FASHION

TOM FORD ไม่ใช่แค่ชื่อแบรนด์เนม แต่เขาคือชายที่เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์แฟชั่น และงานศิลปะแห่งศตวรรษนี้

By: NTman May 18, 2018

เมื่อเอ่ยถึง Tom Ford หลายคนอาจรู้จักในฐานะของชื่อแบรนด์ไฮแฟชั่นสุดหรู แต่ถ้าเป็นคอแฟชั่นสายลึกคงรู้ซึ้งถึงกิตติศัพท์ความเก๋าของชายที่ชื่อว่า Tom Ford คนนี้เป็นอย่างดี กับการเป็นดีไซเนอร์มากฝีมือผู้เข้ามากอบกู้ Gucci แบรนด์ดังจากอิตาลีที่กำลังอยู่ในสภาพร่อแร่ใกล้ล้มละลายให้กลับมาเป็นหนึ่งในแบรนด์มหาอำนาจทางแฟชั่นในปัจจุบัน ก่อนที่จะแยกตัวออกมาปลุกปั้นแบรนด์ Tom Ford ของตัวเองให้ผงาดขึ้นมาฉายแสงในยุทธจักรแฟชั่น ไม่ต่างจากที่เคยฝากฝีไม้ลายมือในการพลิกฟื้นแบรนด์ Gucci มาก่อน

นอกจากนี้ Tom Ford ยังไม่ได้หยุดความสามารถในการสร้างสรรค์ของเขาเอาไว้แค่การเป็นดีไซเนอร์เท่านั้น แต่เขายังก้าวข้ามจากวงการแฟชั่นมาสู่เส้นทางของแผ่นฟิล์ม และแค่ผลงานการกำกับภาพยนตร์ชิ้นแรกของเขาก็ได้ส่งให้นักแสดงนำชายในเรื่องถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้ว ซึ่งการที่ใครหลายคนยกให้ Tom Ford เป็นอีกหนึ่งในศิลปินที่ประสบความสำเร็จในศตวรรษนี้ก็คงจะไม่เป็นคำกล่าวที่เกินไปนัก

Tom Ford ในวัยเด็ก (ซ้ายมือ)

ด้วยพลังสร้างสรรค์อันโดดเด่นของเขา ที่เราเชื่อว่าจะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคนได้เป็นอย่างดี เราจึงอยากนำชาว UNLOCKMEN ทุกท่านไปรู้จักกับเขาให้มากกว่านี้ ย้อนไปตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม ปี 1961 ซึ่งเป็นวันที่ Thomas Carlyle Ford หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Tom Ford ได้ถือกำเนิดขึ้นมาที่ รัฐ Texas โดยเขาได้เล่าถึงความสนใจในเรื่องของศิลปะ การออกแบบ และงานดีไซน์ ที่มีมาตั้งแต่วัยเด็กว่า

“อย่าเพิ่งคิดภาพผมในวัย 5 ขวบกำลังนั่งร่างแบบเสื้อผ้าเวลาที่พ่อแม่ไม่อยู่หรืออะไรแบบนั้น แต่ในทุกครั้งที่พวกเขาไม่อยู่บ้าน ผมนี่แหละจะทำหน้าที่จัดวางเฟอร์นิเจอร์ในห้องนั่งเล่นเสียใหม่ เมื่อพ่อแม่กลับมาจากทำงาน หรือกลับจากดินเนอร์ก็จะได้พบกับห้องนั่งเล่นเวอร์ชันใหม่จากผมเสมอ”

ด้วยพรสวรรค์ด้านการออกแบบที่ฉายแววให้เห็นตั้งแต่เด็ก ทำให้เมื่อเขาสนใจที่จะเข้าคลาสเรียนศิลปะ ครอบครัวก็พร้อมที่จะสนับสนุนเด็กชาย Tom Ford คนนี้มาโดยตลอด

หลังจบไฮสคูลเขาได้เข้าเรียนทางด้านสถาปัตยกรรมที่ Parson’s School of Design ก่อนที่จะย้ายไป Campus ไปยัง Paris ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงปีสุดท้ายของการเรียน ซึ่งที่ฝรั่งเศสถือเป็นประเทศที่ปลุกความสนใจเรื่องราวของแฟชั่นในตัวเขา จนทำให้ Tom Ford ตัดสินใจทุ่มเทให้กับงานด้านแฟชั่นอย่างจริงจัง กลายเป็นคนเท่ ๆ ที่แม้จะเรียนจนจบปริญญาด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ในปี 1985 แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะชัดเจนในแนวทางที่เป็นตัวเอง ด้วยการเบนเข็มชีวิตเข้าสู่วงการแฟชั่นอย่างเต็มตัว

เมื่อเรียนจบเขาก็ได้เริ่มต้นชีวิตบนถนนสายแฟชั่นอย่างจริงจัง ด้วยการเหินฟ้าสู่เมือง Milan ประเทศอิตาลีในปี 1990 เพื่อร่วมงานกับแบรนด์ Gucci ก่อนที่ความสามารถอันโดดเด่นที่มีจะผลักดันเขาขึ้นสู่ตำแหน่ง Creative Director ในปี 1994 ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูการออกแบบแทบทุก Product Line ของ Gucci รวมไปถึงการดูแลภาพลักษณ์ของแบรนด์, แคมเปญโฆษณา และการออกแบบ Gucci Store ก็อยู่ภายใต้การดูแลของเขา

Tom Ford’s Last Fashion Show for Gucci

โดย Tom Ford ได้พลิกโฉมภาพลักษณ์ของแบรนด์ Gucci เสียใหม่ จากแบรนด์ที่เน้นความเรียบง่าย ไปสู่การนำเสนอสไตล์ความคลาสสิกแบบย้อนยุค และชูความโดดเด่นในเรื่องของ Sex Appeal ทำให้ Gucci กลับมายิ่งใหญ่ในวงการแฟชั่นอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจโบกมือลาทั้งที่ยังประสบความสำเร็จ และถึงแม้เขาจะจากไป แต่สิ่งที่ Tom Ford ได้ทิ้งไว้ให้กับ Gucci นั้นถือได้ว่าเป็นอีกตำนานแห่งวงการแฟชั่น กับการพลิกฟื้นวิกฤติของแบรนด์ Gucci ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด จากเดิมที่ทำรายได้ 230 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 1994 เพิ่มเป็น 3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2003

และผู้ชายคนนี้ก็ยังไม่หยุดสร้างตำนานความสำเร็จบนเส้นทางสายแฟชั่น ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวตนของเขาอย่างแท้จริง เพราะแค่ดูจากชื่อแบรนด์ TOM FORD ก็คงจะไม่มีใครกล้าเถียงแน่นอน ซึ่งการปลุกปั้นแบรนด์ใหม่ขึ้นมาในวงการแฟชั่นอาจดูไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ Tom Ford ชายผู้มีความสามารถ และรางวัลด้านแฟชั่นที่การันตีความเป็นตัวจริงของเขาได้เป็นอย่างดี อาทิ การกวาดรางวัลจาก Council of Fashion Designers of America (CFDA) มาแล้วถึง 7 สมัย รวมถึงรางวัลอื่น ๆ อีกมากมายหลายสิบรางวัล

ซึ่งการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ภายใต้แบรนด์ TOM FORD นั้นเกิดขึ้นด้วยแรงผลักดันสู่การเผชิญความท้าทายครั้งใหม่ที่เต็มเปี่ยม กับความตั้งใจที่เขาเคยได้กล่าวเอาไว้ว่า “ผมต้องการสร้างสรรค์แบรนด์ที่จะกำหนดนิยามความเลิศหรูแห่งศตวรรษที่ 21 อย่างแท้จริง” และแน่นอนว่าด้วยอัจฉริยภาพทางด้านแฟชั่น และสไตล์ที่จัดจ้าน รวมถึงงานด้านวิชวลของแคมเปญโฆษณา กับคอนเซ็ปต์มันส์ ๆ กวน ๆ ที่มักจะนำเอาชาย และ หญิงในร่างเปลือยเปล่ามาโพสท่าคู่กับโปรดักส์ของแบรนด์เสมือนร่างกายมนุษย์นั้นมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสินค้าชนิดต่าง ๆ ก็ถือเป็นการสร้างภาพจำที่โดดเด่นให้กับแบรนด์ TOM FORD ได้เป็นอย่างดี

และผลงานทุกชิ้นงานภายใต้แบรนด์ของ TOM FORD ต่างก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวตนของ Tom Ford เองแบบเต็ม ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถด้าน Architecture ของ Mr. Ford ที่ได้รับการถ่ายทอดลงสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์ อาทิ ขวดน้ำหอมที่เป็นแนวริ้วในน้ำหอมกลุ่ม Signature หรือรูปทรงขวดน้ำหอมทรงหมากรุกในน้ำหอมกลุ่ม Private Blend แม้กระทั่งปรัชญาความสวยงามในแบบฉบับของ TOM FORD ก็ยังคงได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องราวของสถาปัตยกรรม ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการมีโครงหน้าที่ชัดเจนได้สมมาตร

TOM FORD Black Orchid

นับจากปี 2005 ที่แบรนด์ TOM FORD ได้ถือกำเนิดขึ้นมาจนถึงตอนนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายที่ชื่อ Tom Ford นั้นยังสามารถพิสูจน์ตัวเองบนเส้นทางสายแฟชั่นได้อีกครั้ง ด้วยการนำพาแบรนด์ TOM FORD ให้กลายเป็นที่รู้จักทั่วโลก เริ่มต้นเบิกทางด้วยแว่นตาที่เชื่อว่าผู้อ่านชาวไทยหลายคนก็น่าจะเริ่มต้นรู้จักกับแบรนด์ TOM FORD จากผลิตภัณฑ์นี้ ก่อนที่จะแตกไลน์ไปยังผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่นบุรุษ – สตรี, เครื่องสำอาง และ แอคเซสเซอรี่อื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงน้ำหอมที่ต่อยอดความสำเร็จสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ TOM FORD มากขึ้นไปอีก กับกลิ่น Black Orchid ซึ่งมีความพิเศษตรงที่ Tom Ford ได้ร่วมมือกับนักพฤกษศาสตร์ในการพัฒนาสายพันธุ์กล้วยไม้ Black Orchid ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อนำมาสร้างสรรค์เป็นน้ำหอมกลิ่น Black Orchid อันโด่งดัง และได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ซึ่งส่งผลให้ผลิตภัณฑ์น้ำหอมจาก TOM FORD นั้นมีการยอมรับจากผู้ใช้งานทั่วโลกจากนั้นเป็นต้นมา

และอย่างที่เกริ่นไว้ในตอนต้นว่าพลังการสร้างสรรค์ของ Tom Ford นั้นไม่ได้สุดยอดแค่ในด้านแฟชั่น เพราะเขายังกระโจนเข้าสู่ความท้าทายใหม่ ๆ กับศาสตร์ทางด้านศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่เขาชื่นชอบ และให้ความสนใจนั่นคือการสร้างภาพยนตร์ ซึ่งหนังเรื่องแรกอย่าง “A Single Man” ที่เขาลงมือเป็นโปรดิวเซอร์, เขียนบท และกำกับ ในปี 2009 นั้นส่งให้ดารานำชายอย่าง Colin Firth ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และสำหรับ “Nocturnal Animals” หนังเรื่องที่สองของ Tom Ford ก็ได้รับรางวัล Grand Jury prize จาก Venice Film Festival ในปี 2016 รวมถึงรางวัลลูกโลกทองคำ และเป็นอีกครั้งที่หนังของเขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะทางด้านศิลปะของผู้ชายที่ชื่อว่า Tom Ford คนนี้

 

NTman
WRITER: NTman
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line