Guide

MANCAVE: กินลมชมแลมฯ “Lambretta Thailand Cafe” ร้านรวมก๊วนของ Rider สายคลาสสิก

By: anonymK June 23, 2020

ไม่ได้นัดกับเพื่อน ๆ เสียนาน พอหลาย ๆ ร้านเริ่มเปิดให้กลับไปกิน ดื่ม สมาคมกันได้ตามมาตรการรัฐ UNLOCKMEN ก็ได้ฤกษ์ขอกลับมาชวนไกด์ ไปชิลกันอีกครั้ง เปิดตัวด้วยร้านคาเฟ่คลาสสิกย่านพระนครเพื่อสายสกู๊ตเตอร์กับ Lambreta Cafe Thailand ร้านที่ไม่ได้มีดีแค่เมนูอร่อย แต่น้องแลมฯ สกู๊ตเตอร์คันเจ๋ง ๆ จอดรอเรียกเราตั้งแต่หน้าร้านแล้ว

 

 

ใครที่ยังรู้ไม่จักสกู๊ตเตอร์แบรนด์อิตาลีอย่าง Lambretta สรุปย่อ ๆ ว่าแลมฯ เป็นสกู๊ตเตอร์ตำนานที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1947 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นับอายุตอนนี้ก็เข้าขั้นปู่แล้วเพราะ 73 ปีแล้ว ถือเป็น Top 5 แบรนด์ที่เคียงคู่มากับเวสป้า ถึงแม้ในไทยจะยังไม่แมสเท่ากับเวสป้า แต่ก็เป็นแบรนด์ที่ดังในระดับสากลและเริ่มจะดังในไทยบ้างแล้วจากการนำเข้า ใครที่ชอบดีไซน์สองล้อคลาสสิกมักจะติดใจดีไซน์ของแลมฯ จากตัวถัง ทรวดทรงองค์เอวรอบคัน ไฟหน้า ไฟท้ายที่ทรงดีไม่แพ้เวสป้าเลย


Lambretta Thailand Shop&Cafe แห่งนี้เป็นร้านมีประวัติเพราะเป็นร้านของคุณตูน – ภิญโญ สิงหเสนีและเพื่อน ๆ ที่ทำ LAMBRETTA THAILAND SHOP นำเข้า ขายอะไหล่ ซ่อมและแต่งรถสำหรับแลมฯ เจ้าแรกในไทย

เหตุผลที่เขาอยากจะเปิดร้านคาเฟ่นี้เพราะเขาอยากเปิดช้อปและแฮงก์เอาต์กับกลุ่มสมาชิก เพราะไรเดอร์แต่ละแบรนด์รู้กันดีอยู่แล้วว่าบรรยากาศรีแล็กซ์ที่สุดนอกจากอยู่บนอานกับจับแฮนด์มันไม่พ้นการมีตติ้งจับแก้วกาแฟ กินอาหารและพูดคุยกับคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กันนอกเวลางาน

แต่พอเปิดแล้วผลที่ได้ถือว่าเกิดความคาดหมาย ร้านดึงดูดคนทั้งไทยและต่างชาติ ทั้งคนที่หลงเสน่ห์แลมฯ และสายคาเฟ่นอกวงการ ทำให้ร้านนี้ค่อนข้างมีสีสัน ต่อให้คุณไม่ได้ขี่แลมฯ เดินเข้ามาก็รู้สึกกลมกลืนกับบรรยาศการสบาย ๆ จากการตกแต่งร้านสไตล์บาร์อังกฤษของที่นี่ได้

ร้านคลาสสิกกับย่านคลาสสิกแบบเขตพระนคร ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์แอนทีคเรโทร มีเสน่ห์ตั้งแต่มองบรรยากาศจากภายนอกที่มีแลมฯ 3-4 คันจอดหน้าร้าน พอผลักประตูบานใหญ่เข้าไปเราจะเจอโต๊ะแยกเดี๋ยว มุมโซฟา ถ้าใครไม่อยากเหงา มาคนเดียวก็มีบาร์ยาวให้นั่ง ด้านบนเพดานประดับร้านด้วยธงสีขาวแดงเหมือนงานคาร์นิวัลทำให้ความรู้สึกสนุก รื่นเริง คล้ายปาร์ตี้คาราวานย่อม ๆ แถมยังมีแลมฯ จอดในร้านให้ลูบคลำ หรือ hang ติดผนังร้าน คลอด้วยเพลงสากลเบา ๆ ฟังเพลินระหว่างนั่งมองไปรอบ ๆ ระหว่างสั่งอาหาร

ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ตั้งใจให้เป็นที่สังสรรค์ของเพื่อนฝูง ร้านนี้จึงมีหลายสิ่งที่เราต้องการ ทั้งลานจอดรถ และที่นั่งที่สามารถรองรับก๊วนได้เยอะ ถึงแม้จะต้องเว้นระยะห่างการนั่งช่วงนี้ก็ยังรองรับลูกค้าได้มากถึง 15 คน และยังมีมุมดนตรีสดที่เล่นเพลงแจ๊สเปิดในวันศุกร์ ส่วนใครที่อยากเน้น ๆ ดนตรีฟูลแบนด์ อยากฟัง Oasis แนะนำให้มาวันเสาร์ วงจะเร่ิมตั้งแต่เวลา 20.30 – 22.00

สำหรับ Prime Time ของคอแลมฯ ที่อยากชวนกันไปขี่รถรับลมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อยากเข้าก๊วน สอบถาม พูดคุยแชร์ความชอบเรื่องแลมฯ ปกติที่นี่เขามักจะนัดกันเป็นประจำทุกเช้าวันอาทิตย์ ถ้ามาวันนี้บริเวณหน้าร้านก็จะเต็มไปด้วยแลมฯ หลาย ๆ คันจอดอวดให้ส่องกันเต็มตา ส่วนข้างในก็ทุกคนจะนั่งจิบกาแฟพูดคุยกันชิล ๆ UNLOCKMEN มั่นใจว่าถ้ามาแล้วคุณจะได้เพื่อนใหม่ และเผลอ ๆ ก็อาจจะหลงเสน่ห์ได้เก็บเงินถอยสกู๊ตเตอร์คันใหม่กลับบ้านด้วย


Lambretta Thailand Shop&Cafe เป็นร้านที่มีจุดเร่ิมต้นจากการรวมตัวของชาวแก๊ง เมนูที่มีให้เลือกสั่งในร้านจึงมีหลายประเภททั้ง Appetizers, A La Carte, Soup, Spaghetti, Salad และที่สำคัญในเดือนนี้เขาก็กำลังจะเปิดตัวเมนูใหม่เป็นสเต็กให้สายเนื้อได้กินกันจุใจ

เราเลือกสั่งเมนูคละเคล้ากันหลายอย่างมาลองชิม อาหารก็มีทั้งประเภทข้าวและเส้น ส่วนเครื่องดื่มเน้นเป็นคาเฟอีน 2 แก้วจากกาแฟและชาอย่างละหนึ่งเมนู เผื่อบางคนที่ไม่ถูกกับกาแฟจะได้เลือกกินได้

เมนูแรก Spaghetti Carbonara With Onsen Egg สำหรับสายสปาเกตตี้ที่ลิ้มรสชาติครีมนุ่ม ๆ ของคาโบนาร่าเคลือบเส้น เคี้ยวคู่เบคอนและไข่ออนเซ็นยางมะตูมฉ่ำกับลังดีที่ท็อปอยู่ด้านบน เสิร์ฟมาในจานก้นลึกใบใหญ่ กินแล้วอิ่มท้อง จานนี้มีความกลมกล่อมและค่อนข้างครีมมี่ เหมาะสำหรับคนที่อยากกินเมนูที่ไม่รสจัดจ้านเกินไปแต่เข้มข้นกำลังดี

จานที่สอง อันนี้เอาใจสายข้าว และถือว่าเป็นหนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ที่คนส่วนใหญ่ชอบสั่งมากินกันคือ “ข้าวผัดสามชั้นทอดน้ำปลา” รสชาติจัดจ้าน สามชั้นทอดน้ำปลาที่โปะมาด้านบนนุ่มลิ้นโรยกระเทียมเจียวทอดเหลือง ๆ เคี้ยวเพลิน เข้ากันกับข้าวผัดที่เม็ดข้าวเรียงสุกกำลังดี ไม่แฉะเกินไป เป็นข้าวผัดแบบที่เราชอบ เสิร์ฟร้อน ๆ กลิ่นหอมฉุย ควันบาง ๆ โชย ทีเด็ดคือมาพร้อมน้ำจิ้มแจ่วเพิ่มรสชาติ จานนี้มีความลูกครึ่งระหว่างกับแกล้มกับอาหารจานเดียว ใครที่ลังเลว่าจะสั่ง A La Carte หรือ Appetizer ดี เลือกจานนี้ไปก็ให้มั่นใจได้ว่าไม่ผิดหวัง

ปิดท้ายที่เครื่องดื่มดับกระหายเติมความกระชุ่มกระชวยระหว่างมื้อ เราเลือก Frappe Matcha Green Tea กับ Ice Capucino คนที่ไม่ดื่มกาแฟ กินชาเขียวปั่นแก้วนี้จะได้กลิ่นหอมของใบชาที่ความเข้มข้น หอมมัน กับรสชาติที่ยังจัดเต็มไม่เบาบางแม้จะปั่นกับน้ำแข็ง ทำให้สดชื่นได้แม้อากาศช่วงนี้จะหม่นเทา ส่วนคอกาแฟที่อยากได้กาแฟเข้ม ๆ จัดจ้าน ต่อให้ไม่สั่งตัว Americano มากินกระแทกคอ คาปูฯ ที่เสิร์ฟมาในแก้วทรงยาวนี้ก็ทำให้ตาตื่นได้ แม้จะไม่ได้คั่วจนรสเข้มขมจัด เพราะตัวจริงเรื่องกาแฟคงรู้ดีว่ากาแฟดีไม่จำเป็นต้องขมตาค้าง แต่ถ้าได้เมล็ดดี ๆ คั่วกลาง ๆ กินแล้วมีอาฟเตอร์เทสผ่านลำคอนั่นคือความฟินระดับสูงสุดที่ต้องการ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่เมนูบางส่วนที่เราเลือกมา แต่หลายเมนูซิกเนเจอร์ของร้านยังมีให้เลือกอีกเพียบ อยากกินแบบรสชาติไทย ๆ จัดจ้านแบบยำ กะเพรา เห่าดง กับแกล้มอื่น ๆ ก็มีให้เลือก หรือใครชอบสไตล์ตะวันตกก็เลือกมาร่วมโต๊ะได้สบาย ๆ ที่สำคัญเร็ว ๆ นี้ที่ร้านเขายังประกาศว่าจะกลับมาเปิดได้แบบอันล็อกเวลา หมดเคอร์ฟิวได้ตามเดิมด้วย

ถ้าใครยังทำงานแบบ Work from Home ที่นี่ก็เป็นอีกสถานที่ที่เราแนะนำให้มาในวันธรรมดา หรือใครที่กลับไปทำงานที่ออฟฟิศแบบ Fulltime แล้ว มาคืนวันศุกร์ หรือเสาร์-อาทิตย์ก็พร้อมให้ฟังแจ๊สและโฟล์ก แฮงก์เอ้าต์ได้อย่างผ่อนคลายกับเพื่อนฝูง

Location: ถนนพระสุเมรุ กรุงเทพฯ
Open: อังคาร – ศุกร์ 11:00 – 23:59 / เสาร์, อาทิตย์ 08:00 – 23.59
Contact: 089-812-8990
Facebook: Lambrettathailandcafe


PHOTOGRAPHER: Krittapas Suttikittibut 

 

 

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line