตะที่ครบเครื่องและแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่มีส่วนสำคัญทั้งกับทีมชาติและสโมสร การวิ่งเข้าใส่แบบถวายชีวิตไม่มีเหนื่อย ความสามารถในการทำประตู การขับเคลื่อนเกม และการสร้างกำลังใจให้กับเพื่อน ๆ เป็นสิ่งที่ทุกคนสังเกตเห็นได้จากตัวของเค้า” 

แต่ถ้าเราย้อนกลับไปดูลึก ๆ จะเห็นถึงความพยายามและความกระหายในการเล่นฟุตบอลของ Luka Modric ชายผู้เกิดมาในช่วงสงครามที่แย่ที่สุดของ Croatia ชายผู้เกือบจะสูญเสียทุกอย่างไป มีเพียงเศษกระดาษที่ปั้นเป็นลูกบอลกลม ๆ คอยประคองให้ตัวเค้าก้าวผ่านความเลวร้ายเหล่านั้น และเป็นแรงผลักดันให้เค้ารักฟุตบอลอย่างสุดหัวใจ

Lucky Luka คือชื่อเล่นของนักเตะกองกลางที่เรารู้จักกันดีในชื่อ LUKA MODRIC ของสโมสรราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ผู้สร้างประวัติศาสตร์จากการเป็นนักเตะชาวโครเอเชียคนแรกที่คว้ารางวัลบัลลงดอร์ งานประกาศรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมจากนิตยสาร France Football ในปี 2018 แต่กว่าที่เขาจะมาถึงตรงนี้ ลูก้าเคยเจอคำสบประมาทนับครั้งไม่ถ้วน เค้าถูกกล่าวถึงว่าเป็นชายร่างเล็กที่ดูอ่อนแอไม่น่าจะเป็นนักเตะที่ดีได้ แต่ใครจะรู้ว่าจากเด็กผู้ชายคนนั้นจะกลายมาเป็นนักเตะผู้โด่งดังระดับโลกได้ในเวลาต่อมา

ลูก้า โมดริช เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1985 ในเมืองเล็ก ๆ อย่าง Zader ประเทศโครเอเชียที่ในช่วงเวลานั้นมีสงครามและเต็มไปด้วยความรุนแรง ชีวิตวัยเด็กของลูก้านั้นไม่ต่างจากเด็กคนอื่น ๆ ในโครเอเชีย ในขณะที่เค้าอายุเพียง 6 ขวบ ต้องเห็นคุณปู่ถูกฆ่าไปต่อหน้า บ้านไฟไหม้จนต้องไปอาศัยอยู่ในที่พักพิงและต้องเช่าห้องอยู่กันทั้งครอบครัวในโรงแรมเล็ก ๆ ทำให้บ้านของเขามีฐานะยากจนและเป็นหนี้สินท่วมหัวชนิดมองไม่เห็นหนทางที่จะหลุดจากความมืดมนนี้ได้

The Sun

เด็กชายโตมาท่ามกลางการต่อสู้ ในช่วงที่โครเอเชียมีการสูญเสียบ่อยครั้งจนเหมือนกลายเป็นเรื่องปกติ เขาต้องเห็นผู้คนล้มตาย ได้กลิ่นดินปืนและเสียงระเบิดจนคุ้นชิน ทว่าในความเป็นจริงก็คงไม่มีใครสามารถทำใจให้ชินกับสงครามได้ นอกจากครอบครัวแล้ว ก็ยังมีฟุตบอลเป็นสิ่งที่ทำให้ลูก้ามีกำลังใจ และมีความฝันที่เป็นตัวผลักดันให้เขาสู้ต่อ ไม่ย่อท้อต่อสงครามและความยากจน

จนกระทั่งวันที่เสียงแจ้งเตือนหลบภัยได้เงียบสงัดลง บ้านเมืองเข้าสู่ความสงบชั่วคราว เมื่อลูก้ามีเวลาว่าง เขามักเอากระดาษมาม้วนเป็นก้อนให้เหมือนลูกฟุตบอลและเตะเจ้ากระดาษกลม ๆ อยู่คนเดียวเสมอ ซึ่ง Josip Bilaver ประธานสโมสรฟุตบอลสัญชาติโครเอเชียอย่าง NK Zadar ก็เคยออกมาพูดถึงลูก้าในวัยเด็กว่า เขามักเห็นเด็กผู้ชายตัวผอมเตะฟุตบอลอยู่ตรงลานจอดรถของโรงแรมตลอดทั้งวัน แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ลูก้ารักก็คือฟุตบอลจริง ๆ

Goal

แต่ด้วยความที่ลูก้าเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กและผอมแห้งกว่าอายุ เมื่อเขาเข้าทดสอบในการคัดเลือกนักฟุตบอลระดับเยาวชนที่สโมสร Hajduk Split ซึ่งเป็นทีมที่เจ้าตัวชื่นชอบมาตลอด แต่ก็ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าเขาขาดคุณสมบัติทางด้านกายภาพ และหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ลูก้าก็เกือบจะพับเก็บความฝันในการเป็นนักกีฬาฟุตบอลลงไป

อย่างไรก็ตามความฝันก็ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็อยากจะทำให้สำเร็จ รวมถึงครอบครัวที่คอยให้กำลังใจ พ่อของลูก้าบอกให้เขาเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจเข้าทดสอบอีกครั้งกับ Dinamo Zagreb ทีมคู่ปรับของ Hajduk Split และในที่สุดจุดเริ่มต้นของการเป็นนักกีฬาฟุตบอลก็ได้เริ่มขึ้น เพราะเขาผ่านการทดสอบ

Goal

ในปี 2008 ลูกาย้ายไปอยู่ที่สโมสรพรีเมียร์ลีกกับ Tottenham Hotspur ด้วยรูปร่างที่ผอมบางและตัวเล็กทำให้ลูกาต้องซ้อมหนักกว่าทุกคน พยายามฝึกทักษะการเตะในแบบของตัวเอง จนฉายแววเข้าตาแมวมองได้มีโอกาสเล่นให้กับทีมชาติโครเอเชีย ถึงแม้เขาจะเป็นนักฟุตบอลในทีมก็จริง แต่เสียงค่อนแคะเกี่ยวกับความสามารถของเขาก็ยังคงมีมาให้ได้ยินอยู่เสมอ ลูก้าจึงพยายามและพิสูจน์ให้คนเหล่านั้นเห็นว่าสิ่งที่พวกเขาคิดมันผิด

จนกระทั่งปี 2011 ลูก้าได้ย้ายไปอยู่กับ Real Madrid ด้วยค่าตัว 33 ล้านปอนด์ แม้เขาจะตัวไม่ใหญ่เท่าเพื่อนนักเตะคนอื่น ๆ แต่ข้อได้เปรียบของเขาคือความรวดเร็ว แม่นยำทั้งในระยะสั้นและยาวที่หาตัวจับยาก ความสามารถนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการพาทีมคว้าแชมป์ UEFA Champions League ถึง 3 ปีซ้อน และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ได้พาทีมชาติโครเอเชียเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 2018 อีกด้วย

Stadium Astro

ด้วยฝีเท้าและความตั้งใจของเค้า ทำให้ในบัลลงดอร์ปีนี้ ลูก้าได้รับรางวัลไปพร้อมกับการจบศึกที่ยืดเยื้อระหว่าง โรนัลโด้ กับ เมสซี ที่มักจะสลับกันได้รางวัลนี้มาตลอดระยะเวลา 10 ปี นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของยูฟ่า และนักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่าเช่นกัน

“ผมเพียงแค่พยายามทำให้ดีที่สุดตอนอยู่ในสนาม ผมไม่ได้ต้องการเป็นแบบอย่างให้ใคร ผมเป็นเพียงแค่นักฟุตบอลคนหนึ่งเท่านั้น”

จากเด็กชายผู้ยากจนในเมืองที่เต็มไปด้วยความรุนแรง ลูก้า โมดริช ก็แสดงให้คนทั้งโลกเห็นแล้วว่า เขาสามารถเอาชนะความฝันที่จะเป็นนักฟุตบอล เพราะเขาสามารถทำได้ดีมากกว่านั้นด้วยการเป็นนักฟุตบอลที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยม และชื่อของเขาจะถูกกล่าวขานด้วยแรงศรัทธาของผู้คน

สุดท้ายเราอยากย้ำสิ่งที่เค้ามักจะแนะนำคนอื่นเสมอ คือการไม่จมปลักอยู่กับอดีตที่เลวร้ายเพื่อโทษโชคชะตา แต่เค้าแสดงให้เห็นว่าการเกิดมาแถบจะติดลบ ก็สามารถใช้ปมด้อยเหล่านั้นมาเปลี่ยนเป็นแหล่งพลังงานในการพัฒนาตัวเองของเค้าได้อย่างไม่มีขีดจำกัด และการรู้ว่าไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม

“สิ่งนึงที่ผมสอนทุกคนตลอดเวลา คือความสำเร็จมันไม่เคยได้มาง่าย ๆ ทุกความสำเร็จที่ผมมีในตอนนี้ ไม่มีอะไรได้มาง่ายเลยจริง ๆ” 

 

 

SOURCE1 SOURCE2

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line