Honda พึ่งจะยืนยันเกี่ยวกับไลน์รถยนต์ generation ใหม่ไปไม่นานนี้ ซึ่งมีชื่อของ Honda Civic generation ที่ 11 ว่าโมเดลใหม่จะไม่มีการทำตลาดในตัวถัง Coupe’ แต่จะมีแค่ Sedan และ Hatchback เช่นเดียวกับ generation ปัจจุบัน เพราะขายดีกว่าตัวถัง Coupe’ หลายเท่า และคาดว่าจะมีการเปิดตัวในช่วงปลายปี 2021 นี้ ล่าสุดมีการปล่อยภาพที่เชื่อว่าจะเป็น 2022 Honda Civic generation ที่ 11 ผ่านทาง CivicXI Forums ซึ่งเป็นภาพการยื่นจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับรูปทรงของรถ ซึ่งแม้จะไม่มีรายละเอียดอะไรชัดเจนมากนัก แต่ก็ทำให้เราได้เห็นรูปทรงและลายเส้นสำคัญ ๆ หลายจุด โดยเฉพาะหลังคาด้านท้ายที่ลาดลงยิ่งกว่า hatchback โฉมปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเผยให้เห็นตัวถัง hatchback ที่ยาวกว่าเก่า ลายเส้นดูเรียบง่ายไม่สปอร์ตเท่าตัวถังปัจจุบัน เช่นเดียวกับด้านหน้าที่ไม่มีช่องดักอากาศที่ดูฉูดฉาด แสดงให้เห็นทิศทางการออกแบบของ 2022 Honda Civic ว่าน่าจะเป็นไปในทางเรียบหรูดูภูมิฐานมากขึ้น แต่ที่ชัดเจนคือบริเวณไฟท้ายที่เปลี่ยนเอาไฟทรง boomerang
ถ้าหากลองกางลิสต์รายชื่อนักร้องยุค 90s ที่โด่งดังมาก ๆ ในสมัยที่เป็นยุคทองของวงการเพลง ทุกคนจะนึกใครกันบ้าง? แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีแรปเปอร์หนุ่มรุ่นเก๋า มากความสามารถอย่าง คุณเจ เจตริน อยู่ในลิสต์อย่างไม่ต้องสงสัย ผลงานเพลงแต่ละอัลบั้มการันตีด้วยยอดขายตลับเทปที่ถล่มทลาย แถมยังได้ฝากท่าเต้นอมตะตลอดกาลในเพลง ฝากเลี้ยง เอาไว้จนขึ้นหิ้งเป็นตำนานของไทยอีกด้วย และอย่างที่ทุกคนรู้กันว่า นอกจากบทบาทการเป็นนักร้องแล้ว ในอีกด้านหนึ่ง คุณเจ เจตริน ยังมีดีกรีเป็นถึงแชมป์เจ็ตสกี พ่วงด้วยแชมป์โปรทัวร์อื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน เรียกว่า ไปแข่งที่ไหน ก็ได้แชมป์ติดไม้ติดมือกลับมาฝากคนไทยเสมอ และนอกจากความเร็วทางน้ำ คุณเจยังเป็นคนที่ชื่นชอบรถยนต์ และความเร็วของรถยนต์สมรรถนะสูง ดังนั้นรถยนต์ที่คุณเจตัดสินใจครอบครองจึงต้องเป็นรถยนต์ที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่ากิจกรรมความเร็วเป็นของคู่กันกับผู้ชายอยู่แล้ว หลายคนฝันที่จะมีรถสปอร์ตเป็นของตัวเองสักคัน ซึ่งคุณเจก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาหลงใหลในความเร็วตั้งแต่ยังเด็ก ถึงขนาดเคยไปยืนดูแข่งรถแบบ Underground ตามถนนเป็นประจำ เมื่อโตมาได้มีโอกาสเป็นคนขับเอง วินาทีที่ได้สัมผัสกับความเร็วระดับรถแข่ง คุณเจรู้ทันทีว่า “นี่มันคือตัวตนของเราแล้วล่ะ” ความหลงใหลที่มีต่อความเร็วจึงติดตัวเขามาตลอดนับแต่วันนั้น โดยคุณเจให้คำนิยามกับกีฬา Motorsports ว่า ความเท่ ความเจ๋ง และความอันตรายของมันคือ ของจริง นอกจากจะมีเรื่องความเร็ว ความท้าทาย ยังมีเรื่องของเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มเร้าใจ เพียงแค่เสียงเครื่องถูกสตาร์ทติดขึ้น อะดรีนาลีนของเราก็พุ่งพล่านไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย
หลังจากรอคอยกันมาอย่างยาวนาน พร้อมภาพหลุดนับร้อยนับพันภาพ กระจังหน้าที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ในที่สุดก็ถึงเวลาเผยโฉมและข้อมูลสเปกทั้งหมดของ 2021 BMW M3 generation ที่ 6 และ M4 Coupe generation ที่ 2 ซึ่งได้รับการปรับปรุงจนกลายเป็น M ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อน all-wheel-drive และสมรรถนะระดับ 500 แรงม้าจากโรงงาน BMW M3 M4 ทั้งสองโมเดลใช้เครื่องยนต์ S58 twin-turbo 3.0-liter 6 สูบเรียง 473 horsepower at 6,250 rpm แรงบิด 550 Nm of toque มีให้ใช้ยาว ๆ ตั้งแต่ 2,650 – 6,130 rpm เทียบกับรุ่นก่อนหน้านับว่ามีแรงม้าเพิ่มขึ้นถึง 48 ตัว ทำเวลา 0-100
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา McLaren พึ่งจะเผยโฉม McLaren Senna LM ที่ผลิตแบบ limited edition สุดพิเศษเพียง 5 คัน เพื่อฉลองให้กับโอกาสครบรอบ 25 ปีที่ McLaren F1 GTR สามารถเข้าเส้นชัย 24 Hours Le Mans ในปี 1995 ได้อย่างสวยงามถึง 5 คัน แต่นั่นก็ยังไม่พิเศษพอ เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่น Track-only McLaren Senns GTR LM ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 5 คันเช่นเดียวกัน มาพร้อมลวดลวยที่ยกมาจากรถ McLaren F1 GTR ในอดีต บนบอดี้ของ Senna ยุคใหม่ที่โหดยิ่งกว่าเดิม รถ McLaren F1 GTR ทั้ง 5 คัน คือรถที่เข้าเส้ยชัยในการแข่งขัน 1995
ชื่อ Land Rover 110 เป็นที่หลงใหลของผู้ชายเล่นรถมานานนับตั้งแต่เริ่มทำตลาดในปี 1983 ด้วยดีไซน์ที่คลาสสิค มีเสน่ห์แบบผู้ดีอังกฤษมาจนถึงทุกวันนี้ โดยมีเลข 110 เป็นตัวบอกความยาวตัวถัง 110 นิ้ว หรือราว 2,800 มิลลิเมตร (ยังมี Land Rover 90 หมายถึงความยาวตัวถังราว 93 นิ้ว และ 127 ความยาวตัวถัง 127 นิ้ว) ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ดีไซน์ของรถที่แสดงออกชัดเจนถึงความเป็นรถลุยที่มีสไตล์ ทำให้หลายคนยอมควักเงินจำนวนแพงกว่าราคาตลาดเพื่อให้ได้ครอบครอง Land Rover 110 สภาพดี และมีสำนักแต่งรถจากทั่วโลกที่นิยมนำมันมาฟื้นฟูสภาพ หรือแม้แต่ดัดแปลงเป็นรถ PHEV ซึ่งล้วนได้รับความนิยมระดับ sold out ตั้งแต่เปิดรับ pre-order สำหรับเวอร์ชั่นล่าสุดที่เราหยิบมานำเสนอ เป็นผลงานของ Osprey Custom Cars ตั้งอยู่ใน North Carolina ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้าง Ford Broncos, Toyota
ใครซื้อ Honda N-One ไปตั้งแต่ generation แรก เราขอแสดงความยินดีด้วย เพราะมันถือเป็นรถที่ยากจะตกรุ่นแห่งวงการรถยนต์เลยทีเดียว ถ้าย้อนไปดู H0nda N-One ที่ออกสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2012 มาจนถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดที่แม้จะเรียกว่าเป็น Major Update แต่ก็ยากจะสังเกตความเปลี่ยนแปลง เพราะแม้กระทั่ง Honda เอง ยังระบุในเว็บไซต์ว่า “It doesn’t seem to have changed, but it has changed so much.” มาดูกันดีกว่าว่า Major Update ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เปลี่ยนแปลงนั้นมีอะไรใหม่ใน Honda N-One บ้าง เริ่มจากการเพิ่มไฟหน้า LED headlights ในทุกรุ่น เสริมความทันสมัยและความปลอดภัย แถมยังได้ Honda Sensing safety suite แบบครบ ๆ ตั้งแต่ adaptive
ใกล้จะเปิดตัวเต็มทีแล้ว สำหรับรถยนต์ทรง Compact Crossover จากแดนเกาหลีใต้ ที่สามารถทำผลงานได้ดีจนเป็นที่นิยมไปทั่วโลก นี่คือ 2020 Hyundai Tucson คู่แข่งตัวสำคัญใน category ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน สามารถต่อกรกับ Honda CR-V, Toyota RAV4 ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ 2020 Hyundai Tucson generation ใหม่ มีจุดเด่นที่เน้นย้ำเรื่องความทันสมัยที่พร้อมจะลุยไปได้ทุกที่ ซึ่งเป็นจุดขายที่รถตระกูลลุยยังไม่มีใครนำไปครอบครอง ใน generation นี้ Tucson ได้พัฒนามาใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ดีไซน์ภายนอก ภายใน ขุมพลัง ระบบขับเคลื่อนที่มีให้เลือกหลากหลาย หรือแม้แต่วัตถุดิบที่ล้ำสมัย การดีไซน์ด้านนอกของ 2020 Hyundai Tucson ทำได้อย่างยอดเยี่ยมจนดูเหมือนกับรถเวอร์ชั่น Prototype แต่นี่คือรถที่พร้อมเข้าสู่สายการผลิต โคมไฟหน้าที่รวมเข้ากับกระจังหน้าอย่างแนบเนียนลงตัว ซึ่ง Hyundai เรียกมันว่า “Kinetic Jewel Surfacing” ให้อารมณ์ทันสมัยและเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากค่ายอื่น ส่วนไฟท้ายแบบ quad LED 4 ชิ้นเชื่อมต่อกับไฟท้ายเส้นที่ลากยาวต่อเนื่องตามเทรนด์สมัยใหม่
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่เป็นแฟนเดนตายของรถยนต์นิสสัน โดยเฉพาะสายพันธุ์สปอร์ตที่ถือเป็นไอคอนของค่ายอย่างรถในตระกูล Z-Cars คงทราบข่าวการกลับมาอีกครั้งของรถยนต์เจเนอเรชันที่ 7 อย่าง Nissan 400Z ล่าสุดนิสสันได้เปิดตัว Nissan Z Proto ซึ่งคาดว่าเป็นรถยนต์ต้นแบบของ Nissan 400Z (Z35) ที่จะปล่อยรถคันสมบูรณ์ออกสู่ตลาดในปี 2021 (แต่อาจจะถูกเลื่อนไปเป็นปี 2022) โดยต้นแบบคันนี้มาพร้อมงานดีไซน์ที่น่าสนใจหลายจุด รวมถึงระบบเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง และเราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักต้นแบบ Z-Cars คันนี้ให้ดีขึ้นไปพร้อมกัน Z-Cars คือสายพันธุ์รถสปอร์ตจากนิสสันที่มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1969 เริ่มต้นจาก Nissan 240Z ซึ่งกลายเป็นต้นแบบที่ทำให้รถยนต์ในตระกูลนี้เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 6 กับ Nissan 370Z ที่เรียกว่าเป็นสองรองจาก GT-R เท่านั้น ซึ่งกินระยะเวลานานกว่า 50 ปีสำหรับคนที่สนใจสามารถอ่านเรื่องราวความเป็นมาของ Nissan Z-Cars ได้เลย Nissan ถือเป็นแบรนด์ที่ใช้เวลานานมากในการพัฒนารถ Iconic อย่าง GT-R หรือแม้แต่ Z-cars ที่ใช้เวลาเกือบ
หากจะให้พูดถึงสนามแข่งที่โหดและหินที่สุด ในการแข่งขันประชันความเร็ว เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักขับที่สามารถพิชิตสภาวะแวดล้อมสุดอันตรายได้นั้น ทุกคนจะนึกการแข่งขันแบบไหนกันบ้าง ? แน่นอนว่าหนึ่งในนั้น จะต้องเป็นกีฬารถแข่งที่จะทำให้คุณหัวใจเต้นแรงและตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งกีฬาที่เราหมายถึงก็คือ การแข่งรถทางฝุ่น หรือ การแข่งขันแรลลี่ (Rally) นั่นเอง โดยกีฬาประเภทนี้นับเป็นการแข่งรถที่ “โคตร” จะเร้าใจ ไม่ต่างกับดูหนังแอคชันเลย ด้วยสนามแข่งที่ขรุขระ เต็มไปด้วยอุปสรรคที่คาดเดาไม่ได้มากมาย ทุกการวิ่งคือสภาพพื้นฝุ่นและเศษหินที่เปลี่ยนแปลงไปเสมอ การเพ่งสมาธิไปข้างหน้าพร้อมฟังเพื่อนร่วมทีมบอกองศาการเลี้ยวอีกสามสี่โค้งข้างหน้าอย่างรวดเร็ว รวมทั้งสภาพอากาศที่ไม่เอื้อต่อการแข่งรถอย่างมาก และทั้งหมดที่ว่าไปนั้น เป็น “เสน่ห์” ที่ทำให้การแข่งรถแรลลี่เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก โดยมียอดผู้ชมจากทั่วทุกสารทิศที่ดูผ่านหน้าจอมากกว่า 700 ล้านคนเลยทีเดียว! ซึ่งกว่าจะผ่านไปสู่ลีกสูงสุด ต้องผ่านการคัดเลือกเพื่อไปสู่ WRC-3, WRC-2 และ WRC ซึ่งเส้นทางกว่าจะไปถึงนั้น ยากลำบากไม่แพ้พื้นถนนฝุ่นที่ด้านข้างคือหน้าผาและร่องหลุมสารพัด การเสียสมาธิแม้เพียงเสี้ยววินาทีบนสนาม Rally อาจหมายถึงความเป็นความตายได้ แต่น่าแปลกว่าทำไม การแข่งขันแรลลี่ที่น่าตื่นเต้นนี้กลับไม่เป็นที่พูดถึงมากนักในประเทศไทย หรือถ้ามี ก็อยู่ในกลุ่มคนหมู่น้อยมาก ๆ โดยเฉพาะความเสี่ยงจากอันตรายที่ทำให้นักขับไทยมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับการแข่งขันความเร็วทางเรียบ และเพราะความนิยมที่น้อยนิดนี้เอง ทำให้คนไทยหลายคนต้องพลาดโอกาสในการก้าวไปสู่ระดับโลก เพียงเพราะไม่มีสปอนเซอร์สนับสนุนพวกเขา ทั้งที่การแข่งขันระดับโลกแบบนี้ สามารถทำชื่อเสียงและดึงเงินเข้าประเทศได้อย่างมหาศาล
เชื่อว่าหลายคนที่ขับรถยนต์ได้ สอบใบขับขี่มาแล้วเรียบร้อยอาจรู้สึกแปลก ๆ หากมีใครชวนให้ไปเข้าคอร์สเรียนขับรถกันอีกสักรอบสองรอบ ดีไม่ดีอาจมีเคืองเสียด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าโดนอำเรื่องทักษะการขับรถที่ไม่เอาไหน แต่จริง ๆ แล้วการเรียน หรือการเข้าอบรมการขับขี่เพิ่มเติม ไม่ใช่เรื่องของมือใหม่ หรือคนที่ขับรถไม่ได้เพียงเท่านั้น เพราะการขับรถได้อาจไม่ใช่สิ่งการันตีว่าเราขับรถเป็นแต่อย่างใด ซึ่งการขับรถที่เรียกว่า ‘ขับเป็น’ จริง ๆ แล้วมันต้องเป็นการขับขี่ที่ทั้งสนุกและปลอดภัยในทุกเส้นทาง ซึ่งหลักการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิดโปรแกรม BMW Driving Experience โปรแกรมเพิ่มสกิลการขับรถระดับตำนานของวงการรถยนต์ ที่ในวันนี้เราจะพาผู้อ่าน UNLOCKMEN ทุกท่านย้อนไปดูจุดเริ่มต้น และเรื่องราวที่น่าสนใจของโปรแกรม Driving Experience จากค่าย BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเอาจริงเอาจังและเป็นหนึ่งในค่ายรถที่ได้รับการยอมรับเรื่องมาตรฐานการให้ความรู้และประสบการณ์การขับขี่สุดมันส์ และถือเป็นหนึ่งในโปรแกรมฝึกอบรมขับขี่ที่จัดขึ้นโดยผู้ผลิตยานยนต์เป็นครั้งแรก ซึ่งจัดมาอย่างต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ยุค 70s จนถึงปัจจุบัน ขับรถเป็นต้องสนุกและปลอดภัย หากจะให้ย้อนรอยที่มาของโปรแกรม BMW Driving Experience คงต้องเล่าย้อนไปถึงแนวคิดของ BMW ที่มองว่า แค่การผลิตสุดยอดยนตรกรรมสมรรถนะสูงนั้นยังไม่เพียงพอ แต่สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานยานพาหนะคู่ใจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ได้มากที่สุด จนกระทั่งในปี 1976 แนวคิดดังกล่าวได้เดินทางมาถึงจุดที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง จากการขอความร่วมมือของตำรวจเมือง Munich ที่ให้ค่ายรถ