ไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ จะเป็นแบบเดียวกับเราไหม แต่เราแบ่งประเภทของการดูหนังตามอารมณ์ ถ้าชีวิตขมอยากเติมความหวานหน่อยจะเลือกดูคอมเมดี้ ใส ๆ หน่อย ถ้า หรือเมื่อรู้สึกวุ่นวายใจหนักจะเลือกแนวดาร์ก ๆ หรือสยองขวัญจะกลายเป็นความบันเทิงเพื่อเยียวยา เพราะวิถีของฆาตกรหรือเรื่องแนวดาร์กนั้นเยือกเย็น การไต่ความรู้สึกตามตัวละครเอก เห็นฉากสยองช่วยดึงสติเราให้ผ่อนคลายและนิ่งสงบลง ไตร่ตรองสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้นและรอบคอบขึ้น UNLOCKMEN จึงขอชวนคุณเปิดโหมดดาร์ก มาเบรกลมหายใจเป็นห้วง ๆ จากความดุเดือด 5 เรื่องในใจเรา แม้ทั้งหมดจะไม่ใช่เรื่องใหม่เพิ่งปล่อย แต่เป็นเรื่องเก่าขึ้นหิ้งระดับตำนานของใครหลายคน Higurashi no Naku Koro Ni ยามเมื่อเหล่าจักจั่นกรีดร้อง เปิดตัวด้วยเรื่องนี้ ตำนานแม่สาวปังตอหน้าตาอาโนเนะที่ไม่มีใครไม่พูดถึง เรื่องนี้จัดว่าค่อนข้างดึกดำบรรพ์ประมาณหนึ่ง เพราะตอนที่เราดูยังอยู่ในช่วงสมัยหาซับดูยาก ๆ ต้องโหลดบิท เรื่องนี้เป็นหนึ่งที่เรื่องที่อยู่ในคลังสต็อกโหลดของเรา และจนทุกวันนี้ถ้าพูดถึงการ์ตูนดาร์ก ๆ แนวจิตวิทยาก็ยังให้เรื่องนี้เป็นเบอร์หนึ่งในใจ Higurashi no Naku Koro Ni หรือชื่อไทยที่หลายคนรู้จักแบบไม่ official อย่าง “แว่วเสียงเรไร” กับชื่อ official ที่เรียกว่า “ยามเมื่อเหล่าจักจั่นกรีดร้อง” คือเรื่องเดียวกัน
“ไม่มีสักวันเดียวที่ฉันรู้สึกเสียใจที่มาเป็นไอดอล ไม่มีสักวันเดียวที่ฉันอยากจะหยุด ฉันสนุกกับการเป็นไอดอลมากจริง ๆ ” – ซาชิฮาระ ริโนะ คำพูดที่มาพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลริน เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีว่า ‘ราชินี’ คนนี้รักการเป็นไอดอลมากแค่ไหน ตลอดเวลา 11 ปีที่ผ่านมาเธอทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีเพื่อ 48 Group แต่สุดท้ายงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แม้จะเต็มไปด้วยคราบน้ำตาก็ตาม จบลงไปแล้วสำหรับคอนเสิร์ตจบการศึกษาของ ซาชิฮาระ ริโนะ หรือ ซัซชี่ แห่ง HKT48 ทุกอย่างเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางผู้คนนับหมื่น ณ โยโกฮาม่า สเตเดียม พร้อมด้วยแขกรับเชิญมากมาย สมกับเป็นการอำลาหนึ่งในบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน 48 Group ถ้า มาเอะ อัตสึโกะ หรือ อัตจัง คือเสาหลักแห่ง 48 Group ยุคแรก คงจะไม่ผิดนักถ้าเราจะพูดว่าซัซชี่คือเสาหลักรุ่นต่อมา เพราะทุกอย่างประจักษ์อย่างชัดเจนว่าเธอยิ่งใหญ่ขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นการได้อันดับ 1 ในการเลือกตั้งถึง 4 ครั้ง การได้เป็นเซ็นเตอร์ในเพลง Koisuru Fortune Cookie หรือ คุ้กกีเสี่ยงทาย หนึ่งในเพลงที่โด่งดังที่สุดของ 48 Group และอีกมากมายจนไม่อาจนับได้ เธอแบก 48
เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากมังงะเรียกเขาว่าอีกาเล่ม 1-26 และ Worst เล่ม 1-33 เท่านั้น ถ้าถามเด็กผู้ชายยุค 90-2000 เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักผลงานมังงะอันเลื่องชื่อของอาจารย์ ฮิโรชิ ทากาฮาชิ เรื่อง เรียกเขาว่าอีกา ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนี่คือหนึ่งในมังงะสายนักเลงที่ประสบความสำเร็จที่สุด ครั้งหนึ่งเราเคยอยากสูบบุหรี่ยี่ห้อ Seven Stars เคยอยากขี่มอเตอร์ไซค์ เคยอยากใช้กำลังเป็นตัวตัดสินถูกผิด เลียนแบบตัวละครในเรื่อง แต่สุดท้ายเมื่อได้อ่านจนจบ สิ่งที่เราได้จากมังงะเรื่องนี้กลับเป็นมุมมองด้านมิตรภาพที่ไม่สามารถหาได้จากหนังสือเรียนเล่มไหน เมื่อพูดถึง เรียกเขาว่าอีกา ก็ต้องนึกถึง โรงเรียนมัธยมปลายซูซูรัน โรงเรียนของเหล่าตัวเอกในเรื่อง เป็นโรงเรียนที่เปรียบเหมือนฝูงอีกาฝูงใหญ่ ไม่มีใครสามารถรวมให้เป็นหนึ่งได้ ทุกคนต่างยึดมั่นในศักดิ์ศรีไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างใคร อย่างไรก็ตามท่ามกลางฝูงอีกาอันเกรี้ยวกราด ก็มีอีกาบางตัวที่แข็งแกร่งกว่าตัวอื่น ๆ เราเรียกพวกเขาว่า ผู้ยิ่งใหญ่แห่งซูซูรัน พวกเขาเหล่านี้คือผู้ใกล้เคียงที่จะรวบรวมฝูงอีกาให้เป็นหนึ่งเดียวมากที่สุด และวันนี้เราจะไปทำความรู้จักพวกเขากัน โบยะ ฮารุมิจิ โบยะ ฮารุมิจิ พระเอกของเราคือนักเรียนรุ่นที่ 25 แห่งโรงเรียนมัธยมซูซูรัน เขาปรากฏตัวขึ้นอย่างลึกลับในวันเปิดเรียนวันแรกในฐานะนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่ 2 ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปว่าเจ้าหนุ่มผมทอง ท่าทางกวนอวัยวะเบื้องล่าง เจ้าชู้ชีกอ ดูไม่มีพิษมีภัยนี้เป็นใครมาจากไหน ถึงจะไม่ได้ไประรานใครก่อน แต่ด้วยเอกลักษณ์ที่ใครเห็นก็ต้องหมั่นไส้ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนเหล่าอันธพาลในโรงเรียนหาเรื่อง ซึ่งตอนนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เราคนอ่านและบรรดานักเรียนของซูซูรันได้รับรู้พร้อมกันว่าภายใต้นิสัยที่ดูไม่เอาไหน แท้จริงแล้วเจ้าผมทองคนนี้มีฝีมือการชกต่อยแสนร้ายกาจ สามารถล้มคู่ต่อสู้นับสิบได้แบบสบาย ๆ ใช้เวลาไม่นาน ชื่อของ โบยะ
บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของการ์ตูนเรื่อง Bakuman ‘วงการการ์ตูน’ คือหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศญี่ปุ่น ในแต่ละปีสร้างรายได้ให้กับประเทศนับล้าน ๆ เยน นับเป็นสิ่งหอมหวานที่ใคร ๆ ก็อยากเข้าหา แต่ภายใต้ฉากหน้าที่สวยหรู แท้จริงแล้ววงการนี้ก็มีความโหดร้ายที่คร่าชีวิต ทำลายความฝันของผู้คนมาแล้วมากมาย เพียงแต่ไม่ได้ถูกถ่ายทอดออกมาให้ภายนอกรับรู้ แต่ในปี 2008 ‘Bakuman วัยซนคนการ์ตูน’ มังงะผลงานของอาจารย์ สึงูมิ โอบะ และ ทาเกชิ โอบาตะ ที่เคยฝากฝีมือไว้ในมังงะชื่อดังอย่าง Death Note ก็ตีพิมพ์ออกมา นี่คือมังงะที่กล้าจะนำเสนอเรื่องราวของอุตสาหกรรมการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างเจาะลึก ทั้งด้านดีและร้าย ตีแผ่ทุกแง่มุม เนื่องจากมังงะเรื่องนี้เปรียบเสมือนบันทึกชีวิตของอาจารย์ผู้เขียนทั้ง 2 ทุกอย่างในเรื่องจึงออกมา ‘จริง’ และ ‘เชื่อถือได้’ นอกจากนั้นยังมีการผสมผสานธีมการวิ่งตามความฝันของเด็กหนุ่มเข้าไปได้อย่างลงตัว Bakuman จึงออกมาเป็นมังงะที่กลมกล่อม สุข เศร้า เหงา ซึ้ง มีครบทุกรสชาติของชีวิต ทำลายกำแพงความกลัวด้วยความกล้า มาชิโระ โมริทากะ เป็นเด็กหนุ่มวัยมัธยมต้นปีสุดท้าย เขาเป็นคนจืดชืด ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย ไร้ความฝัน มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เขาชัดเจนคือความรักที่มีต่อ อาซึกิ มิโฮะ เด็กสาวเพื่อนร่วมห้องที่เขาแอบชอบมานาน แต่ก็ไม่กล้าบอกเธอเนื่องจากอาซึกิเปรียบเหมือนดาวประจำโรงเรียน มีแต่หนุ่ม ๆ รุมล้อม ส่วนเขาเป็นเพียงคนไร้ตัวตน อย่างไรก็ตามหนึ่งสิ่งที่คนธรรมดาอย่างเขาทำได้ดีคือ
‘ฉันคือคนที่จะเป็นราชาโจรสลัด!’ นี่คือคำประกาศกร้าวของ มังกี้ ดี ลูฟี่ เด็กหนุ่มพลังยางยืดจากอีสต์บูลในขณะที่ตัวเองกำลังจะโดน บากี้ โจรสลัดตัวตลกประหารในเมืองโล้คทาวน์ ในตอนนั้นมันช่างเป็นคำพูดที่ดูน่าขำสำหรับคนทั่วไป เพราะลูฟี่ยังเป็นเพียงโจรสลัดไร้ชื่อเสียงเรียงนาม การนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับ โกลด์ ดี โรเจอร์ อดีตราชาโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่จึงดูเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินตัว แต่ผ่านมาเพียง 2 ปี จากโจรสลัดไร้ค่าหัวในตอนนั้น ตอนนี้ลูฟี่คือโจรสลัดผู้มีค่าหัวสูงถึง 1,500 ล้านเบรี พร้อมฉายา ‘จักรพรรดิหมวกฟาง’ แถมยังได้รับการยกย่องให้เป็นจักรพรรดิคนที่ 5 แห่งท้องทะเล แน่นอนว่าเมื่อกลายเป็นคนยิ่งใหญ่ สิ่งที่ตามมาคือคู่ต่อสู้ระดับพระกาฬที่เขาต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น 4 จักรพรรดิอย่าง ไคโด และมาร์แชล ดี ทีช (หนวดดำ) หรือแม้กระทั่งรัฐบาลโลกที่มีกองกำลังสุดแข็งแกร่งอยู่ในมือ ด้วยสเกลการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ลำพังแค่ตัวลูฟี่กับลูกเรืออีก 9 ชีวิตคงไม่สามารถต่อกรได้แน่นอน กลุ่มพันธมิตรและมิตรสหายจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางในตอนนี้ ‘ใคร ๆ ก็รักลูฟี่’ ด้วยความที่เป็นคนจิตใจดี ไม่มีพิษภัย ที่สำคัญคือรักพวกพ้องมาก ๆ ลูฟี่จึงซื้อใจคนได้มากมาย จนเริ่มมีกองกำลังและพันธมิตรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาเหล่านี้นี่เองคือกุญแจดอกสำคัญที่จะส่งพ่อหนุ่มหมวกฟางของเราขึ้นไปเป็นราชาโจรสลัด ดังนั้นเรามาทำความรู้จักพวกเขาก่อนดีกว่า กองกำลังพันธมิตรมิ้งค์ แมว หมา นินจา
จากที่เคยเป็นเหมือนวัฒนธรรมไกลตัว แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ‘ไอดอล’ ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยอย่างสมบูรณ์แล้ว แน่นอนว่าเมื่อมีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบเป็นธรรมดา แต่ก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์อะไรเราก็อยากให้ทุกคนรู้จักกับวัฒนธรรมนี้จริง ๆ เสียก่อน ภาพยนตร์สารคดีที่เราหยิบมาพูดถึงในวันนี้อาจจะมีคำตอบให้ใครหลายคนได้ว่าไอดอลคือใคร? พวกเธอมีบทบาทหน้าที่อย่างไร? หรือแท้จริงแล้วพวกเธอเป็นเพียงวัตถุทางเพศที่อุ้มชูวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่เท่านั้น? Tokyo Idols และเรื่องราวของริโอะ Tokyo Idols เลือกที่จะเล่าเรื่องราวของ ‘ริโอะ’ ไอดอลสาวใต้ดินวัย 19 ที่ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่โด่งดังมากนักแต่ก็มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่นพอสมควร แต่อย่าเพิ่งเข้าใจว่านี่คือสารคดีตามติดชีวิตไอดอล เพราะถึงแม้ตัวหนังจะโฟกัสที่ตัวริโอะเป็นหลัก ถ่ายทอดให้ผู้ชมได้เห็นภาพว่าเธอทุ่มเทกับอาชีพนี้ขนาดไหน ถึงขนาดปั่นจักรยานไปทั่วประเทศญี่ปุ่นเพื่อพบปะแฟนคลับ แต่ก็มีอีกหลายมุมมองจากหลายฝ่ายที่น่าสนใจไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของไอดอลเด็ก, ไอดอลระดับชาติอย่าง AKB48, ความคิดเห็นของนักหนังสือพิมพ์และนักวิเคราะห์, หรือแม้กระทั่งเหล่าโอตะที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อคนที่เขารัก ตัวหนังพยายามจะตั้งคำถามถึงวัฒนธรรมไอดอลตลอดเวลา ทั้งในแง่ความหมิ่นเหม่ทางศีลธรรมเรื่องเพศ, ความเกี่ยวข้องกันระหว่างไอดอลกับวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่, ความเหงาที่ดูเหมือนจะส่งเสริมวัฒนธรรมนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น, หรือแม้กระทั่งการวิพากษ์เหล่าโอตะว่าเป็นตัวปัญหาของสังคม ซึ่งด้วยมุมมองแบบนี้ของตัวหนัง Tokyo Idols จึงเป็นสารคดีที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะคิดเห็นเกี่ยวกับไอดอลว่าอย่างไรก็ตาม ความรักที่บริสุทธิ์หรือแค่ความเพ้อฝันจอมปลอม? สำหรับบางคนความรักของโอตะที่มีต่อไอดอลอาจจะดูเพ้อฝันหรืออาจจะถึงขั้นน่าขยะแขยง แต่สำหรับ ‘โคจิ’ ดูเหมือนว่ามันจะมีความหมายและยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก โคจิคือหนุ่มใหญ่วัย 43 กะรัต เขาเคยมีชีวิตที่เพียบพร้อม เคยมีคนรักและถึงขั้นเกือบจะได้ลั่นระฆังวิวาห์ แต่แล้วทุกสิ่งก็ไม่เป็นไปตามที่คิด เขาจึงเลือกหันหลังให้กับความรักในชีวิตจริงและใช้เงินเก็บทั้งชีวิตเปย์ให้ริโอะ ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจติดตามเธอไปทุกที่ บ้าหรือเปล่า? ไม่แปลกที่คนภายนอกจะมองโคจิว่าเพ้อฝัน เพราะต่อให้เปย์ยังไงริโอะก็ไม่มีทางหันมามองเขาหรอก อย่างไรก็ตามคำอธิบายของโคจิก็ทำให้เราเข้าใจมากขึ้น เขาเล่าว่าชีวิตเขานั้นมันพังทลายลงไปแล้ว
ท่ามกลางอนิเมะมากมายใน Netflix ‘Kakegurui’หรือในชื่อไทย ‘โคตรเซียนโรงเรียนพนัน’ ผลงานของอาจารย์ โฮมูระ คาวาโมโตะ กับอาจารย์ โทรุ นาโอะมูระ คือหนึ่งในเรื่องที่มีความโดดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากที่สุด ไม่ว่าจะด้วยพล็อตแปลกใหม่ไม่ซ้ำกับใคร ฉีกขนบเนื้อเรื่องแนวโรงเรียนแบบเดิม ๆ อย่างไม่มีชิ้นดี งานภาพโดดเด่นหวือหวา ฉูดฉาดเร้าอารมณ์ นอกจากนั้นการออกแบบตัวละครก็ทำได้ยอดเยี่ยม ทุกตัวละครมีมิติในตัวเอง จนทำให้คนดูอย่างเราทั้งรักทั้งเกลียดได้อย่างประหลาด โดยรวมแล้ว Kakegurui คืออนิเมะชั้นเลิศที่สมควรหามาดูด้วยประกาศทั้งปวง และไม่ใช่แค่ความบันเทิงเท่านั้นที่จะได้รับ ภายใต้เรื่องราวของโรงเรียนที่เต็มไปด้วยการพนันแห่งนี้ยังแฝงประเด็นที่น่าสนใจเอาไว้มากมาย ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงมันกัน เอาล่ะ ไปเล่นการพนันแบบหลุดโลกกันเถอะ! ในโลกจำลองที่การพนันคือทุกสิ่ง เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ยูเมโกะ จาบามิ เด็กสาวลึกลับได้ย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนเอกชน เฮียคคะโอ ในช่วงกลางเทอม ซึ่งถ้าจะอธิบายโรงเรียนแห่งนี้ให้เข้าใจได้ง่าย ๆ มันคือโรงเรียนคนรวย ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยลูกคนใหญ่คนโตของประเทศญี่ปุ่น และนอกจากการเป็นโรงเรียนสำหรับชนชั้นสูงแล้ว ความพิเศษอีกอย่างของเฮียคคะโอที่ไม่มีที่ไหนเหมือนคือที่นี่ตัดสินทุกอย่างด้วย ‘การพนัน’ เนื่องจากโรงเรียนนี้เต็มไปด้วยเหล่าลูกคนรวย ดังนั้นเงินคือทุกอย่าง ชนชั้นสถานะของนักเรียนทุกคนถูกกำหนดด้วยเงิน ไม่ใช่หน้าตา ผลการเรียน หรือกีฬา ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของโรงเรียนกลับไม่ใช่ผู้อำนวยการ แต่คือเหล่าคณะกรรมการนักเรียนที่มั่งคั่งด้วยเงินตราและฝีมือด้านการเล่นพนัน เมื่อคุณไม่มีเงิน คุณก็ต้องเล่นพนันเพื่อให้ได้มันมา! เด็กใหม่อย่างยูเมโกะ จาบามิรู้สึกยังไงกับกฎประหลาดของโรงเรียนนี้? ทุกคนต่างคิดว่าเธอจะเป็นปลาเล็กให้เหล่าเซียนพนันในโรงเรียนงาบได้แบบสบาย ๆ แต่ผิดคาด เพราะแท้จริงแล้วยูเมโกะคือคนที่บ้าการพนันยิ่งกว่าใคร และฝีมือเธอก็ยอดเยี่ยมเสียจนสามารถทำให้โลกการพนันของเฮียคคะโอต้องปั่นป่วนหลังจากเข้ามาเพียงไม่กี่วัน ไม่มีเงินก็จงกลายเป็นสัตว์เลี้ยง ไม่ใช่แค่ความสนุก แต่ Kakegurui
Spoil Alert! บทความนี้มีการพูดถึงเนื้อหาสำคัญของอนิเมะบางเรื่อง ‘อนิเมะ’ หรือ ‘การ์ตูนญี่ปุ่น’ มักจะถูกตีค่าว่าเป็นสื่อเพื่อความบันเทิง เน้นความสนุกสนาน ตลกโปกฮา หรือตื่นเต้นเร้าใจเป็นหลัก แต่ถ้าใครเสพอนิเมะเป็นประจำแล้วละก็ คงรู้ดีว่าอนิเมะญี่ปุ่นไปไกลกว่านั้นมาก บางเรื่องเนื้อหาเข้มข้นตึงเครียดยิ่งกว่าภาพยนตร์คนแสดงเสียอีก อย่างที่เราเคยเห็นใน Akira (1988) ที่นำเสนอโลกดิสโทเปียผสมความ Cyberpunk ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงภาพยนตร์เรื่อง Blade Runner ของผู้กำกับ Ridley Scott หรือเรื่อง Perfect Blue (1997) ที่พาคนดูดำดิ่งสู่จิตใจมนุษย์ ภายใต้บรรยากาศหลอนประสาท ไม่ต่างอะไรจากภาพยนตร์เรื่อง Black Swan หรือ Suspiria แต่อนิเมะที่เราจะพูดถึงในวันนี้ไม่ได้หนักหน่วงขนาดนั้น เพียงแต่ทุกเรื่องฉาบไปด้วยความเศร้าที่แม้แต่ลูกผู้ชายอกสามศอกยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ The Tale of the Princess Kaguya (2013) ไม่เฉพาะแค่อนิเมะ แต่นี่คือภาพยนตร์ที่ทำให้เราร้องไห้หนักที่สุดในชีวิต ถึงแม้หน้าหนังของ The Tale of the Princess Kaguya ที่หยิบยกเรื่องราวนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ มาเล่าจะดูเข้าถึงยาก เนื่องจากเนื้อเรื่องที่ดูโบราณ นอกจากนั้นยังเลือกวิธีการเล่าเรื่องผ่านแอนิเมชันสีน้ำที่คนส่วนใหญ่ไม่คุ้นชิน แต่ในเมื่อ The Tale of the Princess Kaguya กำกับโดย อิซาโอะ
ในสังคมปัจจุบันที่อุดมไปด้วยความเครียด ‘มังงะ’ หรือ ‘การ์ตูนญี่ปุ่น’ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสื่อบันเทิงหลักที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์และให้ความบันเทิง และด้วยความที่อุตสาหกรรมการ์ตูนญี่ปุ่นมีขนาดใหญ่ จึงมีมังงะมากมายหลายประเภทถือกำเนิดขึ้น แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าประเภทที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ ‘มังงะสไตล์โชเน็น’ ที่เน้นเรื่องการต่อสู้ผสมกับพลังมิตรภาพเป็นหลัก อย่างไรก็ตามมังงะอีกประเภทหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือ ‘มังงะแก๊ก’ ที่ถึงแม้จะได้รับความนิยมไม่เท่าแต่ก็เป็นสีสันที่เรียกเสียงหัวเราะได้เสมอ วันนี้เราจะมาแนะนำมังงะสายฮา 5 เรื่อง ที่เราชอบ มันช่วยเราให้อารมณ์ดีขึ้นในวันที่ยากลำยากของชีวิต เราเลยหวังว่าทั้ง 5 เรื่องนี้จะช่วยทุกคนได้เช่นกัน เทวดาหน้าโฉด Written by: โนริฮิโร่ ยากิ ถ้าใครเป็นแฟนการ์ตูนญี่ปุ่นยุคเก่าคงรู้จักเรื่องนี้แน่นอน เพราะ ‘เทวดาหน้าโฉด’ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในมังงะสายแก๊กระดับตำนาน ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1992 และด้วยเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ดังนั้นถ้าใครเคยอ่านรับรองว่าไม่มีทางลืม เทวดาหน้าโฉดว่าด้วยเรื่องราวของ คิตาโน่ เซอิจิโร่ เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่จิตใจดีราวกับเทวดา แต่งตัวเรียบร้อย อยู่ในโอวาท ไม่ว่าใครจะกำลังเดือดร้อนเขาก็พร้อมช่วยเหลือเสมอ แต่ด้วยหน้าตาที่ไม่ต่างอะไรจากเจ้าพ่อยากูซ่า ผู้คนรอบข้างต่างหวาดกลัวเขา ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ทำให้คิตาโน่ต้องย้ายโรงเรียนอยู่บ่อย ๆ และด้วยหน้าตาอันหน้ากลัวนี้เอง ทำให้คิตาโน่ต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์วายป่วงเรียกเสียงฮาครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นความน่าสงสารที่คนอ่านอย่างเราอดหัวเราะไม่ได้ ถึงจะเป็นมังงะเก่า แต่ก็ยังพอหาอ่านได้อยู่ ใครคิดว่าชีวิตตัวเองแย่แล้ว เรื่องราวของคิตาโน่จะทำให้คุณรู้สึกโชคดีขึ้นมาแน่นอน คุโรมาตี้ โรงเรียนคนบวม Written by: เอย์จิ โนนากะ นี่คือโรงเรียนมัธยมปลายที่มีกอริลล่า, เฟรดดี้ เมอร์คิวรี่ขี่ม้า,
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้สตรีมมิ่งออนไลน์อย่าง ‘Netflix’ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของพวกเราไปแล้ว ด้วยจำนวนคอนเทนต์มากมายที่มีให้เลือกเสพ จนบางครั้งเราอาจลืมเพื่อนเก่าอย่างรายการโทรทัศน์ไปเสียสนิท และเมื่อพูดถึง Netflix แน่นอนว่าทุกคนคงต้องนึกถึงซีรีส์หรือละครชุดที่หลายเรื่องโด่งดังจนกลายเป็น Talk of the Town ไม่ว่าจะเป็น Stranger Things, Narcos, Black Mirror และอีกมากมาย แต่จริง ๆ แล้วใน Netflix ยังมีคอนเทนต์อีกประเภทที่หลายคนมองข้าม นั่นก็คือ ‘แอนิเมชั่นญี่ปุ่น’ แม้ช่วงแรกจำนวนแอนิเมชั่นจะมีน้อยมาก แต่ตอนนี้ Netflix ซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาเพิ่ม รวมถึงการออกทุนสร้างเป็น Original Netflix เองด้วย จนตอนนี้จำนวนแอนิเมชั่นก็มีมากจนตามดูไม่ทันแล้ว ในจำนวนแอนิเมชั่นมากมายนี้ เรื่องไหนสนุกคุ้มค่าที่จะเสียเวลาดูบ้าง วันนี้เราจะมาแนะนำทุกคนเอง กับ 5 แอนิเมชั่นญี่ปุ่นโคตรสนุก หาดูได้ง่าย ๆ บน Netflix Baki ปัจจุบัน 1 ซีซั่น 13 ตอน เชื่อว่าผู้ชายทุกคนที่เกิดในยุค 80-90 น่าจะรู้จักมังงะบ้าพลังในตำนานอย่าง ‘บากิ’ เป็นอย่างดี เพราะนี่คือมังงะสายต่อสู้เพียว ๆ