เราอาจชื่นชอบการฟังเพลงจากวงโปรดจนฟังครบทั้งอัลบั้มวนแล้ววนอีก นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่ พอลองฟังวงใหม่ ๆ มันก็ช่างไม่ถูกใจเอาซะเลย อย่างที่เราเคยแนะนำไว้ใน B SIDE SONG 101 : งัดวิชาค้นหาเพลงในหลืบหน้า B ที่ไม่ดัง แต่ฟังแล้วโคตรโดน ดังนั้นจึงต้องพึ่งวิธีที่จะช่วยให้เราได้เพลงใหม่ในกลิ่นอายเก่า ๆ ด้วยการหาวง SIDE PROJECT มาฟังดูบ้าง วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 วง SIDE PROJECT จากวงดังที่คุ้นเคยให้ได้ฟังกันแบบยาว ๆ Stone Sour Corey Taylor จาก Slipknot จริง ๆ Corey เนี่ย อยู่กับ Stone Sour มาก่อน ตั้งแต่ปี 1992 แล้วเพิ่งมาจอยกับ Slipknot ในอีกไม่กี่ปีต่อมา ซึ่งแนวเพลงไม่ได้หนีจากกันมากนัก แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเสียงของ Corey ที่หลายคนช่ืนชอบในความแข็งแรงของพลังเสียง ซึ่งทั้งสองวงยังคงมีผลงานออกมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน แม้ว่า Slipknot จะได้รับความนิยมมากกว่า ชนิดที่ว่าแม้จะไม่ได้ฟังเพลงหนัก ๆ
คงแว่วเข้าหูกันบ้างแล้วเรื่องเฟซบุ๊กโดนเอาใจออกห่างแล้วเมื่อมีข่าวคราวข้อมูลหลุดให้ว่อน ความ privacy เหลือศูนย์ ทำให้คนดังหลายกลุ่มและเหล่าแบรนด์ออกมาแสดงเจตจำนงว่า “ลากันที” ซึ่งล่าสุดคือพี่ชายหูกระต่ายอย่าง playboy ด้วยการลบ account ของเฟซบุ๊กของตัวเองที่มีคนติดตามมหาศาลถึง 25 ล้านคน พร้อมติดแฮชแท็กประกาศรัว ๆ ว่า #deletefacebook แต่อันที่จริงแล้วลบไปข้อมูลในอากาศของเราก็ใช่ว่าจะหายไปจากโลกออนไลน์เสียเมื่อไร Kevin Matthew หนึ่งในนักพัฒนาระบบเลยออกมาพูดในมุมของตัวเองในฐานะผู้ดูแลระบบว่า ความจริงไม่ว่าเราจะลบ account ไปยังไงมันก็ไม่ช่วยให้ข้อมูลเหล่านั้นของเราหายไปอย่างถาวร สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการป้ายยาข้อมูลที่เคยโพสต์เหล่านั้นไม่ให้มันอ่านออกหรือเอากลับมาใช้งานได้ง่าย ๆ เขาเลยลงทุนแจกสคริปต์และวิธีการใช้มาเผยแพร่ในโลกสาธารณะ เอาไว้ให้ตอบโจทย์ใครที่อยากจะเข้าแคมเปญนี้ หรือคนที่คิดว่าอยากจะลบบ้างไม่อยากใช้แล้วจะได้ลองเอาไปใช้กัน ตัวสคริปต์ที่ Matthew เขียนนั้นเขียนขึ้นจาก CasperJS การประมวลผลของมันแม้จะป่วนข้อมูลในระบบได้ แต่ตัว Matthew ก็ยังกำชับซ้ำว่า หนเดียวมันง่ายไป ขอสัก 5 หนก็น่าจะดีกว่า ปลอดภัยสูง โดยทำอย่างนี้สักประมาณ 3 เดือนข้อมูลเดิมที่เคยมีก็โดนขัดออกเสียเอี่ยมอ่อง ไม่ว่าใครก็อ่านไม่ออก และเอาชนะระบบ back up ของเฟซบุ๊กได้อย่างอยู่หมัดด้วย ดังนั้นถ้าคุณไม่ใจแข็งจริง อย่าไปลองทำเด็ดขาด เพราะทำไปแล้วมันจะเอากลับคืนมาไม่ได้นะเออ! ส่วนที่สำคัญที่สุดคือเป้าหมายที่แท้จริงของ Mathew ในครั้งนี้ที่ไม่ได้มีเป้าหมายอยากสร้างสคริปต์ไว้ป่วนหรือคาดหวังผลกระทบวงกว้างในหมู่ผู้ใช้เฟซบุ๊กแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ใครที่ไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของเรื่อง Technology อย่างจริงจัง อาจจะไม่รู้ว่า Honda นั้น นอกจากการมุ่งผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพสูง ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้พวกเราในชีวิตประจำวัน พร้อมกับดูแลธรรมชาติรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างไม่หยุดยั้ง จากงาน Motor Show ที่ผ่านมา น่าจะทำให้ทุกคนได้เห็นและสัมผัสเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เน้นการเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของมนุษย์มากขึ้น และเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรกับธรรมชาติมากขึ้น สิ่งที่ Honda เลือกมานำเสนอนั้น ทำให้เราเห็นทิศทางอนาคตที่ Honda มุ่งไปอย่างชัดเจน นอกจากความ Sporty ซึ่งเป็น DNA ของ Honda อย่างไม่ต้องสงสัย ดูได้จากเทคโนโลยีในรถยนต์หลาย ๆ รุ่น การรีดพลังที่ให้สมรรถนะเกินตัวจากเครื่องยนต์ตระกูล i-VTEC มาจนถึง VTEC Turbo ที่คนทั่วโลกยอมรับถึงเรี่ยวแรงมหาศาล พร้อมเทคโนโลยีประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์บล็อคเดียวกันในตลาด และยังควบคุมการปล่อยไอเสียให้ต่ำกว่าระดับมาตรฐาน เป็นการขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้าได้อย่างมีสีสัน ลบภาพที่เคยถูกจำกัดว่า ความสปอร์ต ความปลอดภัย กับความประหยัดพร้อมลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่สามารถพัฒนาไปพร้อมกันได้ เพราะ Honda พิสูจน์แล้วว่า Passion ทำให้สร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้พร้อมกันได้จริง ในขณะเดียวกัน เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับอีกด้านของ Honda ที่ทุ่มเทใช้
สำหรับมนุษย์ทำงานอย่างเรา ๆ คงมีบ่อยครั้งที่ต้องเผชิญปัญหามีอาการง่วงนอนระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาเช้า สาย บ่าย ก็ตาม ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากการพักผ่อนน้อย เวลานอนไม่เพียงพอตามร่างกายต้องการ ซึ่งจากการนอนไม่หลับ อาการนอนไม่หลับ มีต้นต่อมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด การกินอาหาร และพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่าง ๆ ซึ่งอาจมีผลกระทบในด้านลบให้กับสภาพร่างกายและจิตใจได้ในระยะยาวได้ สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับอาการนอนหลับยากเช่นนี้อยู่ละก็ มีวิธีหลับได้ภายใน 2 นาที โดยถูกคิดค้นจากทหารอากาศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ลองไปดูเคล็ดลับนี้กัน ทำยังไงถึงจะหลับได้ภายใน 2 นาที ปี 1937 สองปีก่อนสหรัฐอเมริกาจะตัดสินใจเข้าร่วมสงครามโลกครั้ง 2 กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาทราบดีว่าพวกเขายังมีอีกหนึ่งปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกคือ การนอนและพักผ่อนคลายไม่เพียงพอของนักบิน จากการสะสมความกดดันและความเครียดมหาศาลที่พวกเขาต้องพบเจอในเวลาขึ้นบิน ทำให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดพลาดในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้ มีความพยายามในการระงับความเสี่ยงดังกล่าว โดยทางกองทัพจึงได้ทำการวิจัยและทดสอบทางวิทยาศาสตร์ สำหรับหลักสูตรการผ่อนคลายของทหารในช่วงสงครามขึ้น โดยมีทีมงานเกี่ยวกับการโค้ชอเมริกันฟุตบอล ผู้เคยทำโครงการร่วมกับศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา ที่เคยคิดค้นเทคนิคเพื่อช่วยให้นักกีฬาพักผ่อนและทำงานได้ดีขึ้นภายใต้ความเครียดจากการแข่งขันมาร่วมด้วย สถานที่คือ โรงเรียนเตรียมทหาร Del Monte ใน California เป้าหมายของโครงการคือ ฝึกให้นักบินต่อสู้ สามารถผ่อนคลายตัวเองและหลับได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ว่าจะตอนกลางวันหรือกลางคืนภายใต้เหตุการณ์สมมติต่าง ๆ โดยมีสองปัจจัยหลักที่ช่วยให้สำเร็จได้คือ คอร์สผ่อนคลายตามร่างกาย และคอร์สผ่อนคลายทางจิตใจ
ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ชายที่เหงา หว่อง โดดเดี่ยวมาจากขั้วหัวใจอย่างแท้จริง หรือเป็นผู้ชายสายเฮฮาปาร์ตี้แต่อยากอินกับอารมณ์เหงา หรือจะเป็นสายแซะที่ชอบแซะคนเหงาวอนนาบีเป็นชีวิตจิตใจ UNLOCKMEN ก็อยากแนะนำว่าหนังสือของ Haruki Murakami นักเขียนญี่ปุ่นขวัญใจชาวเหงาชาวหว่องเหมาะกับคุณเป็นอย่างยิ่ง! คุณจะได้เข้าถึงความเหงาแบบที่คุณชอบ หรือคุณจะได้เข้าใจคนเหงา (ในกรณีที่คุณเป็นคนไม่เหงา) หรือยิ่งเป็นสายแซะการเข้าใจคนที่คุณจะแซะให้ถ่องแท้ก็เป็นคุณสมบติของนักแซะที่ดีที่คุณพึงมี (จะได้แซะให้ถึงแก่นยิ่งขึ้น) มา เราอาสาแนะนำ 5 เล่มของ Haruki Murakami หรือเฮียมู ให้ผู้ชายอย่างคุณได้เลือกอ่านกัน Norwegian Wood : ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย เล่มนี้เป็นเล่มที่ได้ชื่อว่าแมสสุดในบรรดาหนังสือของเฮียมู อ่านไม่ยาก เข้าถึงไม่ยาก แต่ดีกรีความเหงาความหว่องมาเต็มล้นทะลัก ใครที่เป็นคนเหงาจะได้เข้าถึงความเคว้งคว้างสุดฤทธิ์ชนิดที่ว่าร้องไห้ยังร้องไม่ออก ส่วนใครไม่ชินกับความเหงาอาจจะร้องโห! คนอะไรชีวิตมันจะหว่องได้ขนาดนี้วะ? ส่วนสายแซะก็คงแซะกันมัน เรื่องนี้ว่าด้วยความรัก ความตาย (ตามชื่อเรื่องที่แท้จริง) แต่เราบอกเลยว่าเป็นอีกเรื่องที่งดงามตรึงใจ อ่านจบแล้วก็ยังลืมไม่ลงได้ง่าย ๆ จริง ๆ South of the Border, West of the Sun : การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก
ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความฮือฮาได้มากทีเดียวสำหรับ ‘Ready Player One’ ภาพยนตร์แนว Action/Adventure/Sci-Fi ผลงานล่าสุดของผู้กำกับล้ำจินตนาการ เจ้าของฉายาพ่อมดแห่งฮอลลีวูดอย่าง Steven Spielberg ที่สร้างจากนวนิยายชื่อดังของ Ernest Cline ซึ่งฮิตมาตั้งแต่ปี 2011 โดยเหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2045 ช่วงที่โลกเต็มไปด้วยความวุ่นวายและการล่มสลาย แต่ผู้คนพบทางรอดชีวิตที่ THE OASIS จักรวาลเสมือนจริงที่เราสามารถไปที่ไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ เป็นใครก็ได้ สร้างขึ้นโดย James Halliday (Mark Rylance) ซึ่งเมื่อเขาเสียชีวิตลง ก็ได้ทิ้งทรัพย์สมบัติมหาศาลและอำนาจในการควบคุม THE OASIS ทั้งหมดให้กับคนแรกที่ได้กุญแจทั้ง 3 ดอก เพื่อเปิดประตูสู่ไข่อีสเตอร์ดิจิทัลที่เขาซ่อนไว้ในสถานที่หนึ่ง ทำให้เกิดเกมการแข่งขันทั่วโลก แต่เวลาผ่านไป 5 ปี สกอร์บอร์ดกลับยังว่างเปล่า จนกระทั่งฮีโร่หนุ่มม้ามืดอย่าง Wade Watts (Tye Sheridan) ในร่างอวตารที่ใช้ชื่อว่า Parzival เอาชนะการแข่งขันได้เป็นคนแรก จากนั้นเรื่องราวก็ดำเนินไปแบบโคตรสนุกถูกใจใครหลายคน นอกจากตัวหนังแล้ว สิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ เพลงในหนังที่ยอดเยี่ยม ทั้งธีมประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ประพันธ์โดย Alan Silvestri รวมถึงเพลงประกอบภาพยนตร์อีกหลายเพลงในเรื่องนี้ก็เท่มาก ๆ โดยแต่ละเพลงได้รับการคัดเลือกโดย Spielberg เอง ร่วมกับ Zak Penn ผู้ร่วมเขียนบท ซึ่งแม้ว่าฉากในหนังจะเป็นปี
การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ต้องตื่นมาส่องกระจกแล้วพบว่าผมของตัวเองในปัจจุบันไม่ใช่ทรงในอุดมคติอีกต่อไป ทั้งยาวกระเซิง แทงหูทิ่มตา จนเกิดความคิดว่าคงถึงเวลาต้องหั่นออกให้เรียบร้อยเสียหน่อย แต่ความน่ากลัวที่ผู้ชายมักจะต้องเจออยู่เป็นประจำก็คือ การเสี่ยงดวงในร้านตัดผม เพราะเราเองยังจดจำครั้งล่าสุดที่เข้าร้านตัดผมได้ว่า เมื่อบอกให้ช่างตัดทรง Undercut แบบพี่หมื่นเรืองไป แต่เมื่อเสร็จกลับพบว่าทรงที่ได้มาเหมือนกับทหารพึ่งปลดประจำการมาไม่มีผิดเพี้ยน แล้วจะโทษใครได้ล่ะทีนี้ ตัวเราเองหรือช่างตัดผม ? ถ้าไม่อยากให้ความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นอีกล่ะก็วันนี้ UNLOCKMEN มี 5 ศิลปะการเข้าร้านตัดผมมาฝาก ให้คุณไม่ต้องพลาดได้ผมผิดทรงกลับบ้านอีกต่อไป 1. หารูปตัวอย่างให้เหมาะสม การนำรูปทรงผมไปให้ช่าง จะช่วยคุณได้มากทีเดียว ควรเก็บข้อมูลก่อนจะออกไปร้าน เพราะเราจะมีเวลาเลือกอย่างไม่ต้องเร่งรีบ ค้นหาภาพจากโทรศัพท์หรือนิตยสาร โดยเลือกจากแบบที่มีรูปหน้าและชนิดของผมคล้ายกับเรามากที่สุด อย่าทึกทักไปเองว่านี้แหละใช่ และเมื่อขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้เพื่อเตรียมตัดก็ใช้ภาพชี้จุดให้ช่างดูอย่างชัดเจนว่าคุณต้องการตัดแต่ละส่วนออกแค่ไหน บอกช้า ๆ ไม่ต้องกลัวช่างจะอารมณ์เสียกับความเรื่องมาก เพราะทุกวันนี้การใส่ใจในเรื่องที่ทำให้ตัวเองดูดีเป็นสิ่งที่ทุกคนทำกัน 2. เน้นย้ำกับสิ่งที่คุณต้องการเป็นพิเศษ ถ้าคุณต้องมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างตัดผม ให้เน้นจุดบอกไปเลย เพราะบางทีช่างก็อ่านใจเราไม่ออก ตัวอย่างเช่น ผมข้างบนเอาออกนิดเดียว ส่วนนี้ก็ต้องขยายความคำว่านิดเดียว ว่าจะให้ตัดออกตรง ซอยให้บางลง หรือแค่เก็บส่วนชี้ฟู ถ้าคิดว่าร้านที่เข้าช่างรู้จักศัพท์เฉพาะ เช่น Fade ( ไถ่ไล่ระดับผมจากบางไปหนา )
ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ล้วนต้องปิดบังความรู้สึกเรื่องใต้สะดือเอาไว้ เพราะมันเป็นค่านิยมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานว่าผู้หญิงต้องรู้จักสำรวจกริยานั้นมันทำให้พวกเธอบางคนอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก มีงานวิจัยตั้งคำถาม เกี่ยวกับเรื่องของความต้องการทางเพศที่จิตนาการอยากให้เกิด โดยถามถึงคู่ชาย หญิง เอามาแบ่งปันเรื่องลับ ๆ อยากให้รู้ ซึ่งแน่นอนมีหัวข้อแปลกและคาดไม่ถึง ดังนั้นชาว UNLOCKMEN มาพิสูจน์เรื่องราวที่คุณผู้ชายเองก็อยากรู้ความลับๆ ของผู้หญิงที่อาจจะไม่ได้เรียบร้อยอย่างที่คิด และบางครั้งก็ต้องการอะไรที่ดิบเถื่อนเกี่ยวกับเรื่องใต้สะดือบ้างเพื่อเป็นสีสันให้กับชีวิต ภาษาดิบเถื่อน การพูดจาให้หวานหูใคร ๆ ก็อยากฟัง นี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราถูกสอนจากผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก จนเผลออาจเชื่อไปเลยว่า เวลาที่เราอยากได้หรือต้องการอะไร ควรพูดจาเพราะ ๆ แล้วผลลัพธ์มันจะออกมาดี แต่เราแนะนำให้คุณลืมมันไปเลยสำหรับเรื่อง Sex เพราะผู้หญิง 81 % บอกว่าเธอต้องการคำทะลึ่ง สกปรก หยาบคาย ในช่วงเวลาอันแสนสุขนั้น “อย่าลืมว่าสมองเป็นอวัยวะที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ” เพราะเป็นวิธีกระตุ้นความต้องการดิบเถื่อน ส่วนลึกได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การบอกสิ่งที่คุณรู้สึกออกไป ยังทำให้ปลดปล่อยมากขึ้นอีกด้วย เรื่องแบบนี้ลองสังเกตคู่ขาของคุณบ่อย ๆ ว่าเธอมีผลตอบรับยังไงบ้าง เวลาที่พูดจา Dirty Talk ระหว่างประกอบกิจกรรม แต่ทีมงาน UNLOCKMEN ก็อยากจะเตือนว่าผู้หญิงบางคนอาจจะไม่ชอบสไตล์นี้ก็ได้ ดังนั้นต้องระวังให้ดี อาจต้องมีการเปิดใจไถ่ถามถึงรสนิยมกันก่อน ไปดู Sex Show หรือ
หลังจากที่ศาลรัฐนิวยอร์กได้ทำการตัดสินว่า Jerry Workoff นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ต้องจ่ายเงินชดเชยให้แก่ศิลปินเจ้าของผลงานสตรีทอาร์ต 5Pointz ฐานทำลายศิลปะที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายกลางสหรัฐอเมริกา Eric baum ทนายความของเหล่ากราฟิตี้กล่าวว่า “การตัดสินของศาลครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ชัยชนะของศิลปินในกรณีนี้เท่านั้น แต่มันเป็นชัยชนะของเหล่าศิลปินกราฟิตี้ทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา” จุดเริ่มต้นของ 5 Pointz 5 Pointz aerosol art center หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า 5 point เป็นพื้นที่จัดแสดงและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะกลางแจ้งขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนถนน Davis Street ย่าน Queen มหานคร New York เดิมมันเป็นของ Jerry Workoff แต่ตอนนั้นตัวเขายังไม่มีแผนพัฒนาแต่อย่างใดเลยปล่อยให้เป็นพื้นที่สำหรับเช่าทั่วไปจนเมื่อปี 1990 มีกลุ่มศิลปินกราฟิตี้มาขอเช่าภายนอกของตัวอาคาร เพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ แนว สตรีท หลากหลายรูปมากกว่า 200 ชีวิต ที่เป็นกราฟิตี้ชื่อดังจากประเทศต่าง ๆ เช่น เนเธอร์แลนด์ , ญี่ปุ่น , บราซิล เดินทางมาเพื่อฝากผลงานของพวกเขา ไว้ ณ