“เท่สุด ๆ ไปเลย” คำอุทานจากทุกคนที่ได้เห็นหน้าตาและความสามารถของรถตู้เอนกประสงค์ไซส์มินิ แต่อัดแน่นด้วยฟังก์ชันรองรับทุกกิจกรรมลุย และเทคโนโลยีพร้อมพลังงานไฟฟ้าคันนี้ ชื่อของมันคือ XBUS รถตู้พลังไฟฟ้าสัญชาติ German เป็นรถที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถ สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้มากมาย แหล่งพลังงานแบตเตอรี่ 10kWh 75 แรงม้า แม้จะไม่มาก แต่ตัวเลขแรงบิดกลับเคลมไว้มากถึง 737lb-ft ซึ่งค่อนข้างแปลก แต่ถ้าจริงก็นับว่าแรงบิดระดับน้อง ๆ supercar เลยทีเดียว ส่วนตัวคิดว่าน่าจะหมายถึงแรงบิดตีต้นที่ราว 0-100 km/h ด้วยรูปทรงของรถที่ไม่น่าจะมี Top speed สูงมากนัก ตัวรถดีไซน์พื้นที่ด้านหลังแบบ Modular 3 ตอน ช่วยให้สามารถแบ่งส่วนพื้นที่และปรับแต่งการใช้งานได้อย่างไร้ขีดจำกัด ตั้งแต่เปิดโล่งเป็น flat-bed pick-up สำหรับบรรทุกของ บรรทุก surfboard ไปทะเล จะปรับเป็นพื้นที่สำหรับโดยสารสไตล์ boxy vans ก็ยังได้ หรือจะปรับเป็นพื้นที่บรรทุกสัมภาระแบบรถ mini truck ก็ได้เช่นกัน ซึ่งสำหรับสายลุยป่าตั้งแคมป์ ก็ยังมีชุด off-road option
Sportster® S เป็นรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตที่ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อมอบประสบการณ์แห่งการขับขี่อันดุดัน ก้าวแรกของยุคใหม่แห่งรถมอเตอร์ไซค์ตระกูลสปอร์ตสเตอร์ ด้วยเครื่องยนต์ V-Twin สองลูกสูบ Revolution® Max 1250T พร้อมกำลัง 121 แรงม้า เพื่อตอบโจทย์ให้ผู้ขับขี่สามารถเดินทางสู่อิสรภาพได้อย่างเต็มกำลัง รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Sportster® S มีสไตล์ที่ดุดันและทรงพลัง ถังน้ำมันและส่วนท้ายรถถูกประกบเข้ากับเครื่องยนต์ เพื่อให้แก่นกลางของตัวรถมีความน่าดึงดูด ยางหน้าขนาดใหญ่แบบไร้บังโคลนให้ความรู้สึกเหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์สไตล์บ็อบเบอร์สุดคลาสสิก ในขณะเดียวกัน ณ ส่วนท้ายของรถ ท่อไอเสียที่มีการยกสูงและที่นั่งเดี่ยวแบบบาง ได้แรงบันดาลใจมาจากรถมอเตอร์ไซค์แข่งรุ่น XR750 ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ตะเกียบหน้าแบบหัวกลับและยางขนาดใหญ่ สะท้อนให้เห็นว่านี่คือรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสมรรถนะสูง ระบบส่งกำลังที่โดดเด่นด้วยพื้นผิวแบบ Chocolate Satin บนฝาครอบเครื่องยนต์แมกนีเซียมน้ำหนักเบา ซึ่งทั้ง สี สัมผัส พื้นผิว และรายละเอียดต่าง ๆ ที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีเพื่อทำให้รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Sportster® S มีลักษณะของรถดัดแปลงที่สามารถอวดโฉมได้แม้จะจอดไว้เฉย ๆ ในโรงจอดรถ เครื่องยนต์ Revolution Max 1250T ขนาด 1,250 ซีซี คือหัวใจของรถรุ่น
Lamborghini Miura supercar แม่พิมพ์ที่สร้างตำนานอันยิ่งใหญ่ รวมถึงจุดเริ่มต้นของสัญลักษณ์กระทิงดุ เป็นรถหายากที่ควรค่าแก่การสะสมอย่างไม่ต้องสงสัย ในตระกูล Miura เองก็มีหลายรุ่นที่พิเศษแยกย่อยออกไป ซึ่งเราเคยนำเสนอไว้แล้วในบทความนี้ “LAMBORGHINI MIURA กระทิงนักสู้ตัวสำคัญที่ยังรันวงการ SUPERCAR” แต่รุ่นที่หายากที่สุดของ Miura ทั้ง 700 คันที่ถูกผลิตออกมา พึ่งจะถูกนำออกมาเปิดประมูลให้นักสะสมขนหัวลุกกัน นั่นคือ Lamborghini Miura SVJ “The Corsican” supercar edition พิเศษที่มีเพียง 3 คันในโลก Miura SVJ ถือกำเนิดขึ้นในปี 1970 เมื่อ Bob Wallace หัวหน้าฝ่ายทดสอบรถของ Lamborghini รู้สึกว่า Miura เวอร์ชั่นปกติยังมีศักยภาพอีกหลายจุดที่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้หากต้องการเป็นผู้ชนะในสนามแข่ง จึงลงมืออัพเกรด Miura ลดน้ำหนักตัวลงด้วยบอดี้ผลิตจาก aluminum-alloy อัพเกรดช่วงล่างสำหรับสนามแข่งและพัฒนา aerodynamic ด้วย aero kit ที่มีช่องดักลมแตกต่างจากรุ่นปกติ ปิดท้ายด้วยการจูนเครื่องยนต์ V12
BMW เสริมความสดใหม่ให้กับ mid-size SUV หรู ด้วย limited edition “Black Vermilion Edition” สำหรับ X5, X6 บนโมเดล xDrive40i รวมถึง X7 M50i ในโทนสีดำแดงพิเศษ ภายนอกโดดเด่นเตะตาด้วยกระจังไตคู่หน้าสีแดง ล้อ double-spoke ขนาด 22 นิ้วสี Orbit Grey และ brake calipers สีแดง เสริมความสปอร์ตทันสมัย ดุดันเข้ากับตัวถังสีดำ “BWM Individual Frozen Black Metallic” ไฟหน้า Adaptive Full LED Laserlight ชุดแต่ง M Sport รอบคัน กันชนหน้าหลัง รวมถึงท่อไอเสีย M Sport exhaust system สร้างความแตกต่างและย้ำภาพความสปอร์ตที่เหนือกว่าคู่แข่งบนท้องถนน
หลังการปลดระวาง 3 ทหารเสือ Elise, Exige, และ Evora ถ้าคุณต้องการเล่น Lotus นี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะได้ครอบครองเครื่องยนต์เผาไหม้ในตัวถัง Mid-engined Supercar ก่อนที่จะเปลี่ยนถ่ายไปสู่ยุคขุมพลังไฟฟ้าที่จะเริ่มหลังจาก Emira เป็นรุ่นสุดท้าย นอกจากเป็นขุมพลังเผาไหม้รุ่นสุดท้าย Lotus Emira ยังถือเป็น Supercar ที่น่าสนใจมากในหลายด้าน โดยเฉพาะดีไซน์ที่เรียกว่ายกมาจากตัวท็อปสุดของค่าย Lotus Evija Hypercar และสัดส่วนที่สวยงามลงตัวพอดี ไม่มีอะไรมากหรือน้อยเกินไป ฐานล้อขนาด 2,575 มิลลิเมต ยาวยิ่งกว่า Porsche 911 ในน้ำหนักตัวเพียงแค่ 1,405 กิโลกรัม Lotus Emira มีขุมพลังให้สองทางเลือก เริ่มจากเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร V6 จาก Toyota ซึ่งถูกใช้มาแล้วใน Exige และ Evora แต่ที่น่าสนใจคือเครื่อง M139 2.0 ลิตร turbo จาก AMG
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์สไตล์คลาสสิค ชื่อของ Honda ‘Super Cub’ หรือที่เรียกกันอย่างติดปากว่า ‘รถ C’ ต้องมีติดอันดับต้น ๆ ในฐานะ Iconic ของวงการขึ้นมาอย่างแน่นอน วันนี้เราจะพาชาว UNLOCKMEN ไปทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมา ไล่เรียงไทม์ไลน์ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ของ “รถมอเตอร์ไซค์ที่มีสถิติการขายถล่มทลายกว่าทะลุ 100 ล้านคัน”และเหตุผลที่มันได้รับความนิยมมาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้เรายังก็ไม่พลาดที่จะเอา ‘All New C125’ รุ่นใหม่ล่าสุดมาให้ดูกันด้วยว่า มีฟังก์ชั่นใหม่ ๆ อะไรที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นมาให้แฟน ‘Super Cub’ ได้ตื่นตาตื่นใจกันบ้าง บอกเลยว่าเป็นพลาดไปไม่ได้จริง ๆ หลายคนรู้จักความยิ่งใหญ่ของรถจักรยานยนต์ Honda แต่ถ้าพูดเจาะลึกลงไปถึงที่มาที่ไปของซีรี่ส์รถในตำนาน ‘Super Cub’ เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะรู้ถึงต้นประวัติกำเนิดอย่างถ่องแท้ เรื่องราวของ Honda ‘Super Cub’ ย้อนกลับไปไกลกว่า 60 ปี ในขณะที่ Honda ก่อกำเนิดขึ้นในปี 1906 และเจริญเติบโตจนกลายเป็นบริษัทผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นปี 1955
Jaguar E-Type ได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ที่สวยที่สุด อย่างน้อยก็ในสายตาของ Enzo Ferrari แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญการ restore รถรุ่นนี้อย่าง E-Type UK ที่มีชื่อเสียงด้านการจัดทรงให้กลับมีสภาพสมบูรณ์มาช้านาน รู้สึกอยากสร้างความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับ E-Type ให้มีมากกว่าความสง่า จึงจัดการอัพเกรดโปรเจคสุดอลัง จูนขุมพลัง V12 ให้แรงกว่าเก่า พร้อมอัพเกรดรายละเอียดสำคัญให้คลาสสิคแต่ทันสมัยเข้าไปด้วย ผลงานชิ้นนี้เป็นโปรเจคแรกของ E-Type UK หลังเปิด sub-brand ใหม่ชื่อ Unleashed และวางตำแหน่งให้เป็นสำนักแต่งรถสไตล์ restomod เน้นแต่งรถ retro ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และเน้นให้ขับง่าย ใช้งานได้สะดวกสบายกว่ารถคลาสสิค Jaguar E-Type Series 3 by Unleashed ถูกนำมาเพิ่มความจุเครื่องยนต์ V12 จากเดิม 5.3 ลิตร เพิ่มเป็น 6.1 ลิตร เพิ่มพละกำลังจาก 272 ให้กลายเป็น 400 แรงม้า
เมื่อไม่กี่วันก่อนมีข่าวเทคโนโลยีที่หลายคนฮือฮากันมาก นั่นคือเรื่องราวการทดสอบการบินระหว่างเมืองของ AirCar รถยนต์บินได้ของบริษัทสโลวาเกียชื่อว่า ไคลน์ วิชัน (Klein Vision) ซึ่งภายในเวลา 35 นาที สามารถเดินทางจากสนามบินไนตราไปยังสนามบินบราติสลาวาได้สำเร็จ แถมยังสามารถลงจอด และเปลี่ยนเป็นฟังก์ชั่นรถยนต์ได้แบบสมูทอย่างกับหลุดออกมาจากหนัง Sci-fi !! UNLOCKMEN เลยอยากพาทุกคนไปเข้าใจมันให้มากขึ้น ว่าทำไมมันถึงเป็นรถยนต์แห่งอนาคตที่จะเปลี่ยนแปลงการขับขี่ยานพาหนะของเราไปตลอดกาล ก่อนที่เราจะไปลงลึกกันเรื่องรถ AirCar เราอยากให้ทุกคนได้รู้จักกับผู้ผลิตมันก่อน นั่นคือ Stefan Klein ดีไซนเนอร์ผู้เคยทำงานให้กับบริษัทรถยนต์ชั้นนำหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Audi, Volkswagen และ BMW เขามีความฝันอยากจะเห็นรถยนต์บินได้ในชีวิตจริง จึงได้ร่วมกับคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทของเขา ก่อตั้ง ‘Klein Vision’ บริษัทวิจัยและพัฒนารถยนต์บินได้ขึ้นมา เพื่อสานฝันของตัวเอง Klein Vision สามารถพัฒนาผลงานต้นแบบแรกได้สำเร็จในปี 1989 และตั้งชื่อให้มันว่า ‘AEROMOBIL I’ (AM1) ซึ่งเป็นยานพาหนะที่มีลักษณะเหมือนเครื่องบินสไตล์ canard มาพร้อมกับความยาวปีกสองข้างรวมกันถึง 5 เมตร และมีผลการทดสอบบินที่ไม่น่าพอใจสักเท่าไหร่ เพราะติดปัญหาเรื่องความกว้างของยานพาหนะ หลังจากความล้มเหลวของ AM1
หลังทำลายสถิติเวลาขึ้นเป็นรถ SUV ที่เร็วที่สุดในเส้น Nordschleife ระยะทาง 20.8 กิโลเมตรของ Nurburgring ด้วยเวลา 7:38:9 เขี่ย Audi RS Q8 ลงไปด้วยเวลาที่น้อยกว่า 3 วินาที Porsche ไม่รอช้า เปิดตัว 2022 Cayenne Turbo GT ออกมาฉลองทันทีทันควัน นี่คือ Cayenne ที่เร็วที่สุดในรุ่นสำหรับพ่อบ้านที่อยากได้ทั้งความแรงและความสะดวกสบายในการเดินทาง เครื่องยนต์ 4.0-liter twin-turbo V8 ปรับจูนทุกชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ตั้งแต่ crankshaft, pistons, turbo, ปรับระดับแรงฉีดเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ รวมถึงระบบไอดีไอเสีย จนได้พละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 631 แรงม้า และแรงบิดที่เพิ่มขึ้นเป็น 849 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ 8-speed automatic ที่ผ่านการปรับการเปลี่ยนเกียร์ให้ไวขึ้น ความเร็วสูงสุด 300 km/h ทำเวลา 0-100 km/h ได้ภายใน
เรียกว่าแรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่แล้วกับกระแสรถสปอร์ต JDM จากยุคเก่า ที่ยิ่งเก๋าและราคายิ่งพุ่ง โดยเฉพาะกลุ่ม 4 จตุรเทพอย่าง Skyline GT-R, RX-7, NSX และ Toyota Supra หลายค่ายผู้ผลิตจึงเตรียมหันมาเปิดโปรเจคผลิตอะไหล่ให้กับรถ Iconic ของตัวเองกันอีกครั้ง คนเล่นรถจะได้ไม่ต้องไปขุดหาอะไหล่มือสองจากซากรถหรือของเทียบ aftermarket อีกต่อไป ก่อนหน้านี้ Nismo ได้เปิดโปรแกรม Restore รถ GT-R ให้กลับมาเหมือนใหม่อีกครั้งด้วยการรื้อประกอบใหม่ทุกจุด ล่าสุด Toyota ก็ได้เปิดตัวโปรแกรมที่ชื่อว่า “GR Heritage Parts Project” ผลิตอะไหล่ให้รถอย่าง Supra A70, A80 ให้ได้เบิกของแท้คุณภาพดีไปฟื้นฟูรถยนต์คันโปรดกันอีกครั้งนึง เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ Toyota จะนำเสนออะไหล่สำคัญ ๆ ที่หาซื้อได้ยากให้ Supra ไม่ว่าจะเป็นชุดแม่ปั๊มคลัชท์บนและล่าง ท่อยางเบรคแบบอ่อนตัว ไปจนถึงปุ่มปรับแอร์บนคอนโซล, กาบกันกระแทกข้างประตู, Oxygen sensor, กันชนหน้า ซึ่งอะไหล่ทั้งหมดจะผลิตในจำนวนจำกัด