ยังจำวันนั้นได้ดีอยู่เลย วันหนึ่งของเมื่อ 3 ปีก่อน วันที่ฝนตกหนักจนเราเพื่อนต้องพากันไปหลบอยู่ที่แมคโดนัลสาขาลาดพร้าววังหิน บทสนทนามากมายลื่นไหลไปท่ามกลางเสียงเคี้ยวของเฟรนช์ฟรายล้อกับเสียงฝนข้างนอกที่กระทบหน้าต่างของร้าน จนบทสนทนามาถึงจุดที่ใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างนี้ “มึงว่าวงไหนจะเป็น Bodyslam ของยุคต่อไป” คำถามที่หากว่ากันตามประสาของคนอ่านหนังสือการ์ตูน มันคือคำถามระดับที่เรียกว่าว่า “ราชาโจรสลัดคนต่อไปจะเป็นใครกันนะ ?” และวันนั้นเราไม่ได้ตอบคำถามออกไป ถึงแม้คนอื่น ๆ จะโยนวงที่เป็นตัวเลือกมามากมาก็ตาม … เวลาของปี 2020 ผ่านไปจนเกือบจะปลายปี เร็วแบบกะพริบตาครั้งเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เราเองก็เปลี่ยนไป คำตอบของเราชัดเจนในแบบที่ถ้าถามคนอื่น (ในช่วงเวลานั้น) ก็น่าจะตอบเหมือนกันว่าคือวง Three Man Down ถ้าอัลบั้มแรก This City Won’t Be Lonely Anymore ตอนปี 2021 เป็นการแล่นเรือ Going Merry เข้าสู่น่านน้ำของ Grand Line ในปี 2023 พวกเขาก็ได้ขึ้นเรือลำใหม่ Thousand Sunny ของตัวเอง ผ่านอัลบั้มที่มีชื่อว่า 28
Phum Viphurit เริ่มต้นด้วยการเป็น New Blood ในยุคที่ Rats Record กำลังจะเปลี่ยนกระแสดนตรีไทยให้รุ่งเรืองด้วยภาษาสากล จากเพลงกลิ่นอายโฟล์คในอัลบั้มเต็ม Manchild (2017) เดินทางสู่เพลงเจือส่วนผสมของ Funky Soul ในอีพี Bangkok Balter Club (2019) ที่ Lover Boy เปลี่ยนให้เขากลายเป็นหนุ่มที่ทั่วโลกต่างรักเขาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง อัลบั้มล่าสุด The Greng Jai Peice ปี 2023 คือการเติบโตที่เอาทุกอย่างที่พูดถึงในบรรทัดก่อน โยนส่วนผสมใส่ครกตำจนละเอียด จนเกิดเป็นเครื่องเทศเจือกลิ่นอายความเป็นไทยอย่างพอเหมาะ ในแบบแนวดนตรีและวิธีการเล่าเรื่องของ Phum Viphurit อย่างเต็มเปี่ยม อัลบั้มที่พาร์ท Music เล่าถึงความหลงใหลในดนตรียุค 70s-80s ผ่านเมโลดี้ ซาวด์กีตาร์ ซาวด์เบสและการดีไซน์เสียงสังเคราะต่าง ๆ ผ่านเรื่องเล่าของเสียงซึ่งสะท้อนอยู่ในหัวของตัวเอง ที่เขาให้สัมภาษณ์กับ NME เอาไว้เมื่อปีที่แล้ว “เพลงในอัลบั้มนี้คือเรื่องราวต่าง ๆ ที่อยู่นอกเหนือจากชีวิตของผม ผสมกับความคิดถึงที่มีให้กับอดีต (nostalgia)
เปิดปี 2023 กับวงที่เราอยากให้ทุกคนได้รู้จักตั้งแต่ปี 2022 แต่ปลายปีของชาวออฟฟิศก็วุ่นวายกันนิดหน่อย เราเลยขอยกยอดวงนี้มาเป็นศิลปินเบอร์แรกเปิดซีรีย์ Next Cover, Same Mood ของปีเลยละกัน กับ Lemony จาก Sanamluang Music แนะนำประวัติวงคร่าว ๆ กันเล็กน้อย เนื่องจากว่าเป็นวง New Blood ที่น่าสนใจมาก เพราะเอาจริง ๆ พวกเขาก็ไม่ใช่วงหน้าใหม่ของวงการเสียทีเดียว ก่อนหน้าที่จะเป็นวง Lemony พวกเขาทั้ง 4 คนเคยใช้ชื่อว่า Kordyim (อ่านว่า ‘โคตรยิ้ม’) แต่ด้วยที่ต้องการปรับเปลี่ยนแนวทางของดนตรี + ทิศทางของวงใหม่ จึงจัดการรีเซ็ทใหม่หมด กว่าจะออกมาเป็น Lemony กับอัลบั้มแรกให้ทุกคนได้รู้จักในวันนี้ ก็ใช้เวลากว่า 10 ปีเลยทีเดียว ! ถ้าคุณเคยรู้จัก Lemony ในร่างที่แล้วมาก่อน จะเข้าใจเลยว่า Why Don’t I …..? เป็นอัลบั้มที่ย้ำคาแรคเตอร์ของวง Lemony
การเดินทางของวงดนตรีโดยมากแล้วจะเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นซีนอินดี้หรือซีนอันเดอร์กราวน์ก็ตาม เพราะนั่นคือพื้นฐานสำคัญในการสร้างประสบการณ์ให้วงแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และยังเป็นช่องทางแรกในการกอบโกยแฟนเพลงด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าทุกวงต่างก็มีเป้าหมายที่จะเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น บางวงก็แค่ต้องการมีชื่อเสียงระดับหนึ่ง มีงานโชว์เข้ามาเรื่อย ๆ ในแบบที่สามารถใช้ดนตรีเลี้ยงชีพได้ แต่ก็มีวงอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเติบโตก้าวขึ้นมาเป็นวงที่ยิ่งใหญ่ในระดับโลกให้ได้ แน่นอนว่าเป้าหมายมีไว้พิชิต แต่ก็ไม่ใช่ทุกวงที่จะฝ่าฟันตะลุยอุปสรรคจนไปถึงฝั่งฝันได้ แต่สำหรับวง Bring Me The Horizon พวกเขาสามารถทำได้สำเร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อย THIS IS WHAT THE EDGE OF YOUR SEAT WAS MADE FOR จุดเริ่มต้นของวง Bring Me The Horizon เริ่มต้นเมื่อปี 2004 ณ เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ จาก 2 คู่ซี้ Oliver Sykes (นักร้องนำ) และ Matt Nicholls (มือกลอง) ทั้งคู่ต่างชื่นชอบดนตรีเมทัลคอร์ที่มีกลิ่นอายของนอยซ์ซาวด์ (ยุคเก่า) ของฝั่งอเมริกาเป็นอย่างมาก อย่างเช่นวง
ต้องยอมรับเลยว่าบรรดาเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ ๆ ต่างเติบโตกันมาด้วยมุมมองที่หลากหลายมากกว่าเดิม สาเหตุก็มาจากการเข้าถึงสื่อต่าง ๆ ง่ายเพียงปลายนิ้วผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน มันสะท้อนออกมาทั้งจากทางความคิด การแต่งตัว และการฟังเพลงด้วยเช่นกัน สังเกตได้จากเพลย์ลิสต์ที่ไม่ได้ยึดติดกับแนวใดแนวหนึ่งเป็นพิเศษ แต่มันจะคละไปด้วยเพลงดี ๆ ที่แนวทางแทบจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราอาจจะได้ฟังทั้งเพลงป๊อป, เพลงร็อก หรือแม้กระทั่งเพลงสายอินดี้ จากเพลย์ลิสต์เดียวกัน แตกต่างจากคนยุคก่อนที่มักจะยึดการฟังเพลงจากแนวใดแนวหนึ่งที่ชื่นชอบเป็นหลัก สิ่งที่ได้กล่าวมามันก็ได้หล่อหลอมสร้างศิลปิน/นักดนตรี รุ่นใหม่ขึ้นมาด้วยเช่นกัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดในยุคนี้คงต้องยกให้ Yungblud หนุ่มวัย 25 จากประเทศอังกฤษ หรือชื่อจริงคือ Dominic Richard Harrison ที่สร้างดนตรีจากซาวด์ที่เขาชื่นชอบและเติบโตขึ้นมา ทำให้เราจะได้ฟังสีสันอันหลากหลายจากผลงานของเขา ไม่ว่าจะเป็นป๊อปพังก์, โพสต์พังก์, ฮิปฮอป หรือแม้กระทั่งเมทัล ดังเช่นตัวอย่างเพลงต่อไปนี้ “PARENTS” ผลงานจากอัลบั้ม “Weird!” (Digital Edition) ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2020 เพลงนี้โดดเด่นด้วยการร้องแร็ปไปพร้อมกับบีตที่ใช้เป็นเมนหลักแทบทั้งเพลง แต่ก็มีการซ่อนซาวด์กีตาร์ในสไตล์อัลเทอร์เนทีฟร็อกเข้ามาเพิ่มความน่าสนใจ และมันจะพุ่งออกมาให้เห็นได้ชัดในช่วงของท่อนฮุค “PSYCHOTIC KIDS” เพลงนี้อยู่ในอัลบั้มแรกที่มีชื่อว่า “21st Century Liability” (2018) ส่วนผสมของเพลงนี้มีความหลากหลายมาก ๆ