สมองสั่งการให้สายตาของเราจับจ้องไปที่มันทุกครั้ง ประสาทสัมผัสของเรารับรู้และบอกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นคือ Harley-Davidson เสียงที่กระหึ่ม ดุดัน เร้าใจของเครื่องยนต์ V-Twin ข้อเหวี่ยงวางที่ตำแหน่ง 45 องศา กับรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม โดดเด่นและท่านั่งขับที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปฏิเสธไม่ได้ว่ารถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson คือรถในฝันของผู้ชายหลายคนที่ต้องการครอบครองสักครั้งในชีวิต เชื่อว่าหลายคนประทับใจภาพยนตร์ซีรีส์ในตำนานที่ว่าด้วยเรื่องราวแก๊งอาชญากรนักบิดนอกกฎหมายที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson เป็นพาหนะคู่ใจ อย่างเรื่อง “Sons Of Anarchy” แม้ว่าตัวหนังจะจบลงไปแล้วในซีซันที่ 7 แต่นอกจากเรื่องราวของหนังที่สนุกเข้มข้นแล้ว สิ่งที่โดดเด่นและอาจจะผิดมากหากเราไม่กล่าวถึงมันก็คือรถมอเตอร์ไซค์ของตัวละครหลักในเรื่อง โอกาสนี้ UNLOCKMEN จะพาไปดูรถมอเตอร์ไซค์ที่ตัวละครหลักในเรื่องแต่ละคนใช้เป็นยานพาหนะคู่ใจ Clay Morrow หัวหน้าแก๊งหรือประธานของคลับ Sons of Anarchy Motorcycle Club, Redwood Original (เรียกอย่างย่อให้เข้าใจได้ว่า SAMCRO) Clay เป็น 1 ใน 9 สมาชิกดั้งเดิมของคลับ ก่อนตำแหน่งประธานคลับจะถูกแทนที่ด้วยลูกเลี้ยงเขาในภายหลัง สิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนคือสิงห์นักบิดระดับหัวหน้าแก๊งในเรื่องคนนี้คือมือสมัครเล่นในชีวิตจริง เพราะ Ron Perlman เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเขาไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์มาก่อนในชีวิตจนกระทั่งมาแสดงในหนังเรื่องนี้ Clay’s Bike
หนุ่มที่ติดตามวงการไฮเปอร์คาร์หลายคนคงทราบข่าวการเปิดตัวรถยนต์คันใหม่ของ Koenigsegg (คอนิกเส็กก์) เป็นรุ่นพัฒนาต่อจาก Jesko โดยใช้ชื่อว่า Jesko Absolut (เจสโก แอปซอรูท) ที่มากับข่าวลือว่าสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 500 กิโลเมตร/ชั่วโมง Koenigsegg เปิดตัว Jesko Absolut แบบออนไลน์เพื่อเลี่ยงไวรัสหลังงาน Geneva Motor Show ถูกยกเลิกไป โดยยนตรกรรมคันใหม่ของพวกเขาถูกพัฒนาให้สมบูรณ์แบบทั้งเรื่องอากาศพลศาสตร์และขุมพลังซึ่งจะทำให้มันกลายเป็นไฮเปอร์คาร์ที่พุ่งทะยานบนท้องถนนได้เร็วสุดเท่าที่เคยผลิตมาของค่าย Jesko Absolut มากับงานดีไซน์ด้านหน้าเป็นช่องลมขนาดใหญ่ รวมถึงช่องอากาศ 2 ช่องด้านข้างตัวรถเหมือนกับใน Jesko รุ่นปกติ อย่างไรก็ตามดีไซน์ด้านหลังถูกเปลี่ยนใหม่โดยเลือกถอดปีกขนาดใหญ่ออกไป และแทนที่ด้วยครีบแนวตั้ง 2 ตัวที่ช่วยในการควบคุมรถได้ดีขึ้นในขณะที่โลดแล่นบนท้องถนนด้วยความเร็วสูง โครงสร้างตัวถังของ Jesko Absolut คันนี้ เป็นแบบ Monocoque ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างคาร์บอนไฟเบอร์และเคฟลาร์ ขณะที่ระบบ Aerodynamics ก็ได้รับการพัฒนาใหม่ก็ทำให้ Jesko Absolut มีค่าแรงต้านอากาศที่ 0.278 Cd เท่านั้น รวมถึงมีค่า Downforce ในความเร็ว 250
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือ COVID-19 ดูเหมือนจะยังคงขยายวงอย่างต่อเนื่อง เราทุกคนจึงต้องใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีสติ และการรู้จักดูแลรักษาความสะอาดให้กับตัวเองรวมถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้ปลอดภัยจากไวรัสอยู่เสมอ “รถยนต์” คือหนึ่งในสิ่งที่ผู้ชายอย่างเราควรให้ความสำคัญในการดูแลความสะอาดมากที่สุดในสถานการณ์แบบนี้ เพราะหลายคนใช้งานรถยนต์ส่วนตัวเกือบจะเป็นเรื่องประจำวัน และหลายครั้งมีเพื่อนในออฟฟิศรวมถึงคนในครอบครัวที่ใช้งานไปพร้อมกัน การรักษาความสะอาดทั้งภายในและภายนอกตัวรถเป็นเรื่องจึงเป็นเรื่องที่รอช้าไม่ได้ และต้องทำทุก ๆ วัน แต่เบื้องต้นวิธีไหนจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดมาเรียนรู้ไปพร้อมกัน ปกติแล้วรถยนต์ของเราจะไม่มีความเสี่ยงจากไวรัสโคโรน่า หากไม่เคยมีบุคคลที่ป่วยหรือสัมผัสเชื้อมาร่วมใช้งานด้วย อย่างไรก็ตามการความสะอาดส่วนต่าง ๆ ภายในห้องโดยสารจะช่วยให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นทุกครั้งที่ขับขี่ เพราะเราไม่รู้เลยว่าจะวันหนึ่งจะมีใครที่นำไวรัสเข้ามาปนเปื้อนภายในห้องโดยสารที่ใช้งานทุกวัน กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เผยแพร่ข้อมูลที่ว่าไวรัสโควิด-19 สามารถมีชีวิตอยู่บนวัสดุ เช่น พื้น โต๊ะ ลูกบิดประตูนาน 7-8 ชั่วโมง สามารถติดอยู่บนผ้านาน 8-12 ชั่วโมงและวัสดุผิวเรียบนาน 24-48 ชั่วโมง ซึ่งวัสดุและพื้นผิวหลายชนิดเหมือนกับวัสดุที่ใช้ภายในรถยนต์ การทำความสะอาดแต่ละส่วนจึงแตกต่างกันออกไป ควรใช้อะไรทำความสะอาดรถยนต์ ? ห้องโดยสารรถยนต์ประกอบไปด้วยวัสดุและพื้นผิวที่แตกต่างกัน ทั้งพลาสติก หนัง ยางและผ้า ซึ่งผู้เชี่ยวชาญพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรคที่มีแอลกอฮอล์มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นที่สิ่งที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดไวรัสได้ ขณะเดียวกันในพื้นผิวที่บอบบางต่อแอลกอฮอล์ทุกคนสามารถใช้น้ำสบู่ในการเช็ดทำความสะอาดเบื้องต้นได้เช่นกัน ขณะเดียวกันแนะนำว่าไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของสารฟอกขาว หรือส่วนประกอบของ Hydrogen peroxide ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับเบาะหนังและพลาสติกภายในห้องโดยสาร รวมถึงไม่ควรน้ำยาเช็ดกระจกสีฟ้าที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียมาใช้ทำความสะอาด Dashboard
เชื่อว่ามีหนุ่ม ๆ จำนวนไม่น้อยที่ชื่นชมผลงานซูเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตโดย Bugatti ค่ายรถยนต์สมรรถนะสูงจากประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะรถตระกูล Chiron ที่เคยครองสถิติความเร็วระดับโลกหลายต่อรุ่น ล่าสุดกับรุ่นพัฒนาใหม่ที่แม้ไม่เป็นที่สุดในโลกในเรื่องความเร็ว แต่เชื่อเถอะว่าจากจำนวนแรงม้าที่มี Bugatti คันนี้ก็ไม่มีใครเร่งให้ทันได้ง่าย ๆ แน่นอน เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีของเหล่าสาวก เพราะปลายปี 2020 นี้ Bugatti เตรียมปล่อยไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่ของค่ายที่ถูกพัฒนาให้มีศักยภาพมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นขุมพลัง ชุดเกียร์ รวมไปงานดีไซน์ซึ่งช่วยให้ระบบอากาศพลวัตทำงานได้ที่ดีขึ้น แต่รายละเอียดเฉพาะในแต่ละจุดจะเป็นยังไง มาชมไปพร้อมกัน Chiron Pur Sport คือรถยนต์รุ่นพัฒนาล่าสุดจาก Bugatti โดดเด่นด้วยงานดีไซน์ที่ขึ้นงานตัวอย่างด้วย VR Technology แทนการใช้ดินเหนียวทั้งคัน ไม่ว่าจะเป็นช่องอากาศด้านหน้ารถรูปเกือกม้าขนาดใหญ่ที่มีกราฟิกเลข 16 ตกแต่งไว้ข้างใน ฝากระโปรงทรง 3 เหลี่ยมที่มาบรรจบกันด้านหน้า พร้อมกับกราฟิกสีดำที่ลากตัดด้านยาวตัวรถ หากมองด้านข้าง Chiron Pur Sport เป็นส่วนผสมระหว่างสีน้ำเงินและสีดำ ไล่ตั้งแต่สเกิร์ตหน้าพาดยาวผ่านช่องลมด้านข้างตัวรถไปบรรจบกันที่ส่วนท้ายของตัวรถ ซึ่งเข้ากับล้อแม็กดีไซน์ดุดันสีดำและยาง Michelin Sport Cup 2R อย่างลงตัว ดีไซน์ด้านหลังของ Pur
รถยนต์ ถือเป็นอีกหนึ่งหลักฐานทางวัฒนธรรมที่สะท้อนความเป็นอยู่ของคนในแต่ละยุคได้ดี อย่างเช่นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นยุคที่ประเทศญี่ปุ่นผลักดันการคมนาคมทางรถยนต์ ซึ่งเน้นการผลิตที่ต้นทุนไม่สูง ขนาดรถไม่ใหญ่ สอดคล้องกับเศรษฐกิจและการขยายตัวของคนและเมืองในช่วงฟื้นฟู เป็นยุคเริ่มต้นความนิยมรถไซส์เล็ก หรือ Kei Car ในญี่ปุ่น และในโอกาสครบรอบ 100 ปีของ Mazda วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ R360 Coupe’ Microcars ที่ถือกำเนิดเมื่อ 60 ปีที่แล้ว และเป็นรากฐาน DNA ของรถ Mazda มาถึงในปัจจุบัน ในช่วงปี 1960 ขณะที่ USA นิยมรถ Muscle Car คันใหญ่แรงม้าเยอะ ประเทศญี่ปุ่นสนับสนุนให้ประชาชนใช้รถยนต์ไซส์เล็ก พละกำลังพอเพียง แลกกับผลประโยชน์ทางด้านภาษีและราคารถยนต์ที่ถูกสบายกระเป๋า แม้ Mazda R360 คันนี้จะไม่ใช่ Kei Car คันแรกของญี่ปุ่น แต่เป็นรถที่เปิดตัวแล้วได้ผลตอบรับดีมาก ด้วยขนาดที่กะทัดรัดเพียง 3 x 1.2 เมตร เครื่องยนต์วางหลัง 360
ถ้าพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์เท่ ๆ สักคันที่เหมาะกับผู้ชายสายคลาสสิกอย่างเรา เชื่อว่าแวบแรกหนุ่ม ๆ คงจินตนาการภาพรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ครุยเซอร์ (Cruiser) ที่โดดเด่นด้วยรูปร่างบึกบึน เบาะนั่งโหลดต่ำ และแฮนด์ยกสูง มาคู่กับไบเกอร์สวมกางเกงยีนส์และแจ็คเก็ตหนังสุดเฟี้ยว แต่ในบรรดาค่ายรถมอเตอร์ไซค์หลากสัญชาติบนโลก Indian Motorcycle ถือเป็นค่ายผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ครุยเซอร์ที่น่าจับตามองที่สุดในตอนนี้ แม้จะถ่ายทอดอารมณ์ของมอเตอร์ไซค์คลาสสิกออกมาได้สุดขีดแบบไม่กั๊ก แต่ก็ไม่หลงลืมการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการขับขี่ควบคู่ไปด้วย เมื่อไม่นานมานี้ Indian Motorcycle เพิ่งเปิดตัว ‘Scout Bobber Sixty 2020’ ที่เรียกว่าได้เสียงฮือฮาจากสิงห์นักบิดทั่วโลก เพราะโมเดลรุ่นนี้ถอดแบบโครงสร้างหลักของ Scout Bobber รุ่นพี่มาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ตั้งแต่ชุดเฟรม ระบบเบรก ระบบกันสั่นสะเทือน บังโคลนท้าย หรือแม้แต่ถังน้ำมัน เครื่องยนต์ V-Twin ของ Scout Bobber Sixty 2020 ลดปริมาตรความจุเครื่องยนต์จาก 1200 ให้เหลือ 999 ซีซี และลดขนาดให้เหลือเพียง 60 ลูกบาศก์นิ้วเท่านั้น มาพร้อม 5 เกียร์สปีด ขุมพลังขับเคลื่อนสูงสุด 78
หนุ่ม ๆ ที่หลงใหลในรถยนต์โดยเฉพาะโมเดลคลาสสิกที่ปล่อยออกมาระหว่างยุค 50’s-70’s คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของยนตรกรรมคันจิ๋วแต่โคตรแจ๋วอย่าง FIAT 500 (เฟียต 500) ตำนานซิตี้คาร์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อทั้งอุตสาหกรรมการผลิตและรูปแบบใช้งานรถยนต์ของผู้คนในทวีปยุโรปและทั่วโลก แต่อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ Fiat 500 ครองความยิ่งใหญ่ได้ทั้งในยุคก่อนรวมถึงสามารถยืนระยะโมเดลตั้งแต่วันแรกมาจนถึงปัจจุบัน วันนี้ THE ICONIC CARS พาทุกคนไปทำความรู้จักยนตรกรรมคันจิ๋วเปลี่ยนโลกคันนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม Fiat 500 เป็นรถยนต์ที่ผลิตโดย Fiat Automobiles ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ที่ตั้งอยู่ในเมืองตูริน ประเทศอิตาลี เรื่องราวของมันเริ่มต้นในช่วงปลายยุค 50’s เป็นยุคสมัยที่เฟียตมีความคิดที่จะสร้างรถยนต์ขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อใช้งานในเมืองที่มีถนนแคบและมีประชากรแน่นหนาให้เป็น People Cars เหมือนกับโฟล์คสวาเกนบีทเทิลในเยอรมนี พวกเขาต้องการผลิตรถยนต์ Economy Car ขนาดเล็กที่ตอบโจทย์ผู้คนสำหรับการใช้งานใช้ชีวิตประจำวัน แต่อีกเหตุผลสำคัญที่สุดคือมันต้องเป็นรถยนต์ที่มีราคาไม่สูงมาก มีค่าบำรุงรักษาต่ำ โดยได้นำแนวคิดรถยนต์ขนาดเล็กแบบวางเครื่องหลังเหมือนในบีทเทิลมาใช้ แต่ถ่ายทอดออกมาภายใต้งานดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเฟียต งานออกแบบในครั้งนั้นตกเป็นหน้าที่ของ ดานเต้ จิอาคอซา นักออกแบบรถยนต์ชาวอิตาเลียนและพัฒนาจนสามารถเปิดตัวครั้งแรกในปี 1957 โดยตั้งชื่อว่า Fiat 500 ซึ่งในเจเนอเรชันแรกประกอบไปด้วยรถรุ่นที่มีความแตกต่างกัน 6 โมเดลด้วยกัน Fiat 500 หรือ Fiat
นอกจากจอมปาด จอมแทรก, หลอดไฟจ้าแยงตาสว่างไกลยันชาติหน้า, ขับช้าแช่ขวาไม่สนสี่สนแปดใด ๆ อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถจุดชนวนอารมณ์ สร้างอาการหัวร้อนขณะใช้รถใช้ถนนได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้นเหล่าพลขับที่ไม่ยอมขยับก้านไฟเลี้ยว จะออกซ้าย ย้ายไปขวา หรือนึกจะเปลี่ยนเลน หักเลี้ยวเข้าซอยใด ๆ พี่แกก็แถเข้าไปดื้อ ๆ ยัดเยียดความเสี่ยงให้กับเพื่อนร่วมท้องถนนโดยไม่ถงไม่ถามสุขภาพกันสักคำ สำหรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ขั้นเบาะ ๆ ก็แค่ใจหายใจคว่ำ หนักหน่อยก็ถึงขนาดชนโครมเข้าไป ทำให้เสียเวลา เสียทรัพย์ อาจลุกลามถึงขั้นเสียชีวิต หรือเลวร้ายที่สุดคือเคสต่อเนื่องของอาการตกใจจากรถไร้มารยาทจนต้องหักหลบไปชนเข้ากับผู้ขับขี่ดวงตกรายอื่นที่ขับตาม ๆ กันมา จนเกิดความบรรลัยสร้างความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินเพิ่มเติมเป็นวงกว้าง ในขณะที่รถคันต้นเหตุมารยาททรามยังขับต่อไปได้แบบชิลล์ ๆ ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เรื่องคงไม่เกิดแค่พี่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซึ่งใช้เวลาสั้นกว่าตอนที่พวกเราออกเสียงสรรเสริญว่า…่องตาย เสียด้วยซ้ำ สุดท้ายก็วนมาที่เรื่องเดิม อย่างที่รู้กันดีว่าไฟเลี้ยวนั้นใช้งานได้ง่ายดายโคตร ๆ แต่ทำไมไม่ค่อยใช้กัน และสิ่งนี้ได้กลายเป็นปริศนาลึกลับดำมืดคาใจหลายคนกับคำถามที่ว่า “จะเปลี่ยนเลน จะเลี้ยวรถแล้วทำไมไม่เปิดไฟเลี้ยวกันวะ?” ซึ่งข้อสงสัยนี้ไม่ได้มีเฉพาะชาวไทยแลนด์แดนสยามเท่านั้น เพราะอีกซีกโลก ประชาชนชาวฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกาก็สงสัยเรื่องความชุ่ยของคนที่ไม่เปิดไฟเลี้ยวเช่นเดียวกัน เรื่องมันเริ่มต้นที่นายแพทย์ John Golia จากเมือง Fort Lauderdale ตอนใต้ของรัฐฟลอริดา
หนุ่ม ๆ ที่เป็นแฟนของค่ายซูเปอร์คาร์จากประเทศอังกฤษอย่าง McLaren ปลายปีนี้เตรียมเฮกันได้เลย เพราะ McLaren เพิ่งประกาศเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่น้ำหนักเบาและทรงพลังที่สุดในตระกูล Longtail โดยขนานนามให้กับมันว่า 765LT 765LT เป็นรถยนต์รุ่นล่าสุดของ McLaren Super Series ต่อจากโมเดล 720S ที่มีขนาดตัวรถยาวกว่ารุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย รวมถึงน้ำหนักเบากว่าถึง 80 กิโลกรัม โดยได้แรงบันดาลใจและใช้อุปกรณ์บางชิ้นเหมือนจาก McLaren Senna และวางแผนจะผลิตเพียง 765 คันเท่านั้น McLaren 765LT ยังคงดีไซน์ภายนอกเหมือนกับในรุ่น 720s ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้ารวมถึงช่องอากาศด้านล่างตัวรถ แต่มีการเพิ่มช่องอากาศขนาดเล็ก 2 ช่องไว้บนซุ้มล้อหน้า รวมถึงใช้กระจกมองข้างสีทู-โทนที่เข้ากันอย่างลงตัว ดีไซน์ด้านหลังของ 765LT ใช้เป็นตระแกรงผสมกับคาร์บอนไฟเบอร์ รวมถึงชุดท่อไอเสียแบบ 4 ช่องที่หุ้มด้วยไทเทเนียมพร้อมกระจกแบบบางพิเศษสไตล์มอเตอร์สปอร์ต สำหรับหนุ่ม ๆ ที่กลัวว่าจะมีสีรถให้เลือกไม่จุใจสายซิ่งที่ชอบสีสัน ทาง McLaren เขาบอกมาว่าหายห่วง เพราะ 765LT นั้นมาพร้อมสีสันให้เลือกหลากหลายแน่ ๆ แต่อาจต้องรอยืนยันสีสันทั้งหมดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง นอกจากนี้ยังให้ชุดยาง
911 รถรุ่นเรือธงของค่าย Porsche นั้นพัฒนาให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปล่อยรถรุ่น Turbo S ของปี 2021 ออกมาแล้ว ว่ากันว่านี่คือรุ่นที่ทรงพลังที่สุดที่เคยผลิตมาของรหัสตัวถัง 992 ปี 2021 Porsche เตรียมเปิดตัวโมเดล 911 “Turbo S” ซึ่งผลิตออก 2 สไตล์ คือ Coupe (2 ประตู) และ Cabriolet (เปิดประทุน) ถือเป็นการขยายไลน์ของ 911 ในรหัส 992 ให้เพิ่มขึ้น หลังการเปิดตัวรุ่น Carrera S และ Carrera S4 ก่อนหน้านี้ 911 “Turbo S” ทั้ง 2 คันยังคงรูปแบบดีไซน์ตัวถังของรหัส 992 เอาไว้ แต่ขยายขนาดความกว้างของตัวรถให้มากขึ้นรวมถึงพัฒนาระบบอากาศพลวัตด้วยให้ดีขึ้นด้วย ทั้ง 2 คันมาพร้อมระบบโครงสร้างรถที่เรียกว่า Porsche Dynamic