Entertainment

UNLOCK เคล็ดลับความสำเร็จเเละวิธีการมองหาความสุขแบบง่าย ๆ ในสไตล์ “สิงโต นำโชค”

By: unlockmen May 30, 2018

เเทบจะ  99%  ของผู้ชายอย่างเรา ๆ ไม่ว่าจะวัยไหน น่าจะโตมากับดนตรี POP Music  เเนวดนตรีที่เป็นที่นิยมของผู้คนส่วนใหญ่ทั่วโลก คำว่า POP Music ก็ถูกเเยกออกไปได้หลายรูปแบบ แต่ครั้งนี้เราขอเอ่ยถึงเเนวดนตรีที่รวมบรรยากาศของ ทะเล เสียงคลื่น สายลม เเละเเสงแดด จนกลายเป็นความลงตัวที่ Surf Music ถือกำเนิดขึ้น 

ถ้านึกถึงดนตรีเเนวนี้ ศิลปินระดับโลกเบอร์ต้น ๆ ที่เรานึกถึงก็คงจะหนีไม่พ้น Jason Mraz นักร้องนักเเต่งเพลงชาว American ที่มีเพลงฮิตมากมายและทำให้ดนตรีเเนวนี้โด่งดังไปทั่วโลก เกริ่นมาขนาดนี้ ถ้าในไทยศิลปินเเนว Surf Music ที่ทุกคนต้องคิดถึงเป็นชื่อเเรก ก็คงจะไม่ใช่ใครที่ไหน “สิงโต นำโชค” คือชื่อที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี

และในวันนี้เรามีนัดพาทุกคนไปพูดคุยกับสิงโต นำโชค  ชายหนุ่มที่มาพร้อมรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ สร้างภาพจำจาก Ukulele เเละบทเพลงอันเป็นมิตรของเขาซึ่งครองใจพวกเรามาอย่างยาวนาน  

เราเริ่มออกเดินทางประมาณเที่ยงกว่า ๆ วันนี้แดดน้อยมากเหมือนฝนจะตก เรานัดพี่สิงโต ที่ Slow Cafe (Room111) สีลมซอย 7 ร้านกาแฟ กึ่ง CO-Working Space ที่ชั้นล่างเป็นโซนนั่งชิล ส่วนชั้นบนเป็นห้องประชุมหรือจะนัดมีตติ้งพบปะแบบส่วนตัวกับเพื่อน ๆ ก็ยังไหว ไม่นานเราก็ถึง Slow Cafe ยังคงกังวลอยู่นิด ๆ ที่อากาศออกจะครึ้ม ๆ เพราะวางแผนว่าอยากถ่ายรูปพี่สิงโตกลางเเจ้งด้วย แต่แล้วช่วงเวลาแห่งความกังวลจำต้องหมดลง เพราะไม่นานนักพี่สิงโตก็มาถึง 

เราทักทายกันอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะพาพี่สิงโตขึ้นไปชั้นบนของร้านซึ่งเป็นสถานที่ที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ พี่สิงโต ดูยิ้มเเย้มเเจ่มใสเป็นกันเองจนความกังวลเรื่องบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนมลายหายไป ก่อนที่เราจะเริ่มพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ คำถามเเรกที่เราถามพี่สิงโต “ตอนนี้เป็นไงบ้างครับพี่” พี่สิงโตยิ้มเเล้วตอบกลับมาว่า “สบายดีสิ สบาย ๆ สบายดีครับ” เราแปลกใจที่คำว่า สบายดี ของพี่สิงโต ดูสบายดีจริง ๆ เเววตา เเละรอยยิ้มที่มีความสุข เปล่งประกายออกมา ความใสซื่อ เเละจริงใจ เป็นบุคลิกที่หาได้ยากจริง ๆ 

 

ทัวร์คอนเสิร์ตอยู่ใช่ไหมครับช่วงนี้ ?

สิงโต : ครับ ทัวร์คอนเสิร์ตอยู่ครับ ตามที่ต่าง ๆ ใครจ้างไปก็ไปครับ 

ทุกคนจะจำภาพ “สิงโต นำโชค” จากการเล่นอูคูเลเล่ในโชว์ ทุกวันนี้ยังเล่นอยู่หรือเปล่าครับ ?”

สิงโต : เล่นอยู่ครับผม บังเอิญผมได้เอาอูคูเลเล่ไปใส่ในอัลบั้มพอดี และช่วงนั้นอูคูเลเล่ได้ดังในช่วงนั้นพอดี ผู้ฟังก็เลยอยากให้ผมเล่นอูคูเลเล่

เพลงอะไรบ้างครับในช่วงนั้น ?

สิงโต : เธอคือของขวัญ กับ เพลงส่งดอกไม้ครับ ประมาณนั้น

ทุกวันนี้อูคูเลเล่ยังเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้ทำเพลงอยู่หรือเปล่าครับ ?

 สิงโต : ทำอยู่เป็นบางเพลงครับ ในอัลบั้มล่าสุดก็ยังใช้อยู่ครับ และก็ในงานคอนเสิร์ตก็ยังใช้อยู่

หลังจากสร้างครอบครัวแล้วชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง ?

สิงโต : หลังจากมีครอบครัวแล้วชีวิตก็มีระเบียบมากขึ้น ต้องจัดสรรเวลา อย่างเมื่อก่อนเราอยากจะนอน อยากจะตื่นตอนไหนก็ได้ถ้าไม่มีงาน แต่พอมีครอบครัว ถึงเวลานอนก็ต้องรีบนอน เพราะเดี๋ยวถ้าไม่รีบนอน พอลูกตื่นมาเดี๋ยวจะไม่ได้นอน 

ทุกวันนี้พี่คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือยังเทียบจากที่เริ่มเป็นศิลปินในตอนเเรก ?

สิงโต : จริง ๆ แล้ว คำว่าประสบความสำเร็จมันแล้วแต่คนตั้ง สมมุติว่าประสบความสำเร็จของผมต้องดังเท่า Taylor Swift ตอนนี้ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ (หัวเราะแต่สำหรับผมการที่เราได้ทำในสิ่งที่เรารัก แล้วเรามีความสุขกับมัน ผมว่านั่นคือประสบความสำเร็จแล้ว ส่วนที่เหลือนั่นคือเป้าหมายไกล ๆ ที่ตั้งไว้ให้เราเดินทางไปให้ถึง แต่อย่าเอาความสุขของเราไปแขวนไว้ 

บางคนคิดว่าจะต้องประสบความสำเร็จจะต้องมีความสุข แต่สำหรับผม ผมคิดว่าเรามีความสุขได้เลย ประสบความสำเร็จได้เลย เราได้ทำในสิ่งที่เรารัก เรามีรายได้ในการช่วยเหลือครอบครัว ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ผมรู้สึกอย่างนี้ตั้งแต่เล่นดนตรีที่ภูเก็ตแล้ว เราพอดีกับสิ่งที่เรามี ส่วนที่เป็นมาทุกวันนี้เป็นเหมือนกำไร เพราะตอนแรกแค่คิดว่าการมีอัลบั้มเป็นของตัวเองก็สุดยอดแล้ว

 

 

แรงบันดาลใจตอนนี้กับตอนนั้นในการทำเพลงและการใช้ชีวิตมันแตกต่างกันมั้ยครับ ?

สิงโต : ก็ยังเหมือนกันอยู่นะ ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกมีความสุขกับช่วงเวลาที่เราอยู่  ปัจจุบัน ช่วงเวลาที่เราอยู่ตอนนี้คือช่วงที่ดีที่สุด แล้วก็มีความสุขที่สุด สมมุติว่าวันนี้เรามีอยู่ 500 บาท เราก็แฮปปี้กับ 500 บาท แต่เดี๋ยวเรารู้ว่าสิ้นเดือนเราจะมี 1,500 บาท เดี๋ยวเราค่อยไปแฮปปี้กับสิ้นเดือนดีกว่า (หัวเราะอย่าไปเป็นทุกข์ว่าเรามีแค่ 500 บาท เมื่อไหร่เราจะมี 1,500 บาทซักที เราควรแฮปปี้กับสิ่งที่เรามีก่อน

ตอนที่เพลงเธอคือของขวัญกำลังดัง ช่วงเวลานั้นที่มีคนมาจ้างเราไปเล่นเยอะ มีความรู้สึกยังไงบ้าง ?

สิงโต : ตอนนี้เพลงก็ยังดังอยู่นะ (หัวเราะมันเป็นความรู้สึกอีกก้าวนึงของงานของเรา แต่ก่อนเราเล่นในบาร์มีคนดูประมาณ 10-20 คน แล้ววันนึงได้ออกอัลบั้ม ได้ออกคอนเสิร์ต ได้เล่นเพลงของตัวเองแล้วมีคนร้องเพลงของเราได้ มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก เพราะเราเล่นได้อย่างภาคภูมิใจ รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก

ในตอนนั้นมีความรู้สึกแบบ “ฉันดังแล้ว” หรือเปล่าครับ ?

สิงโต : จริง ๆ รู้สึกว่าตัวเองดังตั้งแต่เกิดมาแล้ว เสียงร้องไห้ดังมาก (หัวเราะ)

เวลาจะออกเพลงใหม่แต่ละรอบ รู้สึกเครียดบ้างมั้ย เพราะคนส่วนใหญ่คาดหวังในเพลงพี่สูงมาก ?”

สิงโต :  จริง ๆ คนฟังไม่ได้หวัง ไม่ได้กดดันหรอก คนที่กดดันคือตัวเราเอง คนฟังก็ฟังปกตินั่นแหละ เพราะก็ฟัง ไม่เพราะเขาก็ไม่ฟังแค่นั้นแหละ (หัวเราะมันค่อนข้างยากนะในการออกอัลบั้มใหม่ขึ้นมา ก็ยังนึกไม่ออกว่าเราจะทำยังไง เพราะเรากดดันตัวเอง วันหนึ่งแฟนผมพูดขึ้นมาว่า ทำไมคุณไม่ “Just have fun with it” งานคุณสนุกจะตาย อย่าไปซีเรียส เราก็เลยยึดคำนี้มาตั้งเป็นชื่ออัลบั้มเลย เหมือนเราทำอัลบั้มแรก เราก็สนุกกับมันทุก ๆ ขั้นตอนในการทำงาน ตั้งแต่แต่งเพลง เข้าห้องอัด จนไปถ่าย MV หรือมานั่งเล่าให้คุณฟังมันก็สนุกไปหมด (หัวเราะพอเราสนุกไปกันมันเราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้ทำงาน และเราจะทำมันได้นาน

 

 

Just have fun with it นี่เป็นชื่ออัลบั้มใหม่ที่กำลังจะออกมาใช่มั้ยครับ ?

สิงโต : ใช่ครับ พอเราตั้งชื่ออัลบั้มปุ๊ป มันก็เปิดกว้างเลย เราก็แค่สนุกไปกับมันเท่านั้นเอง เราสามารถเล่นอะไรก็ได้ ไม่ต้องมานั่งคิดว่าจะต้องออกมาเป็นแบบนี้แบบนั้น มีคนชอบเยอะมั้ย ยอดวิวเยอะมั้ย เราไม่สามารถคาดเดาได้ สิ่งที่เราทำได้คือ สนุกและมีความสุขไปกับมัน

สมมุติว่าวันนึงมีชาวเน็ตหัวร้อนมา Comment ไม่ดีใต้เพลงพี่ พี่จะตอบเขารึเปล่า หรือมีวิธีจัดการเขาอย่างไร ?

สิงโต : ต้องดูว่าเขาโวยวายว่าอะไร ถ้าแบบ “พี่วันก่อนไปกินข้าวแล้วไม่จ่ายตังผม” ก็ตอบเขาหน่อยว่า “เออ ๆ ร้านไหน ลืม” (หัวเราะผมจะทำอะไรได้ ก็เขาไม่ชอบเรา เราจะไปบอกเขาว่า “ไม่ได้ คุณต้องมาชอบผม” มันก็ทำไม่ได้อีก เพราะเราห้ามความคิดเขาไม่ได้ ผมคิดว่าคนพวกนี้อาจจะอยากคุยกับผมมากกว่า อยากให้เราตอบเขา เขาก็เลยสบถออกมาแค่นั้นเอง (หัวเราะ)

ตอนไปทัวร์คอนเสิร์ต เจออะไรแปลก ๆ บ้างมั้ย ?

สิงโต : ผมว่านอกจากผมก็ไม่มีใครแปลกละนะ (หัวเราะไม่มีนะ ตั้งแต่ทำคอนเสิร์ตมา ส่วนใหญ่คนที่มาฟังเพลงผมมักมีรสนิยมดีทุกคน (หัวเราะ)

 

 

จาการพูดคุยกันซักระยะเราเริ่มเข้าใจว่าทำไมคนคนนี้ ถึงเขียนเพลงและมีวิถีชีวิตที่ Nice ได้ขนาดนี้ มุมมอง เเละการมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวของเขา การพาตัวเองไปเจอกับความสุข ไม่ใช่การนั่งหาวิธีการหาความสุข เป็นการพูดคุยที่สนุกสนานมาก ๆ จริง ๆ เราอยากให้ทุกคนได้ฟังเสียงในคลิปเสียงที่อัดตอนสัมภาษณ์ เราคุยกันเพลินมาก ตอนที่เจอพี่สิ่งโต ตอนเเรก เราทักพี่เค้าว่า เราได้ดูที่พี่สิงโตไปออกรายการ บริษัทฮาฯ เราชอบมาก พี่สิงโตบอกว่า “เอ้า กะว่ามาโปรโมทเพลง นี่ชมเรื่องการเเสดงเลยหรอ ฮ่า ๆ ” เราเลยไม่ลืมที่จะถามเรื่องบทบาทด้านการเเสดงของเขา

พี่ชอบการแสดงเหรอครับ ล่าสุดเห็นพี่ไปเล่นหนังมา ?

สิงโต : หนังนี่นาน ๆ รับที จะรับเฉพาะบทที่เทพ ๆ บทที่เหมาะกับคาแรคเตอร์ ล่าสุดก็ได้เล่นเป็นคนบ้า (หัวเราะที่เล่นมาทั้งหมดก็มี 3 เรื่อง มี ยังบาว,นายไข่เจียว และก็ตีภาคผมว่ามันก็เป็นอีกศาสตร์นึงนะ อย่างดนตรีเราถ่ายถอดออกมาด้วยเสียงเพลงหนังเราก็ถ่ายทอดด้วยบท มันเล่นกันเป็นทีม ผมว่ามันคล้าย ๆ กัน ได้ลองอะไรใหม่ ๆ

 

 

ภาพลักษณ์พี่ดูเป็นคนมีความสุข พี่มี Passion อะไรที่ขัดกับตัวพี่บ้างมั้ย ?

สิงโต : ผมว่าคนเราก็มีทุกอารมณ์แหละ มีทั้งอารมณ์ดี ดึก ๆ ก็อารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน (หัวเราะอยู่ที่ว่าเราจะอยู่กับความรู้สึกนั้น ๆ ได้อย่างไรมากกว่า ง่าย ๆ คือคิดบวก แรก ๆ อาจจะยากหน่อย แต่พอทำไปเรื่อย ๆ มันก็จะเป็นเรื่องปกติไปเอง

ถ้าวันนึงพี่มีเครื่องเครียดมาก แล้วพี่ต้องออกไปเล่นดนตรี พี่จัดการกับความเครียดนั้นยังไง ?

สิงโต : ผมเครียดได้ไม่นานหรอก อย่างที่ผมบอก ถ้าเรามีเรื่องเครียดเราก็คิดบวก เราก็จะมีวิธีแก้ปัญหาเอง อยู่ที่ว่าเราจะจัดการกับปัญหาอย่างไรเท่านั้นเอง

 

 

นิยามเเนวเพลงของตัวเองว่าอะไร ?

สิงโต : แรก ๆ ผมก็เรียกว่า Pop เนี่ยแหละ แต่ที่ค่ายบอกว่ามันยังไม่เท่ เราเลยไป Search หาใน Google เราถึงรู้ว่าดนตรีที่เราเล่นเป็นแนว Surf Music เป็น Pop ชนิดหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ริมทะเล แต่จริง ๆ มันก็เป็น Pop นั่นแหละ

ตอนนี้มีทั้งหมดกี่อัลบั้มแล้วครับ ?

สิงโต : มีหลายอัลบั้มแหละ มีทั้งอัลบั้มพิเศษ แต่ถ้าเป็นอัลบั้มหลักก็เป็นอัลบั้มที่ 3 แล้วครับ

 

 

ตัวดนตรีเปลี่ยนไปจากช่วงแรกมั้ย ?

สิงโต : เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ตามความชอบ อัลบั้มแรกยังอยู่ภูเก็ต ก็ออกมาแนว Surf Music อัลบั้มสองอยู่กล้วยน้ำไท ก็ออกมาแนว Urban Music มั้งไม่แน่ใจ (หัวเราะอัลบั้มที่สามก็ยังคงมีจิตวิญญาณลึก ๆ ของเราอยู่ในเพลง ที่ทุกคนฟังแล้วก็ยังจำได้

ทุกวันนี้พี่ยังเขียนเพลง ทำดนตรีเองเหมือนเดิมมั้ยครับ ?

สิงโต : ยังเขียนเองอยู่ครับ หลัก ๆ ก็จะมีพี่กิ๊จ Monotone ที่เป็น Producer และก็พี่ตั้ม Monotone มาช่วยเขียนบางเพลง

เคยไปนั่งเขียนเพลงริมชายหาดอะไรแบบนั้นไหมครับ ?

สิงโต : ผมไม่เคยไปนั่งแต่งเพลงที่ชายทะเลนะ ส่วนใหญ่ก็นั่งแต่งอยู่ในห้องเนี่ยแหละ ผมเคยลองแล้วแต่มันแต่งไม่ออก (หัวเราะส่วนใหญ่นึกออกที่ไหนก็จดตรงนั้นแหละ อยู่ที่ว่ามันจะออกมาตอนไหน

 

 

เพลงส่วนใหญ่ที่แต่งออกมาเป็นเรื่องจริงหรือได้แรงบันดาลใจมาจากคนอื่น ?

สิงโต : เป็นเรื่องที่เราอยากเล่า เรื่องที่เราสนใจ เหมือนเราเจอผู้ชาย เดินข้ามถนนไปซื้อลูกชิ้น มันก็ไม่น่าเล่า แต่ถ้าเราเจอผู้ชาย เดินข้ามถนนไปซื้อลูกชิ้น แล้วสะดุดล้ม หัวไปกระแทกรถขายผลไม้ คนขายผลไม้โวยวาย เรื่องมันก็น่าเล่า สรุปก็คือเหมือนเราอยากเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง

ก่อนที่จะมาเล่นดนตรีพี่ทำอะไรมาก่อน และมีจุดเปลี่ยนอย่างไรให้หันมาเล่นดนตรี ?

สิงโต : เป็นเด็กต่างจังหวัดทั่วไปมาจากบุรีรัมย์ที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ครับ แล้วเห็นพี่เสก โลโซ พี่โบว์ สุนิตา มาสัมภาษณ์ออกทีวี ก็เลยอยากเป็นนักร้อง อยากมีวงดนตรีเหมือนพวกเขา ก็เลยฝึกเล่นดนตรี แต่งเพลงเองตั้งแต่ตอนนั้น อย่างที่บอกคือถ้าเราทำในสิ่งที่เราชอบ เราก็จะไม่รู้สึกเหนื่อย แต่ถ้าเราไม่ชอบ พอเราเริ่มจับคอร์ด เราก็จะเริ่มรู้สึกแล้วว่าเราเจ็บนิ้ว หลายคนก็ถามผมว่าชีวิตลำบากมั้ยในเส้นทางที่ผ่านมา ผมก็เลยบอกว่าผมไม่ได้รู้สึกรันทด ผมรู้สึกสนุก

ลูกชายพี่อายุเท่าไหร่แล้วครับ ?

สิงโต : ผมมีลูก 3 คน คนโตนี่ 4 ขวบ คนเล็กเป็นแฝด 2 ขวบ

อยากให้เขาโตมาเป็นเหมือนพ่อมั้ยครับ ?

สิงโต : เอานอนให้ไม่ร้องตอนกลางคืนก่อน (หัวเราะค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ยังไม่ได้คิดว่าจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยอะไร ส่วนเขาอยากเป็นอะไรค่อยให้เขาเลือกเองดีกว่า

 

 

มีอะไรที่พี่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำมั้ยครับ ?

สิงโต : ผมเป็นคนที่อยากทำอะไรก็ทำเลย ไม่ใช่ว่าทำไปหมดแล้วนะ แต่คือถ้ามันอยากทำอะไรขึ้นมาอีกก็ทำเลย ถึงแม้ว่าทำไม่ได้ก็จะทำ เราทำไม่ได้เราก็ฝึก เราก็จะทำได้ มันคุ้มค่าที่เราได้ทำ ดีกว่าเราทำแต่เรื่องที่เราทำได้อยู่แล้ว มันก็ไม่มีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต จะไม่รอให้สงสัยว่า “รู้งี้ไม่น่าทำ รู้งี้ทำแบบนี้ดีกว่า” จะได้ไม่ต้องมาเสียดาย ถ้าเราชอบเราก็จะได้รู้ว่าเราทำได้หรือทำไม่ได้ ซึ่งเชื่อว่าคนเราอยากทำอะไรก็ทำได้ แค่ลงมือทำ

 

 

ขั้นตอนการทำงานอย่างละเอียดซักเพลงนึง พี่เริ่มยังไง จบยังไงครับ ?

สิงโต : มันจะเป็นหลาย ๆ แบบ อย่างบางเพลงก็จะแต่งเนื้อทำนองขึ้นมาก่อน แล้วเข้าไปหา Producer เพื่อทำดนตรี หรือบางเพลงไม่มีอะไรเลย ไปทำดนตรีกัน แล้วค่อยแต่งทำนอง แต่งเนื้อร้องกันก็ได้ หรืออยู่ดี ๆ ก็ได้ยิน Melody ขึ้นมา ก็ไปทำเฉพาะ Melody ก่อน มันมายังไงก็ไม่รู้ อย่างบางทีเราทำแบบนี้ พอกลับมาทำแบบนี้อีกทีก็ทำไม่ได้แล้ว วิธีมันมีหลากหลายมันไม่ได้ตายตัว ต้องลองทำไปเรื่อย ๆ

คิดว่าถ้าใครสักคนอยากเริ่มเขียนเพลง ควรเริ่มจากอะไร ?”

สิงโต : ถ้าอยากเริ่มเขียน ก็ลองทำเลย จะได้รู้ว่าทำได้หรือไม่ได้ เหมือนการฝึกเล่นกีต้าร์ ลองฝึกเล่นเองก่อน ถ้าไม่ได้ตรงไหนก็ค่อยไปหาคนสอน

 

 

อยากให้พูดถึงอัลบั้มที่กำลังจะออกมาในเร็ว ๆ นี้หน่อยครับ

สิงโต : ตาม Concept ที่ได้กล่าวไปข้างต้นครับ ชื่ออัลบั้มว่า “Just have fun with it” รอบนี้ก็ทำมาประมาณ 3 ปี แต่ก็ไม่ได้หายไปไหนก็ออกมาเป็น Single เรื่อย ๆ จนมาถึงวันนี้ก็คิดว่าน่าจะได้เวลารวมเป็นอัลบั้ม อัลบั้มนี้ปล่อยวันที่ 26 พฤษภาคม ตอนนี้สามารถฟังอัลบั้มเต็มได้ใน Joox Streaming,Spotify และก็ iTune สามารถเข้าไปรับฟังกันได้

สุดท้ายนี้อยากให้พี่สิงโต ฝากถึงน้อง ๆ ที่อยากจะเป็นแบบพี่

สิงโต : อยากฝากถึงทุก ๆ คนที่มีความฝัน ถ้าอยากให้ความฝันนั้นเป็นจริงก็ลงมือทำเลย ทำได้ทำไม่ได้ค่อยว่ากัน ถ้าทำไม่ได้ค่อยกลับมาถามตัวเองว่าเราทำไม่ได้เพราะอะไร และยิ่งถ้าเราทำในสิ่งที่เรารักเราจะไม่เหนื่อยเลย เราจะสนุกไปกับมัน แล้วก็อย่าหยุดทำ พอเราไม่หยุดทำเดี๋ยวมันก็ถึงเป้าหมายที่เราฝันไว้เอง

 

 

วันนี้เป็นการพูดคุยที่สนุกสนานมาก ๆ ครั้งหนึ่งเลยทีเดียว เราได้เรียนรู้ความคิดเเละมุมมองในการใช้ชีวิตแบบพี่สิงโตในหลาย ๆเรื่อง เรื่องที่เอามาใช้ได้ง่ายสุด ๆ อีกเรื่องก็คงจะเป็น การเลือกที่จะมองเห็นความสุข มากกว่าความทุกข์ บางอย่างมันไม่ได้หนักหนาสาหัสขนาดนั้น  ช่างมัน  ไปบ้างก็ได้ ความสุขอยู่กับเราตลอดเวลา อยู่ที่เราเองว่าจะเลือกมองเห็นมันหรือเปล่า 

อีกหนึ่งเรื่องคือ การตั้งใจจริงลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม ถ้ารักที่จะทำผลของมัน ย่อมออกมาดีตรงใจเราเสมอ ความคาดหวังมีได้มากน้อยไม่เป็นไร เเค่ได้ทำในสิ่งที่รัก ก็ดีมากพอเเล้ว ส่วนความสำเร็จนั้นถ้ามันคู่ควรกับเรามันจะเกิดขึ้นเอง 

เราหวังว่าผู้อ่านคงจะได้รับพลังบวกจากพี่สิงโตกลับไปทุกคนอย่างเเน่นอน ขอบคุณที่วันนั้นฝนไม่ตกซะก่อน เเล้วก็ขอบคุณที่อ่านมากันมาจนถึงบรรทัดนี้ครับ

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line