Guide

SINGLE MALT 101 : รู้จัก “GLENMORANGIE” ซิงเกิลมอลต์มีระดับที่นักดื่มตัวจริงไม่ควรพลาด

By: PSYCAT August 28, 2018

สัญชาตญาณนักดื่มในตัวผู้ชายมีระดับมักไม่ใช่แค่การกรอกของเหลวลงคออย่างพลุ่งพล่านแล้วจบลงที่ความเมามายไม่ได้สติเท่านั้น แต่ศิลปะแห่งการดื่มกินของผู้ชายอยู่ที่การได้ดื่มด่ำเครื่องดื่มสีอำพันในมือพร้อม ๆ กับการละเลียดความเป็นมาและเรื่องราวของเครื่องดื่มแก้วนั้น การดื่มด่ำ Single Malt Scotch Whisky ก็เช่นกัน การได้ซึมซาบที่มาที่ไปของเครื่องดื่มสุดคลาสสิคผ่านการอ่าน SINGLE MALT 101: รู้จักโลก “ซิงเกิลมอลต์”แบบรอบด้านเพื่อการดื่มอย่างมีระดับของผู้ชาย ในครั้งก่อนจึงทำให้การกลับไปดื่ม Single Malt แก้วเดิมกลับให้ความรู้สึกลุ่มลึกกว่าที่เคยหลายเท่าตัว

ครั้งนี้ UNLOCKMEN เลยขออาสาพาผู้ชายทุกคนไปยังเขต Highland ของประเทศสก็อตแลนด์ เพื่อทำความรู้จักกับ GLENMORANGIE ที่เป็น Single Malt Scotch Whisky ระดับพรีเมียมซึ่งรับรองได้เลยว่าจะเติมเต็มเรื่องรสชาติแบบที่ผู้ชายทุกคนตามหาและมาพร้อมเรื่องราวเฉพาะแบบฉบับ GLENMORANGIE ที่เข้มข้นไม่แพ้รสชาติและทำให้คุณเป็นนักดื่ม Single Malt ตัวจริงแน่นอน

THE LEGACY OF GLENMORANGIE

การได้ดื่มด่ำรสชาติ Single Malt ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถือเป็นการดื่มที่นอกจากทำให้การดื่มลื่นคอยิ่งขึ้นยังทำให้เราซึมซับความเป็นมาของ Single Malt สไตล์นักดื่มตัวจริงไปด้วยอย่างแนบเนียน โดยเรื่องราวของ GLENMORANGIE ครั้งนี้จะย้อนกลับไปไกลถึงปี ค.ศ. 1843

GLENMORANGIE ได้ก่อตั้งขึ้นโดยชาวสก็อตแลนด์ที่ชื่อว่า William Matheson ในปี 1843 ที่เมือง Tain ในเขต Highland ของประเทศสก็อตแลนด์ หลังจากที่ William ได้ทำงานในโรงกลั่นที่เขต Highland อยู่นาน เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะทำโรงกลั่นของตัวเอง

ด้วยความหลงใหลในทัศนียภาพในเขตเมือง Tain จึงทำให้เขาตั้งชื่อแบรนด์ Single Malt ของเขาว่า GLENMORANGIE ซี่งในภาษา Gaelic แปลว่า “หุบเขาแห่งความเงียบสงบ” ส่วนโลโก้ Signet ของ GLENMORANGIE นั้น William ได้แรงบันดาลใจมากจาก Pictish Cadboll Stone แท่นหินศิลาจารึกที่ถูกค้นพบใกล้กับโรงกลั่นของ GLENMORANGIE ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของศิลปะและงานฝีมือของชาวสก็อตแลนด์ ในช่วงปี 800 A.D. หรือประมาน 1,200 ปีที่แล้ว ดังนั้น William จึงเลือกที่จะใช้โลโก้ Signet เพื่อสื่อถึงศิลปะและงานฝีมือที่เขาใส่เข้าไปใน Single Malt ของ GLENMORANGIE

แต่สิ่งที่ทำให้ GLENMORANGIE โดดเด่นไม่ใช่แค่เรื่องความเป็นมาสุดยาวนานเท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดแสนพิถีพิถันที่ไม่เหมือนใคร

GLENMORANGIE : HIGHLAND SINGLE MALT

เราคงรู้อยู่แล้วว่ารสชาติของ Single Malt จะแตกต่างกันไปตามเขตของโรงกลั่น GLENMORANGIE ตั้งอยู่ในเขต Highland ซึ่งถือเป็นเขตที่ใหญ่ที่สุดของสก็อตแลนด์ โดยเอกลักษณ์ของเขต Highland นั้นจะเป็นวิสกี้ที่มีกลิ่นหอม ๆ อวลของผลไม้ ดอกไม้ ไม้โอ๊ก และกลิ่นควันที่ไม่หนัก จึงทำให้รสชาติของ GLENMORANGIE เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มดื่ม Single Malt

GLENMORANGIE : ONLY THE BEST INGREDIENTS

วัตถุดิบนั้นถือว่าเป็นส่วนสำคัญต่อรสชาติของ Single Malt เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือว่าข้าวบาร์เลย์ที่ใช้ก็สามารถทำให้รสชาติแตกต่างกันออกไป ส่วน GLENMORANGIE นั้นใช้บ่อน้ำผุด Tarlogie Springs ซึ่งมีความบริสุทธิ์มาก เนื่องจากน้ำต้องผ่านทั้งหินปูนและหินทราย กว่าจะผุดขึ้นมาเป็นบ่อน้ำผุดได้ ส่วนข้าวบาร์เลย์ที่ GLENMORANGIE ใช้นั้นต้องเป็นข้าวบาร์เลย์ของสก็อตแลนด์ที่ค่าความพีทต่ำเท่านั้น เพื่อที่จะได้กลิ่นของ Smoky น้อยที่สุด และวัตถุดิบทั้ง 2 อย่างนี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยโชว์รสชาติของความเป็น Glenmorangie Single Malt จาก Highland ออกมาได้อย่างเต็มที่

GLENMORANGIE : THE TALLEST STILLS IN ALL OF SCOTLAND (AS TALL AS GIRAFFE)

การมีหอกลั่นที่มีความสูงถึง 5.14 เมตร หรือสูงเท่ากับยีราฟเพศผู้โตเต็มวัยนั้น ไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อความเท่ไม่เหมือนใคร แต่คุณสมบัติของหอกลั่นที่สูงนั้น ทำให้เราได้ Liquid ที่มีรสชาติ Pure และ Crips แต่หนักแน่นด้วยกลิ่นของผลไม้และดอกไม้ เพราะว่าไอของแอลกอฮอล์ที่มีกลิ่นเข้มและแรงจะมีน้ำหนักที่มาก จึงไม่สามารถระเหยขึ้นได้สูงได้ ดังนั้นจะมีแต่ไอที่เบาบางเท่านั้น ที่ลอยผ่านขึ้นไปได้

GLENMORANGIE : EXPERTS IN CASK

GLENMORANGIE ให้ความสำคัญมากกับเรื่องของถังไม้โอ๊กที่จะนำมาบ่ม เพราะว่าการบ่มนับเป็นขั้นตอนที่ส่งผลต่อรสชาติของวิสกี้มากที่สุด ดังนั้น GLENMORANGIE  จึงเลือกที่จะดีไซน์ถังไม้พิเศษสำหรับ GLENMORANGIE  เท่านั้นโดยสั่งทำที่รัฐ Missouri ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยถังนี้ จะต้องผ่านการใช้งานในการบ่ม Bourbon มาก่อนอีกด้วย

นอกจากนั้น GLENMORANGIE  ยังใช้ถังไม้โอ๊กเพื่อการบ่มเพียง 2 ครั้งเท่านั้น เพราะว่าการบ่มแต่ละครั้ง วิสกี้จะดึงเอารสชาติมาจากถัง ดังนั้นเมื่อบ่มในถังเดิมเกิน 2 ครั้ง รสชาติของวิสกี้จะน้อยเกินไปกว่ามาตรฐานของ GLENMORANGIE  นี่จึงเป็นความพิถีพิถันและคราฟต์ชนิดหาตัวจับยาก

มากไปกว่านั้น GLENMORANGIE  ยังเป็นเจ้าแรกที่นำการบ่มแบบ Extra-Matured เพื่อเพิ่มมิติของรสชาติเข้าไปใน Single Malt โดยก่อนหน้านี้ Single Malt จะถูกบ่มอยู่ในถังชนิดเดียวเท่านั้น แต่การบ่มแบบ Extra-Matured ของ GLENMORANGIE นั้นคือการนำ Single Malt ที่บ่มในถัง American Bourbon มาบ่มต่ออีกครั้งในถังไวน์ Sherry, ถังไวน์ Port, และ ถังไวน์ Sauternes

ผู้ชายสายดื่มคนไหนที่ยังไม่เคยสัมผัสความลุ่มลึกและเรื่องราวความเหนือชั้นของ Single Malt แต่อยากจะเริ่มสั่งสมคุณสมบัติเพื่อเป็นนักดื่มตัวจริง จึงไม่ควรพลาด GLENMORANGIE ด้วยประการทั้งปวง เพราะ GLENMORANGIE จะพาคุณเข้าสู่โลกแห่งรสชาติสุดคลาสสิคและความพิถีพิถันอย่างมีระดับที่ผู้ชายผู้คิดจะก้าวเข้าสู่การเป็นตัวจริงเรื่อง Single Malt ไม่ควรปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line