CARS

CONVERSATION WITH ‘พีท โปรเจกต์’ จากความหลงใหลมอเตอร์ไซค์ สู่ DESIGN LEADER บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น

By: Chaipohn January 16, 2018

ในฐานะที่เราเองก็เป็นคนชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ ครั้งแรกที่ได้เห็นชื่อ คุณณัฐพัชร์ จรรยาพาณิชย์ ในงานเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ ที่จัดโดย รถจักรยานยนต์ฮอนด้า นอกจากความตื่นเต้นกับดีไซน์สวยงามของรถรุ่นใหม่ที่กำลังเปิดตัวบนเวที อีกสิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้นกว่านั้น คือชื่อของคนที่ออกแบบมอเตอร์ไซค์ที่เรากำลังมองตาค้างอยู่นั่นเอง

“คุณณัฐพัชร์ จรรยาพาณิชย์ ดีไซน์ โปรเจกต์ ลีดเดอร์” พิธีกรบนเวทีพูดชื่อพร้อมแนะนำตำแหน่งของเขาใน ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เซ้าท์อีสท์ เอเซีย เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าในบริษัทยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นอย่างฮอนด้า จะมีคนไทยเป็นดีไซน์เนอร์อยู่ในนั้นด้วย และยังเป็นถึงระดับโปรเจกต์ ลีดเดอร์อีกต่างหาก พร้อมคิดในใจว่าอยากนั่งพูดคุยเกี่ยวกับแนวคิดที่น่าสนใจกับผู้ชายคนนี้สักครั้ง และวันนึงเราก็มีโอกาสได้พูดคุย  ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้ มีมุมมองดี ๆ และประสบการณ์ที่น่าสนใจมากมาย น่าจะถ่ายทอดแรงบันดาลใจให้เราไล่ตามความฝันได้ไม่ยากเลยครับ

อะไรที่ทำให้เลือกมาเป็นดีไซน์เนอร์สายอุตสาหกรรมยานยนต์

‘เพราะเป็นคนชอบเรื่องของยานพาหนะมาตั้งแต่เด็ก ๆ ชอบขับรถ จริง ๆ ชอบยานพาหนะทุกอย่างเลยครับ พอตอนจะเข้ามหาลัยเลยเลือกคณะสถาปัตยกรรม โปรดักส์ ดีไซน์ ศิลปะอุตสาหกรรม ซึ่งจริง ๆ ก็จะแยกเป็นหลายแขนง แต่ผมเลือกยานยนต์’

รู้ตัวว่าอยากออกแบบมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่ช่วงเรียนเลยไหม

‘ถ้าหมายถึงจุดเริ่มต้นที่อยากออกแบบรถมอเตอร์ไซค์จริง ๆ คือตอนเรียนปี 5 ครับ ตอนนั้นยังเรียนไม่จบ อยู่ในช่วงทำธีสิสผมกำลังอินกับมอเตอร์ไซค์ แล้วได้เจอรุ่นพี่คนหนึ่งที่ได้เข้าไปทำงานออกแบบของฮอนด้า เล่าให้ฟังว่าการได้ทำงานออกแบบรถมอเตอร์ไซค์แล้วได้เห็นคนใช้งานมันจริง ๆ เห็นคนที่ชื่นชอบและหลงใหลไปกับสิ่งที่เราออกแบบมันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก

พอได้ยินก็รู้สึกว่าน่าสนใจมาก เลยคิดจริงจังว่าอยากจะขอยื่นสมัครงานที่ ฮอนด้า ก็หาข้อมูลว่าโจทย์ที่จะได้เข้าไปทำงานที่ ฮอนด้า มีอะไรบ้าง

หลังจากนั้นก็เริ่มเตรียมตัว ช่วงทำธีสิสก็ทำเป็นมอเตอร์ไซค์เฟอร์รารี่ คือออกแบบรถมอเตอร์ไซค์ที่นำ DNA และภาษาการออกแบบของรถเฟอร์รี่มาออกแบบเป็นรถมอเตอร์ไซค์ คือแปลงวิธีการสื่อสารแบบรถสี่ล้อมาสู่สองล้อ’

แล้วใช้ธีสิสชิ้นนั้นมายื่นสมัครที่ฮอนด้าเลยรึเปล่า

‘ใช่ครับ อยากบอกว่าจริง ๆ แล้วตอนทำธีสิสผมภูมิใจในงานชิ้นนี้มากนะครับ แต่พอเอามายื่นที่ ฮอนด้า ได้เห็นผลงานอื่น ๆ ของนักออกแบบที่นี่ก็รู้สึกผลงานเราห่วยจัง (หัวเราะ)’

แต่ก็ได้เข้ามาทำงานที่ ฮอนด้า

‘ใช่ครับ ได้ทำงานที่นี่ที่แรกตั้งแต่เรียนจบและก็ทำมาจนถึงปัจจุบันครับ’

เข้ามาแล้วได้ทำหน้าที่ออกแบบรถมอเตอร์ไซค์เลยไหม

‘ไม่ครับ การทำงานที่ ฮอนด้า 2 เดือน แรกผมถูกส่งไปเรียนรู้งานที่โรงงานประกอบก่อน ให้เราได้อยู่กับมอเตอร์ไซค์ หลังจากนั้นจึงกลับมาประจำที่ออฟฟิศดีไซน์ และได้ศึกษาเกี่ยวกับการออกแบบช่วง 2 ปี’

2 เดือน ในโรงงานประกอบสอนอะไรคุณบ้าง

‘อย่างแรกเลย คือรู้ว่ามันโคตรเหนื่อยเลยครับ เพราะใช้แรงเยอะ (หัวเราะ) และพอเจอส่วนไหนที่ทำงานค่อนข้างยากเราจะรู้สึกว่า เฮ้ย ! ดีไซน์เนอร์ออกแบบอะไรมาเนี่ย มันทำงานยาก แต่พอมองกลับมาก็ อ้าว ! เราก็ดีไซน์เนอร์นี่หว่า เพราะฉะนั้นถ้าเราจะออกแบบเราจะไม่ออกแบบอะไรที่จะทำให้คนประกอบต้องทำงานยาก และส่งผลกระทบที่ไม่ดีกับคนอื่น ๆ’

เหมือนนี่เป็นสิ่งที่ทาง ฮอนด้า อยากให้ดีไซน์เนอร์ทุกคนได้เรียนรู้

‘คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นครับ การได้ไปอยู่โรงงานประกอบทำให้เราเห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้น ได้เรียนรู้ว่าการออกแบบต้องใส่ใจมากกว่าเดิมไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ต้องนึกถึงคนที่ทำงานต่อด้วย คือมันสวยอย่างเดียวไม่ได้มันต้องเป็นมิตรด้วย เป็นมิตรกับทุกคนตั้งแต่การดีไซน์ การประกอบ ไปจนถึงกลุ่มผู้ใช้งาน พอถูกสอนมาแบบนี้ ผมเลยรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นบรรทัดฐานในการทำงาน เวลาจะออกแบบอะไรสิ่งเหล่านี้จะเข้ามาในหัวตลอดเวลา’

หลังกลับจากโรงงานประกอบได้เริ่มออกแบบมอเตอร์ไซค์เลยไหม

‘ครับ แรก ๆ ก็จะเป็นออกแบบรถคอนเซ็ปต์แบบเอาไปโชว์ในงานต่าง ๆ แต่รุ่นที่ออกแบบแล้วได้ออกสู่ตลาดจริง ๆ รุ่นแรกจะเป็น Honda MSX125 ครับ’

คุณเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ออกแบบมอเตอร์ไซค์ให้ฮอนด้าหรือเปล่า

‘จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าทีม R&D ของไทยออกแบบรถที่ขายในเซ้าท์อีสท์ เอเซียมาหลายรุ่นแล้วครับ เรียกว่าเป็นศูนย์กลางของการออกแบบในเซ้าท์อีสท์ เอเซียเลยก็ว่าได้ แต่คนไทยไม่ค่อยทราบกัน’

แต่คุณคือดีไซน์ โปรเจกต์ ลีดเดอร์ของฮอนด้า CB150 R

‘ครับ’

อยากให้เล่าที่มาที่ไปของการได้เป็นดีไซน์ โปรเจกต์ ลีดเดอร์หน่อยครับ

‘จริง ๆ ต้องเล่าย้อนกลับไปก่อนครับว่าทางฮอนด้าญี่ปุ่นมีโปรเจกต์ที่ให้ดีไซน์เนอร์ได้ลองออกแบบมอเตอร์ไซค์รูปแบบใหม่ ๆ มานำเสนอไอเดียกัน แล้วคอนเซ็ปต์ของผมกับทีมจากไทยถูกเลือกให้ไปต่อ ผมเลยได้รับโอกาสให้เป็นโปรเจกต์ ลีดเดอร์ แล้วไปทำงานกับทีมฮอนด้าญี่ปุ่น เพื่อที่จะทำการต่อยอดคอนเซ็ปต์ให้ออกมาเป็นโปรดักส์ที่ออกขายจริง’

คอนเซ็ปต์ที่ว่าคือ Modern Café

‘ใช่ครับ ด้วยความที่ทีมสไตล์ลิ่งดีไซน์เนอร์เราก็มักจะขี่มอเตอร์ไซค์กันอยู่แล้ว เราก็จะตามเทรนด์ต่าง ๆ ของมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกตลอดเวลาว่าแต่ละโซนกำลังนิยมรถแบบไหนกัน จนพบว่าปัจจุบันเทรนด์ต่าง ๆ เชื่อมต่อถึงกันหมดอย่างช่วงนี้ยุโรปจะชอบรถวินเทจ เราลองไปดูอเมริกาหรือญี่ปุ่นเทรนด์รถวินเทจก็กำลังมาเช่นกัน เราเลยคิดว่าเทรนด์คาเฟ่ต้องมาแน่ ๆ ในไทยเองการแต่งรถแนวคาเฟ่ก็เริ่มเป็นที่นิยมเราก็เลยเลือกทำรถคอนเซ็ปต์นี้ขึ้นมา’

เห็นบอกว่าแนววินเทจกำลังมาทำไมถึงเลือกใส่ความโมเดิร์นเข้าไปในงานออกแบบ

‘ถ้ามองกันจริง ๆ ยุคนี้จะมีพวกมิกซ์แอนแมทช์ อย่างสไตล์ลอฟท์ที่เอาปูนเปลือยเก่า ๆ มาใช้กับการปิดผิวไม้แบบสมัยใหม่กับกระจกเปลือยขอบอะไรแบบนี้ มันก็เป็นเทรนด์ที่กำลังมา เราก็เลยรู้สึกว่าถ้าจะออกแบบรถที่มันดูคาเฟ่ไปเลย อาจจะดูโบราณไปคนอาจจะรับไม่ได้ เพราะจากรีเสิร์ชที่ได้มาผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังติดกับกลิ่นอายสปอร์ตอยู่

เราก็เลยรู้สึกว่าความสปอร์ตเนี่ยเราจะใส่ไปในเทคโนโลยีแทน อย่างคาเฟ่แบบเก่าจะเป็นดรัมพ์เบรก เราก็ใส่ดิสเบรกและคาลิปเปอร์ไปเลย โช้คอัพปกติที่จะใส่กันเล็ก ๆ เราก็ใส่โช๊คอัพไซด์ดาวน์ใหญ่ ๆ เข้าไป ก็จะเห็นได้ว่าด้านเทคโนโลยีหรือเอ็นจิเนียริ่งนั้นสำคัญและจำเป็นสำหรับผู้ใช้ แต่ว่าดีไซน์เราจะออกแบบให้เมื่อเห็นแล้วยังสามารถนึกถึงอดีตในรูปแบบคาเฟ่เรเซอร์

ถ้าถามว่ามันเป็นคาเฟ่เรเซอร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม ก็จะไม่ใช่ขนาดนั้น คือดูจากเอาท์ไลน์ของมันจะดูเป็นไฟกลมคาเฟ่ใช่ไหมครับ แต่พอเรามองลึกลงไปที่รายละเอียดมันก็จะเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยี มันคือการผสมผสานมิกซ์แอนแมทช์ นี่ก็คือไอเดียโมเดิร์นคาเฟ่ที่ทำให้เกิดมาเป็นรถรุ่น Honda CB150R ครับ’

พูดได้ไหมว่า Honda CB150R เป็นดีไซน์ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

‘จริง ๆ ถ้าพูดถึงคนที่ซื้อรถแล้วนำไปดัดแปลงทำต่อมันน่าจะมีการทำแนวนี้ออกมาบ้างแล้วครับ แต่รถที่ออกแบบดีไซน์สำหรับออกขายเลยน่าจะยังไม่มี คือตอนออกแบบเราคิดแค่ว่าอยากให้คนไทยได้ขี่รถที่เขาอาจจะไม่เคยสัมผัสมาก่อน ให้เขาได้ลองขับขี่อะไรที่แปลกใหม่ไปกว่ามอเตอร์ไซค์ในรูปแบบเดิม ๆ แค่นั้นครับ’

พอมีการเปิดตัวรถรุ่นนี้แล้วผลตอบรับดีมากในเรื่องดีไซน์ความสวยงามและเทคโนโลยีที่ใส่มาในตัวรถรู้สึกอย่างไรบ้าง

‘ดีใจมากเลยครับ อยากเข้าไปคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กว่า สวัสดีครับผมเป็นคนออกแบบเองครับ แต่ทำไม่ได้ (หัวเราะ) ก็อยากขอบคุณจริง ๆ ครับ’

ตอนออกแบบรถมอเตอร์ไซค์เคยคิดไหมว่า ทุกวันนี้คนจำนวนมากมองว่ามอเตอร์ไซค์ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ เป็นเหมือนเครื่องแต่งกายชิ้นหนึ่งที่สามารถบ่งบอกความเป็นตัวเองได้

‘คิดครับ เราเลยคอยติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาเพื่อนำมาปรับใช้ในการออกแบบ ให้เหมาะกับเทรนด์และไลฟ์สไตล์ของคนในช่วงนั้น’

ถ้าให้เปรียบเทียบ Honda CB150R เป็นเสื้อผ้าคุณคิดว่าจะเป็นสไตล์ไหน

‘ผมว่าน่าจะเป็นสตรีทแวร์ คืออาจจะไม่วินเทจจ๋า แต่จะเป็นอารมณ์แบบสปอร์ตวินเทจแบบ Stussy ประมาณนี้ครับ’

เคยมีแนวคิดจะนำมอเตอร์ไซค์ไปคอลแลปส์กับแบรนด์อื่นๆ ไหม

‘คิดครับ (ตอบเร็วมาก) คืออันนี้เหมือนเป็นแพชชั่นเลยครับ คืออยากมีโอกาสได้ร่วมงานกับ Nike, converse, G-Shock อะไรแบบนี้ หวังว่าในอนาคตจะได้ทำอะไรแบบนี้บ้างครับ’

สุดท้ายอยากให้ฝากถึงคนรุ่นใหม่ที่สนใจอยากเป็นนักออกแบบรถมอเตอร์ไซค์หน่อยครับ

‘ก่อนที่จะฝากอยากขอบคุณก่อนนะครับ ขอบคุณที่กลุ่มผู้ใช้ที่เปิดรับกับสิ่งที่คนไทยด้วยกันสร้างขึ้นมาครับ ขอบคุณมากจริง ๆ ส่วนที่จะฝากอยากฝากถึงดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ ๆ นะครับไม่ว่าจะออกแบบอะไร อยากให้ฝึกฝนเยอะ ๆ

ผมเคยผ่านช่วงที่ดูรูปสเก็ตช์ในอินเทอร์เน็ตแล้วรู้สึกว่า โอ้โห อลังการจังเลย เราคงทำไม่ได้แน่ ๆ แต่ปัจจุบัน พอฝึกฝนและทำงานมาเรื่อย ๆ ก็รู้สึกว่างานที่เราทำกับงานที่เราเคยเห็นว่ามันยากคุณภาพมันไม่ต่างกันเลย ไม่แน่ของเราอาจจะดีกว่าด้วย ก็อยากบอกน้อง ๆ ว่าถ้าเห็นรูปดีไซน์สวย ๆ หรือดูยาก ๆ ในอินเทอร์เน็ตอย่าเพิ่งไปกลัวครับ ถ้าฝึกฝนเยอะ ๆ เนี่ยเราทำได้ดีกว่าแน่นอน’

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line