Girls

เปิดบ้านคุยกับสาวมีสไตล์ เมย์-ชูชีวา เพราะอะไรชีวิตจึงไม่ควรหยุดนิ่ง

By: unlockmen December 21, 2015

เคยถามตัวเองไหมว่า ในชีวิตแต่ละวันที่ผ่านไปของเรานั้น จำเป็นจะต้องมีความหมายต่อตัวเรา หรือต่อคนอื่นมากแค่ไหน มีความจำเป็นไหมที่จะต้องทำอะไรให้เยอะ หรือเราสามารถขี้เกียจได้หรือเปล่า หลากคำถามยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเราทุกๆ ครั้ง การตั้งคำถามกับตัวเองเป็นสิ่งที่ดีค่ะ การพยายามหาคำตอบให้กับตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

มีสาวน้อยคนหนึ่งเธอก็เป็นหนึ่งคนที่ตามหาสิ่งที่ใช่ให้กับตัวเอง เธอเป็นสาวนักกิจกรรม ทำธุรกิจส่วนตัว ทำงานประจำ และทำสิ่งที่รักไปพร้อมๆ กัน เธอคนนี้มีชื่อว่า เมย์-ชูชีวา ชีพชล ปัจจุบันเธอเป็น Senior Advertising & Event Officer ของแบรนด์ Greyhound เป็นมือกีต้าร์ประจำวงอินดี้สุดเก๋ที่ชื่อว่า Fwends และ Cloud Behind ทำคอนเสิร์ตอีเว้นท์เล็กๆ ที่ชื่อว่า Conflakes นอกจากนี้ยังทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองที่ชื่อว่า CORNERSTONE และยังเป็น Make Up Artist อีกด้วย กิจกรรมเยอะ หน้าที่ที่รับผิดชอบก็มาก เพราะอะไรเธอถึงต้องทำเยอะขนาดนั้น วันนี้ UNLOCKMEN ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเธอที่บ้าน พร้อมพูดคุยถึงชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งของเธอ ฟังเธอพูดไปก็รู้สึกชื่นชมในความสามารถของสาวน้อยวัย 22 ปี คนนี้ และเราเชื่อว่าทุกคนก็น่าจะรักเธอไม่ต่างจากเราเช่นกัน

151218-may-11

แนะนำตัวหน่อยว่าเมย์เป็นใครมาจากไหน 

ตอนนี้เมย์ทำงานประจำอยู่ที่ GreyHound เป็น Senior advertising and event คือทำ production การโปรโมท ดูภาพลักษณ์แบรนด์ทั้ง online และ offline ค่ะ แล้วก็ทำแบรนด์เสื้อชื่อว่า Cornerstone แล้วก็ทำวงชื่อว่า Fwends กับ Cloud Behind ส่วนงาน Make up Artist ก็ยังทำอยู่ค่ะ แต่ว่าทำน้อยลง จะทำได้ก็เฉพาะเสาร์-อาทิตย์

ดูแล้วเมย์ทำเยอะมากเลย ทำไมถึงไม่ชอบอยู่เฉยๆ

มันมีหลายปัจจัยนะ หนึ่งคือเคยมีคนมองว่าเราเป็นเด็กสปอย ที่บ้านตามใจ ซึ่งช่วงมหา’ลัย เมย์ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ งานแต่งหน้านี่ทำตั้งแต่มหา’ลัย แล้วค่ะ แต่พอได้เงินมาก็ใช้หมด เพราะคิดว่ามีแม่คอยซัพพอร์ต พอโตขึ้นก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตมันไม่มีความหมายอะ ถ้าจะใช้เงินที่บ้านไปตลอด ก็เลยคุยกับแม่ว่าถ้าเรียนจบจะขอออกมาอยู่เอง ไม่อยากรบกวนแม่แล้ว เคยอยู่เฉยๆ นะ แต่มันรู้สึกไม่ดีอะ รู้สึกว่าแบบทำไมเราขี้เกียจแบบนี้ ก็เลยพยายามหาอะไรทำไปเรื่อยๆ แล้วเมย์ก็เป็นคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรมากที่สุด เมย์ก็เลยชอบลองโน่นลองนี่ไปเรื่อยๆ

151218-may-2

แสดงว่าทุกสิ่งที่เมย์ทำอยู่ตอนนี้ มันเกิดมาจากความอยากลองใช่ไหม

ใช่ เราชอบลองเพราะเราไม่เคยรู้เลย อย่างเรื่องแมคอัพมันเริ่มมาจากชอบทำกิจกรรมของโรงเรียน แล้วแบบแต่งหน้าให้เพื่อน ก็แบบ เห้ย แต่งได้ ก็ทำมาเรื่อยๆ จากนั้นก็เริ่มจริงจังทำพอร์ท ทำเพจ แล้วก็มีลูกค้าเขาติดต่อเข้ามาในเพจเอง รุ่นพี่ที่รู้จักที่ทำโฆษณาทำอะไรแบบเนี่ย เขาก็ให้โอกาสเรา จากนั้นก็ได้งานที่ใหญ่ขึ้น ได้ออกกอง เหมือนความบังเอิญที่ว่าถ้าเราไม่ลองตอนนั้นเราจะไม่รู้เลยว่าเราทำได้

เมย์ทำกิจกรรมเยอะขนาดนี้ มีวิธีการแบ่งเวลาอย่างไร

จริงๆ ยากมากตอนนี้ เมื่อก่อนง่ายกว่านี้ หลังเรียนจบก็ทำงานประจำเลย ตอนนั้นรู้เลยว่าทำไม่ได้ ทำไปประมาณครึ่งปี คือแฮปปี้นะเจ้านายก็ดี แต่ตอนนั้นเรารู้เลยว่าเวลาเราไม่ได้ อยากทำอะไรเองมากกว่า ตอนนั้นคิดว่าจะไม่ทำงานประจำแล้วก็ออกมาทำแบรนด์เสื้อ ทำไปสักพักก็คิดว่าเราควรเรียนรู้การทำงานขององค์กรที่เขามีระบบ ไม่งั้นเราอาจจะเสียนิสัย แน่นอนว่าตอนนี้มันก็กระทบเวลาของเรา เพราะคงไม่มีใครสามารถทำอะไรสี่ห้าอย่างได้ในเวลาเดียวกันได้ดีอยู่แล้ว โอเคเราก็รับงานแต่งหน้าน้อยลง ขายของน้อยลง แต่การทำงานประจำก็เป็นลงทุนอีกอย่างหนึ่ง เหมือนเราได้มาเรียนหนังสือแล้วได้เงิน ก็ยอมรับเลยว่าเราไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้ดีมาก แบรนด์เราก็พยายามหาคนมาช่วย แต่งหน้าก็เฉพาะวันหยุด ส่วนดนตรีก็ซ้อมหลังเลิกงานอะไรแบบนี้ค่ะ

151218-may-5

ก็คือยังมีเวลาที่จะไปทำในสิ่งที่ชอบอยู่

ใช่ค่ะ จริงๆ เราชอบทำเรื่องดนตรีมากที่สุดเลย เพราะมันแฮปปี้สุด อย่าง Conflakes ที่เราทำมากับเพื่อนอันนั้นโชคดีที่เรามีพาร์ทเนอร์ 5 คน ฉะนั้นมันก็ไม่ใช่แค่เราคนเดียว ทุกคนช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ มันก็แฮปปี้

ทุกอย่างที่เมย์ได้ทำมา ไม่ว่าจะเป็นการทำแบรนด์เสื้อผ้า การเล่นดนตรี หรือการจัดอีเว้นท์คอนเสิร์ต เมย์ว่ามันมีจุดเชื่อมโยงกันไหม

เมย์ว่าเชื่อมโยงทุกอย่างเลย ตอนนั้นจัดอีเว้นท์คอนเสิร์ตโดยที่ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นอย่างไร เราก็จัดให้มีธีม มีคอสตูม ให้คนรู้สึกมีส่วนร่วม Conflakes ครั้งแรกจัดชื่อว่า The Camping Night มันเป็นธีมลูกเสือ แต่ว่ามันเป็นลูกเสือสีน้ำเงิน เราจัดงานสีนีออนแล้วให้ทุกคนมาสนุกกัน แล้วคนก็มาเยอะมาก ล้นอเวนิว ทั้งๆ เราโปรโมทผ่านเฟสของตัวเองกัน ก็เลยเห็นว่าคนชอบการที่จะเข้าถึงกันง่ายๆ ส่วน Cornerstone เราไม่ใช่คนแฟชั่นมาก เวลาแต่งตัวเราก็เน้นสบายๆ เราก็เลยอยากตัดเสื้อผ้าที่เราใส่เองได้ เนื้อผ้าก็เลือกให้เหมาะกับอากาศบ้านเราเนี่ยแหละ เป็นการนำสิ่งที่ชอบออกมาทำ แต่งหน้าเราก็ไม่ได้ทำในสไตล์ที่ล้ำมาก แต่งให้แบบดูดีขึ้น เน้นแต่งธรรมชาติ งานที่ได้ก็จะเป็นแนวนั้นซะส่วนใหญ่ มันคือสิ่งที่เริ่มจากตัวตนเราจริงๆ หมดเลย

อายุที่น้อย แต่ภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลค่อนข้างเยอะ มันมีความท้อ หรือมีปัญหาในการติดต่องานบ้างไหม

งานแรกที่เราทำคือที่ What If Decor ได้เป็น GM (General Manager) เลย เพราะมีเราเป็นพนักงานคนเดียว (หัวเราะ) พี่ๆทุกคนช่วยเหลือ และสอนเยอะ เราคิดว่าเค้าเอ็นดูเรา เพราะเราถ่อมตัว และแสดงให้เห็นว่าเราพร้อมจะเรียนรู้ การจะเข้าไปโชว์พลังวัยรุ่นว่าฉันเก่งฉันดีเราว่ามันอาจจะดูไม่น่ารักเนอะ แต่สำหรับที่ Greyhound องค์กรใหญ่ขึ้น ทุกคนไฟแรง และต้องแอคทีพตัวเองมากขึ้น มันก็จะอีกแบบไปเลย

151218-may-6

มันก็ยิ่งทำให้เราเติบโตขึ้น

การทำงานช่วยมาก เมย์เรียนเร็วสองปี แต่ว่าก็ไม่ใช่จะดีนะ เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าเราจะทำอะไร เรียนเร็วไปก็เคว้งได้ แต่ตอนนั้นบอกเลยว่าหลงทางมาก ไปเมืองนอกมาแล้วมอปลายโรงเรียนเราต้องซ้ำชั้น เราไม่อยากซ้ำ เลยไปสอบ GED ไปติวแล้วก็อ่านหนังสือสอบ พอได้วุฒิมอปลายมาก็รอเข้ามหา’ลัย ระหว่างนั้นก็มีรุ่นพี่พาไปฝึกงานที่ JWT บริษัทเอเจนซี่โฆษณา ตอนนั้นยังไม่รู้เลยอะ เอเจนซี่โฆษณาคืออะไร ไม่รู้เลยแต่ไปฝึกงานแล้ว อันนี้เราว่าเป็นข้อเสีย เพราะเราเด็กเกินไป ถ้าเราเข้าใจองค์กรมากกว่านี้ เราต้องได้อะไรเยอะกว่านี้แน่ แต่ก็ได้อะไรมาเยอะเหมือนกัน เพราะพี่ๆ เขาสอนทุกอย่างเลย พอเรียนมหา’ลัย ด้วยความไม่ชอบเรียน เราเลยอัดไปสามปีครึ่ง จริงๆ พอได้ลองไปเรื่อยๆ เราว่าประสบการณ์จากการทำงานจริงๆ เนี่ยแหละ คือโรงเรียนที่ดีที่สุดสำหรับเราเลย

เป็นสาวในวงการดนตรีมีโดนแซวบ้างไหม ว่าแบบเพราะหน้าตาเราหรือเปล่าเขาเลยชื่นชอบ

(หัวเราะ) ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหน้าตาไหม เราว่าเป็นเพราะความเป็นผู้หญิงแหละ เราว่าผู้หญิงเล่นดนตรีน้อยกว่าผู้ชายเยอะนะถ้าเทียบกันแล้ว จะหน้าตาแบบไหนคงไม่เกี่ยว แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงเนี่ยแหละ มันมี symbol ของความอ่อนแอกว่าเพศชายอยู่แล้ว พอผู้หญิงลุกขึ้นมาทำอะไรที่ผู้ชายเขาทำกันเยอะๆ มันก็เลยกลายเป็นจุดสนใจ ไม่เกี่ยวกับหน้าตาแต่เป็นเรื่องเพศโดยตรงเลย พอเป็นผู้หญิงเล่นดนตรีคนเขาก็จะสนใจว่าเล่นเก่งหรือเปล่า อยากมาดูว่าจะเล่นได้แค่ไหนประมาณเนี่ยค่ะ เราก็ไม่กดดันนะเพราะเราไม่ได้เล่นดนตรีเก่ง เราก็เลยไม่คาดหวังอะไรมาก

151218-may-3

เพราะเราไม่มีอีโก้ว่าฉันจะต้องเก่ง ฉันจะต้องดีที่สุด

เราไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งเลย เพราะทุกอย่างที่เราทำ มันเกิดมาจากที่เราลอง เราไม่หยุดคิด แล้วเราก็คิดว่ามันไม่มีใครเก่งแต่เกิด เรามีคนที่เป็นไอดอลเยอะอาจจะไม่ใช่คนดัง แต่มองชีวิตที่ประสบความสำเร็จของเขาเราก็นำมาปรับใช้ อันนั้นแหละที่ช่วยเรา เพราะหากมองว่าตัวเองเก่งแล้ว เชื่อเลยว่ามันจะไม่ไปไหนแน่นอน ก็เลยเป็นคนชนิดที่ลองไปเรื่อยๆ

ในฐานะที่เมย์เป็นเด็กรุ่นใหม่ เมย์น่าจะสังเกตเห็นว่าเด็กสมัยนี้ไม่อยากทำงานประจำกันแล้ว อยากออกไปใช้ชีวิต Slow Life มากกว่า เมย์มองว่ามันเร็วไปไหมที่จะทำอะไรแบบนั้น

เมย์ว่ามันพูดยากเหมือนกันนะเรื่องนี้ เพราะเมย์รู้สึกว่าอย่างคนรุ่นก่อนอะ เขาก็จะมองว่าเด็กสมัยนี้ไม่มีความอดทนทำงานประจำน้อย ทำได้แปปเดียว แล้วก็อยากเปิดอะไรเป็นของตัวเอง ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้อะไรเลย ซึ่งเมย์คิดว่ามันมีสองด้านเสมอ คนรุ่นเก่าก็ไม่ได้ถูก 100% คนรุ่นใหม่ก็ไม่ได้ถูก 100% เรื่องการทำงานประจำมันอาจไม่จำเป็นสำหรับบางคนก็ได้ อย่างเมย์ที่ทำงานประจำเพราะเมย์ต้องการมัน ไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องการเหมือนเมย์ บางคนเขาอาจจะมีทักษะอยู่แล้ว สามารถสตาร์ทธุรกิจได้เลย เราต้องทบทวนตัวเองก่อนว่าเราต้องการอะไร เราอยากได้อะไรจากมัน ยุคนี้มีโซเชี่ยลอะไรก็ดูง่ายขึ้น แต่ไม่ใช่แค่ว่าคุณมี IG แล้วคุณอยากจะทำธุรกิจเลย มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แล้ว Brand Identity เราคืออะไร เราแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร เมย์ไม่เชื่อเรื่องไอเดียที่เป็นออริจินัลขนาดนั้น มันไม่มีอะไรใหม่ในโลก มันยากตรงที่เราจะหยิบอะไรที่คนรอบๆ ตัวเรายังไม่ได้ทำมากกว่า ไม่อยากแนะนำเลยว่าอะไรดีกว่ากัน ตอบไม่ได้ แต่สำหรับเมย์คิดว่าได้ลองทำงานประจำดีกว่า ได้เรียนรู้องค์กร เขาสอนอะไรเราได้มากจริงๆ

151218-may-7

เข้าโหมดคำถามสบายๆ บ้าง สเป็คหนุ่มๆ ของเมย์ที่เห็นแล้วปิ๊งเลยมีไหม

จริงๆ เมย์เป็นคนไม่มีสเป็คอะ ใครหล่อก็มองว่าหล่อหมด ฝรั่ง คนไทย หนุ่มตี๋ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่มีสเป็ค (ยิ้ม) แต่ว่าชอบคุยกับผู้ชายฉลาด ไม่ชอบคนที่เข้ามาจีบเพื่อมาจีบตรงๆ ไม่สนใจคนที่ดูสนใจเรื่องชู้สาวตั้งแต่แรกที่เข้ามาคุยกับเรา เราชอบคุยกับคนที่แบบเหมือนเป็นเพื่อนพี่น้องกันมากกว่า เราชอบฟังความคิดของเขามากกว่า มันดูมีเสน่ห์ที่สุดเลยอะ แต่ก็ไม่ชอบผู้ชายที่แฟชั่นมาก หรือแต่งตัวเยอะ ชอบคนที่แต่งตัวเรียบๆ

ทำอะไรมาก็เยอะแล้ว มันมีอะไรที่เมย์คิดว่ามันสามารถปลดล็อคไปได้อีกบ้าง ทักษะที่อยากจะเรียนรู้เพิ่ม

คิดว่าอยากไปเรียนต่อพวก Fashion Management นะ ต่อ ป.โท ไม่เกินปีสองปีหน้า น่าจะช่วยเราได้เยอะค่ะ แล้วก็อยากเรียนพวกคอร์สตัดผ้า ทำแพทเทิร์นให้เข้าใจมากกว่านี้ เราไม่อยากพึ่งช่างอย่างเดียว อยากทำเป็นทุกอย่างต่อให้ไม่ดีมากก็อยากเรียนรู้

151218-may-10

มองภาพตัวเองอีก 10 ปีไว้อย่างไร

จริงๆ ไม่ชอบคิดอะไรเกิน 5 ปีเลย ตอนนี้ 22 อีก 10 ปี 32 ก็คงมีลูก (หัวเราะ) ก็คงมีครอบครัว เราชอบเด็ก อยากเป็นคุณแม่แบบสาวๆ อยากมีลูกมาเป็นเพื่อนกัน แต่มันอีกไกลนะ ตอนนั้นก็คงทำ Cornerstone อยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรนะอีกสิบปีข้างหน้า ที่คิดไว้คร่าวๆ ก็คือ เปิดร้านของตัวเอง เพราะตอนนี้ยังไม่มีหน้าร้าน  เพราะรอไปเรียนต่อก่อน กลับมาก็จะทำร้าน และขยายเป็นธุรกิจอาหาร คาเฟ่ เพราะเราชอบทำอาหาร แล้วก็อยากทำเป็น hostel กับเพื่อนอีกคน อยากทำแบรนด์ให้กลายเป็นอีก community ที่พรีเซ้นต์เรื่อง travel and lifestyle

ทั้งหมดที่ทำมาตอบโจทย์ความฝันของเมย์แล้วหรือยัง

เราเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ฝันอะไร ที่พูดออกไปมันก็เหมือนความฝันนะ แต่เราฝันด้วยทำไปด้วย เพราะว่าถ้ามามัวแต่นั่งฝันมันก็จะแบบฝันไปเหอะ ยังไม่เริ่มทำเลย เราก็เลยลองไปเรื่อยๆ แล้วก็ค่อยๆ ต่อเติมความฝันของตัวเอง ก้าวไปทีละสเต็ปเห็นว่าควรไปทางไหนต่อ เห็นภาพมันชัดขึ้น ได้มองเห็นบั้นปลายชีวิตชัดขึ้นด้วย

สุดท้ายแล้วจริงๆ มีหนุ่มข้างกายช่วยคิดช่วยแก้ไขปัญหาบ้างไหม

ตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อนค่ะ (หัวเราะ)

151218-may-8

151218-may-9

 

151218-may-12

 

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line