ถ้าพูดถึงหนึ่งในมอเตอร์ไซค์รุ่นที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดตลอดกาล หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ Honda Super Cub ติดโผอยู่แน่นอน ด้วยอายุที่เก่าแก่เกิดมาตั้งแต่ปี 1958 เก๋ามาถึงทุกวันนี้ก็ร่วมปีที่ 60 เข้าไปแล้ว โดยมีตัวเลขการผลิตสะสมถึงปี 2014 เป็นจำนวนมากถึง 87 ล้านคัน มากกว่าจำนวนประชากรไทยทั้งประเทศซะอีก จุดเด่นของ Honda Cub ทุก generation นั้นขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบ ที่เก็บรายละเอียด จุดเด่นของ Cub ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น icon of 20th century เคียงข้าง VW Beetle หรือ Ford Model T ส่งต่อกันมาได้อย่างมีสไตล์ เรียกว่าทุกวันนี้ก็ยังดู Vintage ไม่เคยล้าสมัย และไม่เคยลดความน่าสนใจลงไปเลย จนกระทั่งในปี 2009 เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็น Honda EV Scooter แบบ Cenceptual Version แต่ก็ไม่ได้มีข้อมูลอะไรเปิดเผยออกมามากมายนัก ปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนานถึงปี 2015
คุณเคยคิดไหมว่า ถ้าหากจะมีรถที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมในระดับ Supercar แต่มีหน้าตาแบบรถเก๋งใช้งานธรรมดา ๆ มันจะมีใครยอมจ่ายเงินมหาศาลเพื่อมันบ้างรึเปล่า? ที่ถามแบบนั้นก็เพราะว่าคนแทบทุกคนที่ตัดสินใจซื้อ Supercar ก็มักจะชื่นชอบในสไตล์ของรถที่เป็น Sport 2 ประตู กันทั้งนั้น ดูเหมือนว่าเรื่องของความแรงจะเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจอันดับรองลงมาด้วยซ้ำ ดังนั้นคำตอบของคำถามข้อนี้ที่เราคิดไว้ก็คือ คงจะไม่มีใครอยากได้รถราคาหลัก 10 ล้าน แต่มีหน้าตาธรรมดา ๆ เหมือนรถเก๋ง 4 ประตู ทั่วไปอย่างแน่นอน แต่สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากเกาะอังกฤษอย่าง Juguar Land Rover คงจะมีไอเดียที่แตกต่างออกไปจากเรา แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ 100% แต่พวกเขาก็คิดว่า อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะมีคนสัก 300 คน ที่จะยอมเสียเงินหลายล้าน เพื่อจะเป็นเจ้าข้อง Supercar ในร่าง Saloon หลังจากที่ได้มีการเปิดตัวโปรเจ็คใหม่อย่าง Jaguar XE SV Project 8 ออกมาให้เห็นกันแบบตัวเป็น ๆ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ Jaguar XE SV Project
สำหรับแบรนด์ BMW นั้น คงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความว่า เป็นแบรนด์ที่ผลิต หรือจำหน่ายอะไร ด้วยชื่อชั้นประวัติศาสตร์ และสมรรถนะในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ทำให้ BMW เป็นหนึ่งในรถที่ผู้ชายหลายต่อหลายคนหมายปอง ถึงขั้นยกให้เป็นรถในฝันกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น BMW 1 Series , BMW 2 Series, BMW 3 Series, BMW 5 Series, BMW 6 Series รวมถึงรุ่นใหญ่ซึ่งเป็นรุ่นยอดฮิตของเหล่าผู้บริหารทั้งหลายอย่าง BMW 7 Series ซึ่งทุก Series ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เราคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริง ทาง BMW ยังมี 8 Series อยู่ด้วย แต่มันมีการผลิตออกมาเพียงช่วงสั้นๆ (2000-2003) ก่อนที่จะหยุดสายพานการผลิตไปกว่า 20 ปี ทำให้หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่า มี BMW Series นี้อยู่ด้วย โดยเฉพาะในประเทศไทยของเรานั้น
ในด้านการตลาด กลุ่มเป้าหมายที่สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ไม่สะเทือนในทุกสภาพเศรษฐกิจ ก็คือกลุ่ม Upper Upper ที่มีเงินถุงเงินถังมากมายพร้อมใช้อัพเกรดไลฟ์สไตล์สะท้อนสถานะทางสังคม เราจึงได้เห็นการแข่งขันที่ดุเดือดเพื่อแย่งเงินจากกระเป๋าลูกค้ากลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะวงการยานยนต์ ที่มีการอัพเกรดรุ่นใหม่ ๆ โมเดลแรง ๆ ออกมาแบบปีต่อปี แบรนด์รถยนต์หรูพากันนำเสนอโมเดลรองรับทุกการใช้งาน โดยเฉพาะ BMW ที่ปัจจุบันมีโมเดลหลักเรียงตั้งแต่ 1 ถึง 7 และยังไม่พอ เราได้เห็น BMW เปิดตัว teaser ของ 8-Series ใหม่ล่าสุดไปไม่นาน ขณะที่เรากำลังวิเคราะห์คาดเดาหน้าตาของ 8-Series อยู่ ก็มี Photoshop-God สะบัดมือ Render ภาพให้เราดูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องรอถึงงาน Concorso d’Eleganza Villa d’Este ที่ BMW ประกาศว่าจะเปิดตัว 8-Series concept ถึงวันที่ 26 พฤษภาคม Graphic Designer “Peisert Design” ก็ได้จัดการนำภาพ Teaser
เมื่อพูดถึง Supercar ผู้ชายร้อยทั้งร้อย ต้องมีความใฝ่ฝันที่จะได้มาครอบครอง หรือขอแค่ได้ลองขับขี่เพื่อสัมผัสความคลั่งของขุมพลังจากม้าคอกใหญ่สักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่วันนี้เราไม่ได้มาพูดถึงหนทางในการได้เป็นเจ้าของ Supercar เพราะสิ่งที่น่าค้นหามากกว่าคือ เรื่องราวความหลงใหลในสุดยอดยนตรกรรมมูลค่าสูง ว่าเหตุใดมันจึงสามารถครองใจชายอย่างเราได้ทุกยุคทุกสมัย จนหลายคนยอมจ่ายโดยไม่เกี่ยงราคาเพื่อให้ได้มา และการเป็นเจ้าของ Supercar สักคัน จะต้องโฟกัสจุดไหนบ้างถึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่หลงใหลอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ประดับบารมี ก่อนอื่นเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าบรรดาผู้ครอบครอง Supercar อย่าง Porsche, Ferrari, Lamborghini, Bugatti ฯลฯ นั้นต่างก็มีความหลงใหลในดีไซน์ และสมรรถนะ ซึ่งมีความเหนือชั้นเกินกว่าที่ยานยนต์ทั่วไปบนท้องถนนจะสามารถเทียบเคียงได้ อีกทั้งยังต้องเป็นผู้ที่ชื่นชอบการเสพสุนทรียภาพความสนุกสนานแห่งการขับขี่ด้วยตนเอง แม้หลายคนจะมองว่าถนน และสภาพการจราจรของเมืองไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ นั้นไม่เอื้อต่อการปลดปล่อยศักยภาพความเป็น Supercar ออกมาได้อย่างเต็มที่นัก แต่จากการที่เรามีโอกาสได้พูดคุยกับบรรดาเจ้าของ Supercar ในเมืองไทย แทบทุกคนต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า เหตุผลในการเลือกขับ Supercar บนท้องถนนทั่วไปนั้นไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่ความเร็วสูงสุด แต่เป็นความหลงใหลในอารมณ์ที่ได้จากการขับขี่ด้วยอัตราเร่งที่สั่งได้ดั่งใจ ทุกความรู้สึกจากพื้นถนนสู่ล้อ ผสานกับแรงบิดมหาศาล และเสียงคำรามของเครื่องยนต์ซึ่งถูกส่งผ่านขึ้นมายังตัวเราที่นั่งควบคุมอยู่หลังพวงมาลัย คือสิ่งที่กระตุ้นอะดรีนาลีนให้พลุ่งพล่าน ตอบสนองต่อสัญชาตญาณดิบที่ซ่อนอยู่ในใจทุกคน นอกเหนือจากเรื่องของดีไซน์โดดเด่นสวยงามสะดุดตา และสุดยอดสมรรถนะที่เร่งเร้าอะดรีนาลีนของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี ยังมีอีกจุดสำคัญที่ผู้หลงใหล Supercar ไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือยาง ซึ่งถือเป็นจุดละเอียดอ่อนที่สุด เพราะเป็นจุดเดียวของตัวรถที่สัมผัสกับพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา
สำหรับผู้ชายส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีนิสัยชอบความเร็วหรือไม่ก็ตาม เราเชื่อว่า ทุกคนคงต้องเคยผ่านการลงสนามแข่งขับ Go-Kart กันมาบ้างอยู่แล้ว และยิ่งถ้าได้ขับแข่งกับเพื่อนๆ เป็นกลุ่มด้วยแล้วล่ะก็ การขับ Go-Kart ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ให้ความบันเทิงกับผู้ชายได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ในคนที่เคยขับรถ Go-Kart คงจะรู้ดีว่า เห็นรถคันเล็กๆ แบบนั้น เวลาวิ่งอยู่ในสนามอาจดูเหมือนไม่เร็วนัก แต่ถ้าได้ลองขับเอง รถจิ๋วแบบนี้ก็มีพิษสงมากพอจะทำให้อดีนารีนสูบฉีดไปทั่วทั้งร่างได้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเคยสัมผัสประสบการณ์ความแรงจากไหนมา ก็ต้องลดหดตัวกลายเป็นเพียงอารมณ์จักรยานเด็กเล่น เพราะสำหรับ Go-Kart คันนี้ เรียกได้ว่า เปิดตัวมาไม่ทันไร ก็กลายเป็นตำนานบทใหม่ Run วงการไปเป็นที่เรียบร้อย มันคือ Go-Kart ที่มีชื่อเต็มๆ ว่า “The Daymak C5 Blast” คันนี้ ได้เปิดตัวออกมาอย่างยิ่งใหญ่ แถมยังพ่วงคำต่อท้ายเป็นลายสักเสือเผ่นว่า ‘เร็วที่สุดบนโลกเท่าที่เคยมีมา’ อีกด้วย หลายคนคงสงสัยว่า จะไม่มีรถ Go-Kart คันไหน จะเร็วไปกว่าคันนี้อีกแล้วจริงหรือ? คำตอบที่ได้ก็ต้องทำให้ข้อสงสัยทั้งหมดจบลง เมื่อมีการเผยสถิตความแรงของมันออกมาว่า Super Go-Kart คันนี้สามารถทำความเร็วจาก 0-100 km/h ได้ ภายในเวลา
เราเชื่อว่าชาว UNLOCKMEN หลายคน คงพอจะรู้ตัวดีว่า ผู้ชายอย่างเรามีความชอบใน Supercar แบรนด์ดังอย่าง Porsche กันอยู่แล้ว ด้วยความหรูหรา, ความลงตัวด้านการ DESIGN และสมรรถนะที่เร้าใจ ทั้งรุ่นใหม่ๆ และ รุ่นเก่าสไตล์คลาสสิค โดยหนึ่งปรมจารย์นักแต่งรถ และเซียนบูรณะ Porsche ระดับตำนาน ที่เราติดตามผลงานมาอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือ Rod Emory ผู้ที่ชุบชีวิต Vintage Porsche มานับไม่ถ้วน ชายคนนี้พึ่งจะมีผลงานชิ้นโบว์แดง ที่พิเศษกว่าครั้งไหนๆ เพราะครั้งนี้ Emory วางมือจากรถ Porsche มาทำสิ่งในใหม่ที่เราคาดไม่ถึง นั่นคือ E-Bike หรือ จักรยานไฟฟ้า ที่อาจฟังดูไม่เร้าใจเหมือน Supercar ที่เราคุ้นเคยกัน แต่เมื่อ E-Bike อยู่ในมือของ Rod Emory ซะอย่าง ความเท่ของมันจึงบังเกิดขึ้นมา แถมยังดูน่าขี่แบบสุดๆ กันเลยทีเดียว Emory ได้สร้าง Vintage Electric Outlaw Tracker โดยจับเอา E-bike มาพลิกโฉมให้มีคาแรคเตอร์ และเอกลักษณ์เช่นเดียวกับรถ Porsche จากสำนักแต่งของเค้า
Camaro ในยุคดั้งเดิมนั้น คงจะหาดูได้ยากมากแล้วในปัจจุบัน
ถ้าพูดถึงรถยนต์ที่เปรียบเสมือนสุภาพบุรุษสุดคลาสสิคชาวอังกฤษ เรายกให้ Jaguar E-Type รถยนต์แบบสปอร์ตที่เผยโฉมขึ้นมาเพื่อกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถยนต์ และเป็น classic car icon ตั้งแต่ปี 1961 จนถึงปัจจุบัน แม้เวลาจะผ่านไปร่วม 60 ปี แต่มูลค่าของรถกลับยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ เป็นของสะสมที่ผู้ชายทุกคนล้วนหมายปองจะครอบครองให้ได้สักคัน และด้วยไอเดียที่สุดยอดของบริษัท Jaguar Land Rover ได้จัดตั้งทีม Reborn Restoration Program ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ปลุกวิญญาณรถ Classic รุ่นเก่า ให้กลับขึ้นมาโลดแล่นใหม่อีกครั้งโดยเฉพาะ สำหรับคนที่ยังไม่รู้ Jaguar Land Rover ได้จัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกิจสำหรับโปรแกรม Reborn Restoration Program มีหน้าที่เลือกรถ vintage ภายใต้แบรนด์ของบริษัทในเครือ ที่เคยประสบความสำเร็จ และมีเรื่องราวน่าสนใจ เพื่อนำมาบิ้วขึ้นใหม่หมดอีกครั้งแบบ Original สุด ๆ ทั้งวิธีการผลิต รวมถึงอะไหล่ทุกชิ้นส่วนแบบ authentic ดั้งเดิมแน่นอน ดังนั้นนอกจากจะได้เงินจากกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักที่อยากสะสมประวัติศาสตร์ แต่ไม่อยากลุ้นว่ารถจะดับทุกสี่แยกไฟแดง ยังได้หยิบความสำเร็จในอดีตมาเล่นได้อีกนับครั้งไม่ถ้วนอีกด้วย
Designer ขอโชว์ไอเดียทางเลือกใหม่ โดยการนำเสนอ Porsche Motorcycle Concept