Entertainment

ความเจ็บปวดของป๊อปสตาร์ ROBBIE WILLIAMS เผย กว่า 3 ปีที่ต้องต่อสู้กับ ‘โรคกลัวชุมชน’

By: Synthkid July 16, 2019

Robbie Williams จัดว่าเป็นป๊อปสตาร์แถวหน้าของโลก เขาคือหนึ่งในสมาชิก Take That วงบอยแบนด์ที่เฟื่องฟูอันดับต้น ๆ แห่งยุค 90 อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยว มีสตูดิโออัลบั้มเป็นของตัวเองมากถึง 11 อัลบั้ม และเป็นเจ้าของเพลงฮิตมากมายทั้ง Feel, Angel, Millenium รวมไปถึง Better Man ที่โด่งดังในบ้านเราพอสมควร (น่าจะเป็นผลพวงจากการเปิดบ่อยในคลื่นวิทยุยุค 2000)

credit: https://www.facebook.com/robbiewilliamsRobbie Williams

จากอุปนิสัยกวนโอ๊ย พูดตรง ไม่ยอมใคร กับวีรกรรมแสบยาวเป็นหางว่าว โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ต้องจดจำไปแสนนานในปี 2018 ที่เขาไปชูนิ้วกลางใส่กล้องตอนขึ้นแสดงพิธีเปิดฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตไปอย่างสาหัส แม้การกระทำจะดูคล้ายไม่แคร์ผู้คนหรือโลกใบนี้ แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังความป่วนกับการเป็นตัวแสบของวงการ  เขาต้องทนทุกข์กับโรค Agoraphobia หรือที่เรียกอีกอย่างว่า ‘โรคกลัวชุมชน’ มาเป็นเวลากว่า 3 ปี

Robbie Williams ได้ให้สัมภาษณ์กับทางนิตยสาร The Sun ครั้งล่าสุดว่าเขาเคยมีอาการ Agoraphobia หรือ ‘โรคกลัวชุมชน’ (โรควิตกกังวลขั้นรุนแรงชนิดหนึ่ง มักจะรู้สึกไม่สบายหรือไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ โดยเฉพาะในที่ที่เต็มไปด้วยผู้คน) ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงปี ค.ศ. 2006 – 2009 ทำให้เขาปฏิเสธข้อเสนอมูลค่ากว่า 15 ล้านปอนด์ จากการถูกเชิญไปเป็นโฮสต์รายการ American Idol แทน Simon Cowell จากเหตุผลที่ว่า ‘ไม่สามารถลุกจากโซฟาตัวเองได้’

แน่นอนว่าอาการ Agoraphobia นี้ส่งผลกระทบต่ออาชีพศิลปินของเขาอย่างจัง แต่ระหว่างที่ต้องต่อสู้กับอาการ เขาเผยว่าการฟังเพลง ‘Human’ ของวง The Killers ช่วยเยียวยาสภาพจิตใจเขาไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ผมจำได้ว่าตอนนั้นเปิดเพลง The Killers ฟัง แล้วจู่ ๆ ก็คิดได้ว่า เฮ้ย! ผมต้องใส่เกียร์หน้าแล้วว่ะ ทำอัลบั้มให้เสร็จและออกทัวร์ซะ!”

สุดท้าย Robbie จึงตัดสินใจกลับมาทำงานเพลงในปี 2009 เขาปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 ปี บนเวที The X Factor เพื่อโปรโมตอัลบั้ม แต่กลับไม่พอใจการแสดงของตัวเองในวันนั้นเพราะรู้สึกว่าตัวเองขาดความเป็นธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลับมาเรียนรู้วิธีแสดงบนเวทีใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นและได้ตัดสินใจกลับมา Reunion กับวง Take That ซึ่งสมาชิกคนอื่นในวงก็ได้ให้การช่วยเหลือ และกลายเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการฟื้นตัวของ Robbie ในที่สุด

คลิปการแสดงเพลง Bodies ในรายการ X Factor ปี 2009 

“กระบวนการนี้มันไม่ง่ายเลยครับ เหมือนคนถูกรถชนแล้วต้องหัดใช้ขาเดินใหม่ ถ้าไม่ใช่เพราะ Take That และการกลับมารวมตัวของพวกเรา ผมคิดไม่ออกเลยว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”

credit: credit: https://www.facebook.com/robbiewilliams

ปัจจุบัน Robbie Williams มีอายุ 45 ปี สุขภาพแข็งแรงดี เขาเพิ่งปล่อยอัลบั้มรวมเพลงที่มีชื่อว่า Under the Radar Volume 3 และขึ้นแสดงเวทีบนเวที BST Hyde Park ไปเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยกล่าวทิ้งท้ายไว้อีกว่า ปัจจุบันเขายังเป็นเพื่อนรักกับ Simon Cowell เหมือนเดิม อีกทั้งจะออกโปรโมตอัลบั้มแบบจัดหนักอย่างแน่นอน!

 

ทำความรู้จักกับ Agarophobia หรือโรคกลัวชุมชน

คำว่า ‘Agora’ มาจากภาษากรีกโบราณ แปลว่า ‘ตลาด’ Agoraphobia จึงกลายมาเป็นคำเรียกของคนที่มีอาการกลัวที่สาธารณะเปิดโล่ง กลัวฝูงชน หรือกลัวความวุ่นวาย โดยโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ใช่เฉพาะป๊อปสตาร์หรือดาราดังเท่านั้น

สาเหตุของที่มายังคลุมเครือ เพราะแต่ละคนก็มีประวัติความเป็นมาที่แตกต่างกันไป แต่ก็มีปัจจัยบางอย่างที่ ‘อาจ’ ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้ เช่น พันธุกรรม พบประวัติการถูกกระทำทางกายหรือทางเพศในวัยเด็ก และความแตกต่างของพื้นที่สมองในการควบคุมความกลัวและความวิตกกังวล นอกจากนั้นยังมีการวินิจฉัยอีกว่าคนเป็นโรค Agoraphobia อาจเคยประสบความกลัวขั้นรุนแรงในสถานการณ์ที่อยู่ตามสถานที่ต่อไปนี้ 2 ใน 5 แห่งเป็นอย่างต่ำ

  • ขณะอยู่บนรถขนส่งสาธารณะ
  • ขณะอยู่ในที่โล่ง เช่น ที่จอดรถ สะพาน หรือห้างสรรพสินค้า
  • ขณะอยู่ในโรงละคร โรงหนัง หรือสถานที่ปิดอื่น ๆ
  • ขณะเข้าแถวหรืออยู่ท่ามกลางผู้คน
  • ขณะออกจากบ้านโดยลำพัง

 

อาการของโรค Agoraphobia
  • ควบคุมตัวเองไม่ได้ในที่สาธารณะ หรือเพียงเกิดอาการกลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ในที่สาธารณะ
  • เริ่มปลีกวิเวกจากคนรอบข้าง
  • รู้สึกช่วยเหลือตนเองไม่ได้ พึ่งพาคนอื่นเยอะขึ้น
  • อารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียว ไร้สาเหตุ
  • คิดว่าร่างกายของตน หรือสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง

นอกจากนั้นแล้วผู้มีอาการ Agaraphobia มีแนวโน้มจะเป็น โรคตื่นตระหนก หรือ Panic disorder แทรกซ้อนด้วย ซึ่งอาจส่งผลให้ คลื่นไส้ วิงเวียน หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออก จนไปถึงหายใจไม่ออก จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ข้อมูลเหล่านี้รู้ไว้ก่อนก็ดี เผื่อเกิดอาการในเบื้องต้นจะได้เตรียมตัวรับมือได้ทัน แต่! ห้ามวินิจฉัยโรคเองเด็ดขาด เพราะการรู้ข้อมูลเบื้องต้นไม่อาจตัดสินได้ว่าเราเป็น Agaraphobia หรือไม่ แนะนำว่าหากให้พบสัญญาณเหล่านี้การพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ก่อนจากกัน เราก็จะขอทิ้งท้ายไว้กับหนุ่ม ๆ UNLOCKMEN ทุกคนว่า ‘การพบจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าคุณเป็นคนบ้า แต่แปลว่าคุณเป็นผู้ชายที่ให้ความสำคัญกับจิตใจตัวเอง’ มีศิลปินหลายคนที่ต้องเข้าพบจิตแพทย์เป็นประจำแต่ก็ยังเป็นนักดนตรีที่เก่ง เป็นพ่อที่น่ารัก และเป็นฮีโร่ของคุณเสมอ จริงไหมล่ะ?

 

Source: 1 / 2 / 3

Synthkid
WRITER: Synthkid
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line