World

THE PROFILES: EDMUND KEMPER อัจฉริยะผู้หลงใหลความตาย ชายวิปริตที่ฆ่าคนโดยไม่รู้สึกผิด

By: TOIISAN August 21, 2019

สำหรับใครที่เป็นคอซีรีส์หรือชื่นชอบหนังแนวสืบสวนสอบสวนคงไม่พลาดดู Mindhunter จาก Netflix ผลงานของผู้กำกับ David Fincher ที่หลงใหลในเรื่องราวของเหล่าฆาตกร และต้องการเจาะลึกถึงความคิด ความรู้สึกในการสังหารคนว่าในช่วงเวลานั้นเขาคิดอะไร สภาพแวดล้อมหล่อหลอมให้กลายเป็นคนชั่วหรือทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะจิตใจที่ดำมืดอยู่แล้ว

ซีรีส์เรื่อง Mindhunter จำลองการพูดคุยระหว่างเจ้าหน้าที่ FBI กับผู้ต้องหาคดีหนักในยุค 70 เนื้อหาของบทสนทนาจะเล่าถึงการก่อเหตุในแต่ละครั้ง เพื่อทำความเข้าใจวิธีคิดของฆาตกรโรคจิตและหาทางยับยั้งการเกิดเหตุน่าสลดในภายภาคหน้า หรือสำหรับบางคดีที่ฆาตกรยังไม่ยอมบอกว่าฝังศพของเหยื่อไว้ที่ไหนบ้าง พวกเขาจะต้องพูดคุยเพื่อไขคดีไปพร้อมกัน

ด้วยเรื่องราวที่หนักหน่วงของ Mindhunter ทำให้ UNLOCKMEN สนใจหยิบเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องรายหนึ่งนาม Edmund Kemper มาเล่าสู่กันฟังว่าชายคนนี้เพี้ยนจนกู่ไม่กลับและสร้างความสะพรึงกลัวให้กับสังคมได้มากน้อยแค่ไหน

 

เด็กหนุ่มกับพฤติกรรมวิกลจริต

Mindhunter

เด็กชายเคมเปอร์เติบโตในรัฐแคลิฟอร์เนียร์ ท่ามกลางครอบครัวที่ไม่อบอุ่น พ่อแม่ของเขามีปากเสียงกันแทบจะตลอดเวลา สุดท้ายทั้งสองคนหย่าร้างและส่งลูกชายของตัวเองไปอยู่กับตายาย ความประหลาดในตัวเขาเริ่มแสดงออกผ่านพฤติกรรม เขาชอบเล่นเป็นนักโทษประหารกับน้องสาว โดยแบ่งกันเลือกว่าจะตายด้วยวิธีไหนทั้งเก้าอี้ไฟฟ้า หรือโดนรมควันในห้องแก๊ส 

เมื่ออายุ 10 ขวบ เด็กชายฆ่าแมวและฝังไว้ในสวนข้างบ้าน เวลาผ่านไปก็ฆ่าแมวอีกหนึ่งตัวเพราะเห็นว่าน้องสาวของเขาชอบมันมากเกิน แถมยังเก็บซากแมวไว้ในตู้จนสุดท้ายแม่ก็มาเจอซากศพแมวที่ส่งกลิ่นชวนคลื่นไส้

เด็กชายเคมเปอร์มีความสุขกับการฆ่า สนใจใคร่รู้ในเรื่องพิธีกรรมลี้ลับ เขาเคยเอาตุ๊กตาของน้องสาวมาทำพิธีบางอย่างด้วยการตัดหัวตุ๊กตา รวมถึงเรื่องเล่าเกี่ยวกับบทสนทนาระหว่างเขากับพี่สาวอีกคนว่าทำไมไม่ลองจูบครูของตัวเองดูล่ะ และเธอก็ได้คำตอบที่ชวนตกใจจากน้องชายว่า

“ถ้าผมจะจูบเธอ ผมต้องฆ่าเธอก่อน” 

นอกจากนี้แม่ขี้เมาของเขาอาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เด็กชายโตมาเป็นคนวิกลจริต คุณนายเคมเปอร์เลี้ยงเขามาด้วยความลำเอียง ชอบพูดถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามใส่ ไล่ให้เขาไปนอนในห้องใต้ดินเพราะกลัวว่าเขาจะทำร้ายน้องสาวของตัวเอง ไม่ยอมกอดลูกชายเพราะการกอดจะเปลี่ยนให้เขาเป็นเกย์ และในที่สุดเวลาที่เขาก่อคดีฆาตกรรมก็มาถึง

True Crime Magazine

“แค่อยากรู้ว่าตัวเองจะรู้สึกยังไงเวลาได้ฆ่ายาย”

ประโยคจากปากของเด็กชายวัย 15 ปี ที่ก้าวผ่านการฆ่าคนครั้งแรก เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อเคมเปอร์หยิบปืนล่าสัตว์ยิงยายของตัวเอง บางบันทึกบอกว่าเขามีปากเสียงกับยายจึงยิงเธอเข้ากลางอก บางบันทึกบอกว่าเขายิงยายตัวเองจากข้างหลังก่อนแล้วค่อยยิงเข้ากลางอก จากนั้นรอตากลับมาบ้านและยิงเขาอีกคน ส่วนที่ต้องฆ่าตาเพราะไม่อยากให้เขาเห็นว่ายายตายแล้ว

ผลวินิจฉัยจากโรงพยาบาลสำหรับนักโทษผู้วิกลจริต Atascadero State บอกว่าเด็กหนุ่มเคมเปอร์มีอาการผิดปกติทางจิต ซ้ำครอบครัวที่ไม่อบอุ่นทำให้เขาเก็บกด หยาบคายและขวางโลก 

Mindhunter

อย่างไรก็ตามเคมเปอร์เป็นเด็กหนุ่มที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ เขามีไอคิวสูงถึง 145 แต่แข็งกระด้างต่อต้านสังคม พออายุได้ 21 ปี เขาออกจากสถานบำบัดกลับเข้าสู่สังคมอีกครั้งหลังจากที่ลงมือฆาตกรรมครั้งแรก และจิตแพทย์ได้แนะนำว่า “ไม่ว่าอะไรก็ตาม อย่ากลับไปหาแม่” และแน่นอนว่าเคมเปอร์ไม่สนใจคำเตือนนั้น

เมื่อเด็กหนุ่มกลับไปอยู่กับแม่ สิ่งที่เขาได้รับคือความเกลียดชังที่มากขึ้นกว่าเดิม แม่ยังคงละเลยเขา ดุด่าต่อว่าและทำเหมือนกับเขาเป็นโรคร้ายและคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณนายเคมเปอร์ทำให้อาการวิกลจริตของเขาหนักขึ้นกว่าเดิม 

Mindhunter

ถึงแม้จะเคยก่อคดีและเข้าไปอยู่ในสถานบำบัด แต่ด้วยความฉลาดทำให้เคมเปอร์เรียนจบมหาวิทยาลัยและหางานทำได้ เขาเป็นพนักงานอยู่ที่กรมทางหลวงแผ่นดินของรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำงานเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งจึงแยกไปอยู่ข้างนอก แต่ก็ต้องแวะไปยืมเงินแม่อยู่บ่อยครั้ง เขาเคยขับรถจนเกิดอุบัติเหตุต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นหมื่นเหรียญ และแน่นอนว่าการไปหยิบยืมเงินแม่บ่อย ๆ ทำให้เธอเข้ามาบงการชีวิตเขาไม่หยุด

เคมเปอร์ที่จิตใจไม่ปกติรู้สึกกดดันกับความจู้จี้ของแม่ เขาพยายามหาทางระบายความเครียดด้วยการหาเหยื่อสักคนและฆ่าทิ้งเพื่อระบายอารมณ์

 

จากเด็กหนุ่มสู่ชายผู้ปลิดชีพหญิงสาว 6 ราย

True Crime Magazine

การวางแผนฆาตกรรมเริ่มต้นขึ้นจากแรงบันดาลใจที่เห็นเด็กสาวโบกรถ เพราะเด็กสาวพวกนี้ไม่ระวังตัว คิดแต่จะประหยัดค่าใช้จ่าย ขึ้นรถใครไปก็ได้ขอเพียงแค่เขาจอดรับ เคมเปอร์มองว่าความใจกล้าของเด็กสาวพวกนี้เป็นอะไรที่น่าท้าทาย เขาจัดการดัดแปลงรถให้ออกไม่ได้และก็ได้เหยื่อสองคนแรกในแถบมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 

ในเดือนพฤษภาคมปี 1972 เคมเปอร์รับนักศึกษาขึ้นรถมาสองคนแต่แทนที่จะส่งพวกหล่อนที่มหาวิทยาลัย เขากลับไปยังสถานที่ปลอดคน ขู่เด็ก ๆ ให้อยู่นิ่งด้วยปืนพกและกุญแจมือ จากนั้นก็ระดมแทงเด็กสาวคนแรก ส่วนอีกคนท่ีขังไว้ในฝากระโปรงรถก่อนจะตัดหัว นำศพไปยัดไว้ท้ายรถและขับกลับไปที่อพาร์ทเมนต์ เขานำส่วนหัวของศพเด็กสาวไว้ในห้อง สำเร็จความใคร่ทางปาก ถ่ายรูปความสำเร็จครั้งแรกเก็บไว้ และหั่นศพเป็นชิ้น ๆ แล้วค่อยเอาไปฝังไว้ในหุบเขา 

เหยื่อรายต่อมาเป็นนักศึกษาชาวญี่ปุ่นวัย 15 ปี เขาใช้เทคนิคเดิมด้วยการรับเด็กสาวขึ้นรถ พาไปที่เปลี่ยวจากนั้นข่มขู่ ชกเข้าที่ใบหน้าและข่มขืนเธอ เมื่อเสร็จกิจจึงรัดคอให้ขาดอากาศตายก่อนจะหั่นศพและอำพรางด้วยการฝัง ส่วนเด็กสาวผู้โชคร้ายคนที่สี่ถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิตทันที และก็ตามเคย เขาชื่นชอบการสำเร็จความใคร่กับร่างเย็นชืดไร้ชีวิตของเหยื่อ

ในปี 1973 หลังจากที่เคมเปอร์ทะเลาะกับแม่อย่างรุนแรง เขาออกมาขับรถเพื่อระบายอารมณ์และพบหญิงสาวสองคนโบกรถอยู่ข้างทาง เขารับพวกเธอขึ้นมา จากนั้นทำแบบเดียวกับเด็กผู้หญิงสี่คนก่อนหน้า ในช่วงเวลากว่าสองปีมีเด็กสาวจำนวน 6 คนที่หายตัวไปด้วยฝีมือของเขา บางคนถูกพบศพบางคนก็ยังคงหายสาบสูญอยู่ และไม่มีใครสามารถสาวไปถึงตัวเคมเปอร์ผู้ลงมือฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมได้เลย

สาเหตุที่เขาสังหารเหยื่อทุกคนเป็นเพราะเขาชื่นชอบการเสพสมกับศพ และฆ่าเหยื่อเพื่อไม่ให้พวกเธอย้อนกลับมาเป็นพยานเล่นงานเขาภายหลัง เพราะถ้าเหยื่อไม่สามารถพูดได้อีกต่อไปก็จะไม่มีใครมาให้การได้

 

มารดา

True Crime Magazine

“แม่เห็นผมเป็นเหมือนหุ่นเชิดของตัวเอง จะจับผมเชิดไปทางไหนก็ได้ สักวันผมจะฆ่าเธอ ขอเพียงแค่รอโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น”

ในวันที่เขาตัดสินใจจบชีวิตของแม่ นายเคมเปอร์เข้ามารอแม่ในห้องนอน คุณนายเคมเปอร์กลับมาจากดินเนอร์ในสภาพไม่เต็มร้อยเพราะดื่มไปเยอะ เคมเปอร์สารภาพกับแม่ว่าเขาฆ่าเด็กสาวไปแล้ว 6 คน บอกทุกอย่างจนหมดเปลือกว่าก่อนหน้านี้เขาทำอะไรลงไปบ้าง แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่ได้บอกแม่คือในคืนนี้เขาจะฆ่าแม่ด้วยมือของตัวเอง

Getty Images

คุณนายเคมเปอร์ที่กำลังเมาก็ยังคงเหมือนเดิม เธอละเลยและไม่ได้สนใจจะฟังเรื่องราวที่เขาเล่ามากนัก เคมเปอร์จึงรอจนแม่หลับ จากนั้นเดินไปที่เตียงพร้อมกับมือที่ถือค้อน ฟาดไม่ยั้งไปที่ศีรษะ กะโหลกแหลกละเอียด บนเตียงเต็มไปด้วยเลือดของแม่ และสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำกับผู้เป็นแม่ที่ไม่เคยรักเขาคือการตัดหัวและสำเร็จความใคร่ในปากเย็นชืดไร้วิญญาณของเธอ 

“มีหลายเรื่องที่ผมอยากให้เธอได้รับรู้ ผมเลยนำหัวของเธอมาวางไว้เหนือเตาผิง ผมด่าเธอ อยากให้เธอรู้ว่าที่ชีวิตตัวเองบัดซบได้ขนาดนี้มันเป็นเพราะใคร พอเริ่มหงุดหงิดเลยเอาหัวเธอเป็นเป้าปาลูกดอก ปาไปด่าไป และเธอก็ไม่โต้ตอบผมสักคำ”

หลังจากนั้นเขาโทรหาเพื่อนของแม่ให้มาที่บ้าน ฆ่าเธอทิ้งด้วยการต่อยหน้าเธอจนเละแล้วค่อยรัดคอจนสิ้นใจ จากนั้นทำเหมือนเดิมโดยการมีเพศสัมพันธ์กับศพและหั่นเธอ ชิ้นเนื้อมนุษย์กระจายไปคนละทิศละทาง เลือดแดงฉานอาบพื้นห้อง จากนั้นเขาก็ไปอาบน้ำล้างคราบเลือดในห้องน้ำและขับรถออกไปจากบ้าน พร้อมกับทิ้งจดหมายไว้บนโต๊ะว่า

Mindhunter

“05:15 ใกล้รุ่งเช้าของวันเสาร์ แม่ไม่ต้องอยู่ด้วยความเจ็บปวดอีกต่อไป ชีวิตเธอจบด้วยน้ำมือของยอดนักชำแหละที่ทำด้วยความรวดเร็วและประณีต ” 

แต่ในความเป็นจริงจากคำให้การและสภาพศพของคุณนายเคมเปอร์ก็ไม่ได้ทำให้เห็นเลยว่าเขาเป็นนักชำแหละสุดประณีตตรงไหน เพราะเขาเอาค้อนทุบหัวแม่จนสิ้นใจแล้วค่อยหั่นศพเป็นชิ้น ๆ ต่างหาก

ขณะที่เคมเปอร์กำลังขับรถชมวิวและเปิดวิทยุฟังไปด้วยเพื่อรอว่าเมื่อไหร่จะมีข่าวเรื่องแม่และเพื่อนที่เขาฆ่าทิ้ง แต่ไม่มีข่าวคราวสักที เขาขับรถไปไกลกว่า 1,500 ไมล์ จนถึงรัฐโคโลราโดที่แสนสงบ จากนั้นจึงโทรหาตำรวจและบอกว่าตัวเองฆ่าคนส่วนศพก็ยังอยู่ในบ้าน และก็นั่งรอให้ตำรวจมาจับด้วยท่าทางสบาย ๆ 

 

ฆาตกรต่อเนื่อง

จากคำสารภาพทำให้เคมเปอร์โดนคดีจำนวนมาก ทั้งฆ่าปู่กับย่า ฆ่าแม่และเพื่อนของแม่ ฆ่านักศึกษาหญิงไป 6 คน และพาเจ้าหน้าที่ไปยังสถานที่ที่เขาฝังชิ้นส่วนของศพทั้งที่ตำรวจยังตามหาเบาะแสไม่ถึงไหน แต่เขากลับเฉลยจนหมดเปลือกด้วยความภาคภูมิว่าเขาทำอะไรมาแล้วบ้าง

เคมเปอร์ขึ้นศาลครั้งแรกในเดือนตุลาคมปี 1973 และเคยพยายามฆ่าตัวตายสองครั้ง บางคนคิดว่าเพื่อหนีความผิด จึงทำให้เขาถูกเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง แถมตอนขึ้นศาลเขายังมีทนายสุดฉาวที่เคยช่วยให้สองฆาตกรต่อเนื่องเมื่อหลายปีก่อนให้พ้นโทษประหารได้สำเร็จ ด้วยข้ออ้างสุดคลาสสิกว่านักโทษกระทำการฆาตกรรมเพราะอาการทางจิต

แต่คดีของเคมเปอร์ไม่ง่ายเหมือนคดีก่อนหน้า เพราะเขารู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรอยู่ เขาไม่ได้เป็นบ้าแถมยังไตร่ตรองและวางแผนการฆ่ามาเป็นอย่างดี สุดท้ายคณะลูกขุนลงมติว่าจำเลยไม่ได้วิกลจริต ในช่วงเวลานั้นการประหารชีวิตถูกยกเลิกแล้วในรัฐแคลิฟอร์เนีย เคมเปอร์จึงได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต

แม้ชีวิตหลังจากถูกจับกุมของเคมเปอร์ถูกคุมขังต้องอยู่ในคุกตลอดไป แต่เขากลับรู้สึกพอใจกับการอยู่ในห้องขัง ซึ่งความพึงพอใจของเขาชวนให้ทุกคนครุ่นคิดตามว่ามันถูกต้องแล้วจริงหรือเมื่อชายที่ฆ่ายายและตา ฆ่าแม่แท้ ๆ และเพื่อนของเธอ รวมถึงสังหารเด็กสาวผู้โชคร้ายอีก 6 คน มีความสุขอยู่ในคุก ส่วนญาติของผู้เสียหายต้องจมอยู่กับความเศร้าไปตลอดกาล

 

SOURCE: 1 / 2 / 3

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line