Entertainment

OTAKU 101: เพราะชีวิตไม่ได้แฮปปี้เสมอไป ‘5 อนิเมะสุดเศร้าปนซึ้ง’ ที่ทำให้ลูกผู้ชายต้องเสียน้ำตา

By: PERLE February 13, 2019

Spoil Alert! บทความนี้มีการพูดถึงเนื้อหาสำคัญของอนิเมะบางเรื่อง

‘อนิเมะ’ หรือ ‘การ์ตูนญี่ปุ่น’ มักจะถูกตีค่าว่าเป็นสื่อเพื่อความบันเทิง เน้นความสนุกสนาน ตลกโปกฮา หรือตื่นเต้นเร้าใจเป็นหลัก แต่ถ้าใครเสพอนิเมะเป็นประจำแล้วละก็ คงรู้ดีว่าอนิเมะญี่ปุ่นไปไกลกว่านั้นมาก

บางเรื่องเนื้อหาเข้มข้นตึงเครียดยิ่งกว่าภาพยนตร์คนแสดงเสียอีก อย่างที่เราเคยเห็นใน Akira (1988) ที่นำเสนอโลกดิสโทเปียผสมความ Cyberpunk ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงภาพยนตร์เรื่อง Blade Runner ของผู้กำกับ Ridley Scott หรือเรื่อง Perfect Blue (1997) ที่พาคนดูดำดิ่งสู่จิตใจมนุษย์ ภายใต้บรรยากาศหลอนประสาท ไม่ต่างอะไรจากภาพยนตร์เรื่อง Black Swan หรือ Suspiria

แต่อนิเมะที่เราจะพูดถึงในวันนี้ไม่ได้หนักหน่วงขนาดนั้น เพียงแต่ทุกเรื่องฉาบไปด้วยความเศร้าที่แม้แต่ลูกผู้ชายอกสามศอกยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

The Tale of the Princess Kaguya (2013)

Studio Ghibli

ไม่เฉพาะแค่อนิเมะ แต่นี่คือภาพยนตร์ที่ทำให้เราร้องไห้หนักที่สุดในชีวิต

ถึงแม้หน้าหนังของ The Tale of the Princess Kaguya ที่หยิบยกเรื่องราวนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ มาเล่าจะดูเข้าถึงยาก เนื่องจากเนื้อเรื่องที่ดูโบราณ นอกจากนั้นยังเลือกวิธีการเล่าเรื่องผ่านแอนิเมชันสีน้ำที่คนส่วนใหญ่ไม่คุ้นชิน แต่ในเมื่อ The Tale of the Princess Kaguya กำกับโดย อิซาโอะ ทากาฮาตะ อีกหนึ่งตำนานแห่ง Studio Ghibli ดังนั้นวางใจเรื่องคุณภาพได้เลย

อิซาโอะก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เขานำเสนอเรื่องราวของเจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ออกมาได้อย่างงดงาม ลงตัวในทุกรายละเอียด สัมผัสได้ถึงความประณีตของผู้สร้างสรรค์

The Tale of the Princess Kaguya เริ่มต้นด้วยการดำเนินเรื่องที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา ก่อนที่จะปล่อยของเต็มที่ในช่วงท้ายของเรื่อง ทำเอาเราน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่ถึงจะเศร้าแต่มันก็ตราตรึงในใจเราอย่างไม่รู้ลืม

ใครคิดว่าตัวเองใจแข็งร้องไห้ยาก อย่าเพิ่งมั่นใจก่อนจะได้ดู The Tale of the Princess Kaguya

5 Centimeters per Second (2007)

IMDb

ผลงานสร้างชื่อของ มาโคโตะ ชินไค ที่สำหรับเราเขาคือ ‘หว่องกาไว’ แห่งวงการอนิเมะ

เรื่องราวความรักเคล้าน้ำตาเล่าเรื่องราวของหนุ่มสาว 3 คนตั้งแต่เด็กจนโต เริ่มต้นจาก ทากากิ โทะโนะ เด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่ตกหลุมรัก อาการิ ชิโนะฮาระ เข้าอย่างจัง เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ ทุกอย่างค่อย ๆ พัฒนาไปด้วยดี

จนกระทั่งการมาเยือนของข่าวร้าย อาการิต้องย้ายไปต่างจังหวัดตามครอบครัว ห่างไกลจากที่เดิมหลายชั่วโมง แต่ถึงอย่างนั้นความรักก็ไม่เคยสลายไป ทากากิพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษามัน

เวลาล่วงเลยมาหลายปี ทากากิซึ่งตอนนี้เป็นนักเรียนมัธยมปลายและได้เลิกติดต่อกับอาการิมานานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นรักแรกครั้งนี้ก็ไม่เคยห่างไปจากความทรงจำ เขาได้ย้ายมาเรียนที่ต่างจังหวัด ก่อนจะได้พบกับ  คานาเอะ ซุมิดะ เด็กสาวเพื่อนร่วมชั้นผู้มีความสามารถทางกีฬาโดดเด่น คานาเอะตกหลุมรักทากากิเต็มเปา แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้เนื่องจากเขาไม่ได้สนใจในแง่นั้นเลยแม้แต่น้อย ทากากิมักจะหมกมุ่นกับการพิมพ์ข้อความบางอย่างในโทรศัพท์มือถือแต่ก็ไม่ได้ส่งข้อความนั้นออกไป

ในบทสุดท้ายของเรื่อง  ทากากิในวัยทำงานกำลังใช้ชีวิตอย่างเปลี่ยวเหงาและน่าเบื่อในเมืองใหญ่ ทุกวันผ่านไปอย่างไร้ความหมาย มีเพียงชื่ออาการิเท่านั้นที่ยังชัดเจนไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม

ชินไคนำเสนอแง่มุมต่าง ๆ ของความรักออกมาได้อย่างถึงแก่น การเฝ้ารอที่ดูไร้ความหมาย การวิ่งตามที่ไม่มีทางสิ้นสุด และเวลา 5 วินาทีที่กลีบซากุระร่วงจากต้นถึงพื้น

5 Centimeters per Second ไม่ได้ทำให้เราร้องไห้ฟูมฟาย แต่ความร้ายกาจของมันคือความหน่วงเหงาที่เล่นเอาคนดูอย่างเราซึมไปหลายวัน พร้อมกับคำถามในใจว่า

‘ถ้าสุดท้ายความรักคือการวิ่งไล่ตามกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เราควรจะปล่อยเขาไป หรือเลือกจะมั่นคง เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ  และบอกตัวเองว่าแค่เห็นเขามีความสุข เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว?’

Voices of a Distant Star (2002)

ADV Films

อีกหนึ่งผลงานของ มาโคโตะ ชินไค และเป็นผลงานที่เหมือนเป็นใบเบิกทางสู่การเป็นผู้กำกับเต็มตัว โดยเขาหยิบไลท์โนเวลของ Waku Oba มาเรียบเรียงใหม่ในแบบฉบับของตัวเอง

Voices of a Distant Star หรือในชื่อไทย เสียงเพรียกแห่งดวงดาว เล่าเรื่องราวของ มิคาโกะ นักเรียนมัธยมปลายสาวอัจฉริยะ เธอได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในกองกำลังอวกาศและต้องเดินทางสู่อวกาศอันแสนห่างไกล ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่มีเวลาให้ โนโบรุ เพื่อนสนิทกึ่งคนรักของมิคาโกะได้เตรียมใจ

เมื่อมิคาโกะออกเดินทาง ทางเดียวที่เธอจะติดต่อโนโบรุได้คือข้อความทางโทรศัพท์มือถือ แต่อุปสรรคสำคัญคือยิ่งมิคาโกะเดินทางห่างออกจากโลกเท่าไร ระยะเวลาที่ข้อความของเธอจะส่งถึงโนโบรุก็ยิ่งนานขึ้นเท่านั้น จากนาทีเป็นชั่วโมง จากชั่วโมงเป็นวัน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี

ชินไคร้ายกาจในการสร้างสถานการณ์บีบคั้นหัวใจผู้ชม พลังที่เขาส่งออกมาสามารถลากเราไปอยู่ในยานลำเดียวกับมิคาโกะโดยไม่รู้ตัว ทำให้เราเอาใจช่วยตัวละครราวกับเธอคือเราจริง ๆ ก่อนที่เขาจะทำลายทำนบน้ำตาของเราด้วยการแสดงภาพการเฝ้ารอด้วยความหวังโนโบรุและความพยายามเพื่อได้ติดต่อกับคนรักแม้สักคำของมิคาโกะ

ฉากสุดท้ายที่หุ่นยนต์ของมิคาโกะโดนโจมตีจนเสียหายหนัก ลอยเคว้งอยู่กลางอวกาศที่ห่างจากโลกหลายปีแสง พร้อมกับส่งข้อความที่ใช้เวลาหลายปีกว่าจะเดินทางถึงโนโบรุ ตัดสลับกับชีวิตบนโลกของโนโบรุที่ดูเปลี่ยวเหงา เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโนโบรุคิดอะไรอยู่ แต่เราเกิดคำถามว่า

‘ต้องมั่นคงในความรักแค่ไหนกันจึงจะสามารถอดทนรอข้อความสั้น ๆ ข้อความเดียวที่ใช้เวลาเดินทางกว่าครึ่งชีวิต?’

Wolf Children (2012)

Toho

หลังจากสร้างชื่อกับ The Girl Who Leapt Through Time และ Summer Wars มาโมรุ โฮโซดะ อีกหนึ่งผู้กำกับอนิเมะฝีมือดีกลับมาอีกครั้งในปี 2012 กับผลงานที่เรียกน้ำตามากกว่าครั้งไหน ๆ อย่าง ‘Wolf Children’

Wolf Children เล่าเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่ผู้เป็นพ่อแปลงร่างเป็นหมาป่าได้ ส่วนแม่เป็นมนุษย์ธรรมดา ทั้งคู่ได้ให้กำเนิดลูก 2 คน ซึ่งสามารถแปลงร่างเป็นหมาป่าได้เช่นเดียวกับพ่อ

เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น อยู่ ๆ ผู้เป็นพ่อก็ด่วนจากไปอย่างกะทันหัน เลวร้ายไปกว่านั้น เมื่อ ยูกิ ลูกสาว และ ‘อาเมะ’ ลูกชาย เริ่มไม่สามารถควบคุมสัญชาตญาณหมาป่าของตัวเองได้ 3 แม่ลูกจึงจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ในชนบทห่างไกลผู้คน

ความเศร้าเริ่มต้นขึ้นเมื่อยูกิควบคุมตัวเองได้ดีขึ้นจนสามารถย้ายไปอยู่ในเมือง ใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปได้ ตรงกันข้ามกับอาเมะที่ความเป็นหมาป่าเริ่มครอบงำเขามากขึ้นทุกที จนท้ายที่สุดอาเมะก็ตัดสินใจหนีเข้าไปใช้ชีวิตในป่าแต่เพียงลำพัง ปล่อยให้แม่อย่าง ฮานะ และ ยูกิ ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น

การพลัดพรากเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่บางครั้งเราก็ต้องกัดฟันทำใจยอมรับความจริงว่าโชคชะตาไม่ได้ลิขิตให้เราอยู่ด้วยกัน

Grave of the Fireflies (1988)

‘นี่คืออนิเมะที่เป็นเหมือน Iconic ของความเศร้า’

ถ้าถามว่าอนิเมะเรื่องไหนเรียกน้ำตาได้มากที่สุด เราเชื่อว่าผู้ชนะต้องเป็น ‘สุสานหิ่งห้อย’ เรื่องนี้แน่นอน เพราะผู้กำกับ อิซาโอะ ทากาฮาตะ สร้างอนิเมะเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อฆ่าคนดูอย่างพวกเรา

Grave of the Fireflies เล่าเรื่องราวของ เซตะ และ เซ็ทสึโกะ 2 พี่น้องที่ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และต้องพบเจอชะตากรรมอันโหดร้ายมากมาย ทั้งคู่ไม่มีใครให้พึ่งพิง เซตะจึงต้องกระเตงเซ็ทสึโกะไปเรื่อย ๆ พยายามเอาตัวรอดอย่างที่สุดเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้

ตัวหนังแสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ของ 2 พี่น้องที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่ว่าจะเจอเรื่องราวเลวร้ายแค่ไหนก็ไม่สามารถพรากทั้งคู่ออกจากกันได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง…

เราอยากให้ทุกคนได้สัมผัสเรื่องราวนี้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะแง่มุมสงครามที่สะท้อนออกมาได้จริงยิ่งกว่าจริง และตอกย้ำว่าสงครามไม่เคยให้อะไรนอกจากความสูญเสีย

 

ถึงจะไม่ได้อารมณ์ดีหลังจากดูอนิเมะพวกนี้ แต่บางครั้งอารมณ์เศร้าก็เป็นอีกหนึ่งรสชาติของชีวิตที่ควรจะเรียนรู้ไว้บ้างเหมือนกัน ลองหยิบสักเรื่องจากในลิสต์นี้ เตรียมผ้าเช็ดหน้าให้พร้อม และดื่มด่ำไปกับมัน

PERLE
WRITER: PERLE
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line