หากย้อนไปในช่วงยุค 80s หนุ่ม ๆ หลายคนคงพอจำได้ว่า ‘AKIRA’ หรือ ‘อากิระ คนไม่ใช่คน’ การ์ตูนแอ็กชันไซไฟอันโด่งดังได้เข้าฉายและกวาดรายได้ทั่วโลกไปอย่างถล่มทลาย ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของโลกอนาคตอันปั่นป่วนที่มีเด็กหนุ่มชื่อว่า ‘อาริกะ’ เป็นตัวเดินเรื่อง ในภาพยนตร์อ้างถึงเหตุการณ์ที่กรุงโตเกียวถูกทิ้งระเบิดปรมาณูในเดือนกรกฎาคมของปี 1982 ตั้งแต่นั้นไฟสงครามก็เริ่มปะทุขึ้นและสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ทำให้โตเกียวต้องล่มสลายลงในที่สุด ชาวญี่ปุ่นจึงต้องสร้างเมือง ‘Neo-Tokyo’ ขึ้นมาทดแทนเพื่อให้เป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา Neo-Tokyo ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองอุตสาหกรรมเฟื่องฟูภายใต้ฉากหลังของซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งร้าง อย่างไรก็ตามเมืองแห่งนี้ยังคงเอกลักษณ์ของแสงไฟหลากสีที่ส่องสว่างในยามค่ำคืน แบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Casio จึงหยิบอัตลักษณ์ของเมือง Neo-Tokyo มาถ่ายทอดลงในซีรีส์ ‘G-SHOCK Neo-Tokyo’ ที่เลือกโมเดลนาฬิกาดิจิทัลและแอนะล็อกรุ่นยอดนิยมของแบรนด์ ทั้ง GA140, GA700, GAS100 และ DW6900 มาประยุกต์ให้ดูเท่และร่วมสมัยยิ่งขึ้น การดีไซน์ของนาฬิกาแต่ละเรือนจะถูกห่อหุ้มด้วยสี jet black ตั้งแต่ตัวเรือน สายรัดเรซิ่น ไปจนถึงขอบเบเซล ทำให้ง่ายต่อการจับคู่กับเสื้อผ้าหรือมิกซ์แอนด์แมตช์กับเครื่องประดับชิ้นอื่น ๆ บริเวณหน้าปัดของนาฬิกาทั้ง 4 รุ่น จะใช้แสงไฟอิเล็กโทร-ลูมิเนสเซนต์ (Electro-luminescent) ให้ความรู้สึกคล้ายกับแสงนีออนหลากสี เพื่อสะท้อนถึงเมือง Neo-Tokyo
จริงอยู่ที่ ‘สถาปัตยกรรม’ คือการออกแบบสิ่งก่อสร้างเพื่อมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคาร คอนโดมิเนียม หรือสิ่งก่อสร้างชนิดอื่น ๆ ที่มนุษย์ไม่อาจอยู่อาศัยได้อย่างเจดีย์ สถูป และอนุสาวรีย์ แต่สถาปัตยกรรมนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเมืองหลวงหรือหัวเมืองใหญ่เสมอไป ยังมีผลงานสถาปัตยกรรมเจ๋ง ๆ อีกมากมายที่ซุกซ่อนอยู่ทั่วทุกมุมโลก แม้ในป่าทึบที่เต็มไปด้วยธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต ก็มีพื้นที่มากพอให้สถาปัตยกรรมได้เผยตัวตนและสอดแทรกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่อย่างแนบเนียน BIG หนึ่งในสตูดิโอสถาปัตยกรรมชั้นนำของโลก ได้เข้ามารีโนเวตและแปลงโฉม Kistefos Museum and Sculpture Park ของประเทศนอร์เวย์ ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางทางวัฒนธรรมที่เหล่านักท่องเที่ยวอยากมาเยือน ในอดีต Kistefos Museum and Sculpture Park ก่อตั้งเมื่อปี 1996 โดย Christen Sveaas นักธุรกิจและนักสะสมชาวนอร์เวย์ ซึ่งภายในประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์อุตสาหกรรม หอแสดงนิทรรศการ และสวนประติมากรรม ที่จัดแสดงคอลเลกชันศิลปะของศิลปินดัง ทั้ง Anish Kapoor, Olafur Eliasson และ Fernando Botero เพื่อยกระดับผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นนี้ให้ดียิ่งขึ้น BIG จึงได้นำคอนเซ็ปต์ ‘The
สำหรับหนุ่ม ๆ เกมเมอร์และผู้ชายที่หลงใหลการเล่นเกม นอกจากเครื่องคอมฯ หรือคอนโซลสุดแรงที่ตอบโจทย์การเล่นเกมสเปกโหด ๆ แล้ว อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือเก้าอี้สำหรับเล่นเกม (Gaming Chair) ประจำตัวที่จะคอยสนับสนุนการเล่นเกมของเราให้มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือต้องนุ่มสบายและรองรับสรีระการนั่งอย่างเหมาะสม ปัจจุบันค่ายผลิต Gaming Gear หลายค่ายต่างพัฒนาเก้าอี้เล่นเกมของตัวเองให้ตอบโจทย์ความต้องการของเหล่าเกมเมอร์ทั่วโลก ล่าสุดค่ายผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่างนิสสันก็กระโดดเข้ามาร่วมแจมด้วยการปล่อยภาพเก้าอี้เล่นเกมในสไตล์ของพวกเขาออกมา ต้องถูกใจผู้ชายหลายคนแน่นอนโดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ที่หลงใหลรถยนต์และหนุ่ม ๆ ที่เป็นสาวกของ Nissan GT-R นิสสันร่วมฉลอง National Video Games Day ด้วยการปล่อยคอนเซ็ปต์และภาพร่างเก้าอี้เล่นเกมในชื่อ “Ultimate Esport” โดยร่วมมือกับทีม Esport อย่าง OpTic Gaming และ FaZe Clan เพื่อสร้างเก้าอี้เล่นเกมออกมาใน 3 สไตล์ที่แตกต่างและโดดเด่นโดยใช้แรงบันดาลใจจากห้องโดยสารของยนตรกรรมระดับไอคอนิคของแบรนด์นำทีมโดย Nissan GT-R Nismo ภาพคอนเซ็ปต์ของเก้าอี้สำหรับเล่นเกมที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Nissan GT-R Nismo ถูกเรียกว่า “Performance” โดยมีลักษณะเป็นเบาะทรงสปอร์ตที่ส่วนพนักพิงทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ตกแต่งด้วยหนังสีดำ และหนัง
หากพูดถึงความวุ่นวายและเร่งรีบ มโนภาพที่ปรากฏขึ้นในหัวของหนุ่ม ๆ หลายคนคงหนีไม่พ้นสี่แยกกลางเมืองหลวงที่มีผู้คนสัญจรไปมาอย่างพลุกพล่าน เป็นเหมือนป่าคอนกรีตที่ห้อมล้อมกอดแน่นด้วยทัศนียภาพของสิ่งปลูกสร้างไร้ระเบียบ และแออัดยัดเยียดด้วยการจราจรที่ติดขัด ตลอดเส้นทางการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ดูเป็นเรื่องยากถ้าจะมองหาสเปซที่ช่วยให้คนเมืองอย่างเราได้พักผ่อนจากวิถีชีวิตอันรีบเร่ง สำหรับบ้านเราสเปซดังกล่าวอาจจะดูบางตา แต่ในกรุงลอนดอนเมืองหลวงของอังกฤษนั้นมีสถาปัตยกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาความวุ่นวาย พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น Paul Cocksedge ดีไซเนอร์หนุ่มชาวอังกฤษออกแบบ ‘Please Be Seated’ สถาปัตยกรรมกลางแจ้งขนาดยักษ์ ที่ใช้ไม้กระดานเรียงร้อยต่อกันจนเกิดเป็นวงแหวนทรงคลื่นสามชั้น ตั้งตระหง่านกลางทางเดินเท้าของย่าน Broadgate นอกจากสถาปัตยกรรมชิ้นนี้จะสร้างสเปซให้คนเมืองได้มานั่งพักผ่อนในยามว่าง มันยังสร้างขึ้นเพื่อต้อนรับงาน London Design Festival ครั้งที่ 17 ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 14-22 กันยายน ซึ่งถือเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองกรุงลอนดอนในฐานะศูนย์กลางการออกแบบระดับโลก Please Be Seated ถูกสร้างขึ้นบริเวณ Finsbury Avenue Square ข้าง ๆ อาคารสำนักงานหมายเลขหนึ่งแห่งกรุงลอนดอน แม้สถาปัตยกรรมชิ้นนี้จะใช้วัสดุจากธรรมชาติอย่างไม้เป็นหลัก แต่รูปแบบงานดีไซน์ที่คล้ายกับคลื่นน้ำ ก็ช่วยทำให้ไม้แข็งทื่อนั้นมีชีวิตชีวาราวกับมันกำลังเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา Paul Cocksedge กล่าวว่าสถาปัตยกรรมกลางแจ้งชิ้นนี้ถูกดีไซน์มาอย่างรอบคอบ และคิดดีแล้วว่ามันจะช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมของทางเดินเท้าให้ดีขึ้น พร้อมยังสอดแทรกฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มเติมนอกจากความสวยงาม ตลอดพื้นไม้กระดานถูกเสริมความแข็งแกร่งด้วยโครงสร้างเหล็กและบล็อกทรงสี่เหลี่ยมคอยค้ำ ไม้กระดานที่ดีไซน์สโลปลงมาด้านล่างจะเป็นเหมือนเก้าอี้ควบพนักพิง ส่วนที่เป็นลูกคลื่นพุ่งทะยานขึ้นด้านบนจะเป็นทางเข้าเล็ก ๆ เพื่อให้ผู้คนเดินลอดผ่านไปยังวงแหวนอีกสองวงด้านใน
หลังจากที่ Capcom วางจำหน่ายภาคเสริมของตระกูลเกมยอดฮิตนักล่าอสูรในตำนาน Monster Hunter กับ Monster Hunter World: Iceborne ไปหมาด ๆ ที่สามารถยอดขายที่พุ่งสูงถึง 2.5 ล้านชุด (นับตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน – 13 กันยายน 2019) ทั้งยอดขายแผ่นเกมและการดาวน์โหลดแบบดิจิทัล แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าเกมล่ามอนสเตอร์ในตำนานไม่เคยเสื่อมความนิยมจากนักเล่นเกม ด้วยความนิยมที่ไม่เคยจืดจาง แถมในปีนี้ยังครบรอบ 15 ปี ของเกม Monster Hunter อีก จึงทำให้แบรนด์นาฬิกาญี่ปุ่นอย่าง Seiko ร่วมฉลองความสำเร็จของเกมนักล่าอสูรด้วยการออกนาฬิกาข้อมือรุ่นพิเศษสำหรับเกมดังโดยเฉพาะ ซึ่งการเจอกันระหว่างเกมดังและนาฬิการุ่นเก๋าครั้งนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านนาฬิกาข้อมือ 3 เรือนโดยดึงเอกลักษณ์เฉพาะของมอนสเตอร์ทั้ง 3 ตัวไว้อย่างครบถ้วน SBPY155 RATHALOS นาฬิกาเรือนแรกของคอลเลกชันนี้ประเดิมด้วยมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ที่ได้ฉายาว่าราชาแห่งท้องฟ้าอย่าง Rathalos (リオレウス) สัตว์ประหลาดประเภทมังกรที่แข็งแกร่ง มีลมหายใจสามารถเผาทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง กรงเล็บแหลมคมกับปีกขนาดใหญ่เสริมให้กำจัดศัตรูสิ้นซากกลางอากาศก่อนจะร่อนลงสู่พื้นดินอย่างสง่างาม ด้วยความเก่งกาจและยากจะต้านทานทำให้ Rathalos กลายเป็นมอนสเตอร์ที่เหล่านักเล่นเกม Monster Hunter ต้องรู้จัก เมื่อความแข็งแกร่งของ
“ครั้งแรกน่าจดจำเสมอ” เราเชื่ออย่างนั้นโดยเฉพาะช่วงชีวิตแห่งการเป็นหนุ่มสาวที่ชีวิตเต็มไปด้วยอิสรภาพ ความฝัน และความเป็นไปได้ใหม่ ๆ อะไรก็ตามที่เราทำ ณ ช่วงชีวิตของการเป็นหนุ่มสาวนั้นจึงเป็นครั้งแรกอันเต็มไปด้วยการผจญภัยแสนหอมหวานและน่าจดจำ รวมถึงยังประกอบสร้างตัวตนและความเป็นเรามาจนถึงทุกวันนี้ บ่อยครั้งเราจึงนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ครั้งแรกที่เราได้บรรจงจูบกับใครสักคนด้วยความตื่นเต้น ครั้งแรกที่เราได้ออกเดินทางไปบนถนนหนทางที่เหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด ครั้งแรกที่เราได้ตะลุยผจญภัยอย่างสุดเหวี่ยงกับเพื่อน ครั้งแรกที่เราได้ตกหลุมรัก เพราะไม่มีครั้งไหนเหมือนครั้งแรก เราจึงหวนนึกถึงมันเพื่อเป็นแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้เราอยากลองใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยพลังและอิสรภาพอย่างนั้นอีกสักหน CALVIN KLEIN WATCHES & JEWELRY ก็เชื่อในช่วงเวลาแรก เชื่อในอิสรภาพที่ปราศจากความกลัวของหนุ่มสาวจึงออกแคมเปญ NO TIME LIKE THE FIRST เพื่อกระตุ้นเตือนพวกเราว่าไม่มีครั้งไหนจะเหมือนครั้งแรก และขอให้เราเก็บห้วงเวลานั้นไว้ในความทรงจำให้ดี โดยบอกเล่าผ่านภาพถ่ายของ Lachlan Bailey บนถนนที่ทอดยาวสุดสายตา เพื่อสื่อถึงจุดเริ่มต้น อิสรภาพ การออกเดินทาง และความทรงจำที่น่าจดจำของเราทุกคน แคมเปญครั้งนี้ CALVIN KLEIN ถ่ายทอดผ่านนายแบบ นางแบบจากหลากหลายเชื้อชาติเพื่อสื่อถึงความหลากหลายโดยมี คารา เทย์เลอร์ และจัสติน มาร์ติน จากอเมริกา, โคเฮ ทาคาบาทาเกะ จากญี่ปุ่น, ชินฮยอนจี จากเกาหลีใต้ และรูส
หากพูดว่าตอนนี้เป็นยุคสมัยแห่ง ‘วัสดุไม้’ ก็คงจะไม่ผิดนัก แม้ในอดีตไม้จะเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่เหล่านักออกแบบต่างเมินหน้าหนี เพราะคิดว่ามันเปราะบาง ไม่ทนทานต่อสภาพอากาศ และยากที่จะนำมาสร้างงานทางสถาปัตยกรรม แต่ในปัจจุบันคงต้องยอมรับว่าทั้งเปลือก กิ่งก้าน หรือแม้แต่ส่วนใบไม้สามารถนำมาต่อยอดและรังสรรค์ผลงานชิ้นต่าง ๆ ได้อย่างไม่รู้จบ บวกกับนวัตกรรมการก่อสร้างที่ก้าวล้ำของมนุษย์ยุคก้าวกระโดด ทำให้ไม้ที่เคยเปราะบางถูกแปรรูปและพัฒนาจนมันหลุดออกจากข้อจำกัดด้านความแข็งแรงทนทาน ทั้งยังทนต่อความร้อนและยืดหยุ่นมากพอที่จะนำไปก่อสร้างตึกรามบ้านช่องได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งอาคารสไตล์โมเดิร์นทรอปิคัล อาคารสไตล์มินิมัลแบบญี่ปุ่น หรืออาคารอบอุ่นแบบสแกนดิเวียน ล้วนมี ‘ไม้’ เป็นพระเอกหลักในการก่อสร้างด้วยกันทั้งนั้น วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากพาหนุ่ม ๆ มาชมงานสถาปัตยกรรมเท่ ๆ ที่ใช้ไม้ซ้อนทับจนเกิดสเปซอบอุ่น แถมยังเล่าถึงประวัติศาสตร์ของเมืองในเวลาเดียวกัน Odunpazari เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสไตล์โมเดิร์นที่ตั้งตระหง่านกลางเมือง Eskisehir ทางตะวันตกเฉียงเหนือของตุรกี เกิดจากฝีมือของสถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่น Kengo Kuma เขาใช้ไม้ทับซ้อนและเสียบประสานกันจนเกิดเป็นรูปร่างอาคารทรงบล็อกที่มีเอกลักษณ์ สร้างความอบอุ่น แถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชื่อ Odunpazari ของอาคารนิยามถึง “ตลาดฟืนในตุรกี” ที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าไม้อันโด่งดังในยุคก่อน Kengo Kuma จึงหยิบนำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาผูกโยงกับคอนเซ็ปต์การออกแบบ เพื่อให้พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้สามารถบอกเล่าประวัติศาสตร์และความทรงจำในอดีตของเมืองนี้ได้โดยสมบูรณ์ รูปแบบการดีไซน์ของตัวอาคารประกอบด้วยบล็อกทรงสี่เหลี่ยมเป็นหลัก อันเกิดจากคานไม้ลามิเนตที่ซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเก็บสะสมผลงานศิลปะในแขนงต่าง ๆ ตลอดพื้นที่ 4,500
การตั้งรกรากในอวกาศหรือดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ อาจเป็นพล็อตยอดนิยมที่หนุ่ม ๆ หลายคนเคยเจอมาจากซีรีส์หรือภาพยนตร์ไซไฟเรื่องดัง แต่ก็ดูเป็นเรื่องไกลตัวมาก ๆ สำหรับเราหลายคน เมื่อเวลาเปลี่ยนผ่าน โลกก็เริ่มส่งสัญญาณบ่งชี้ถึงความผิดปกติ ทั้งภาวะโลกร้อน ไฟป่า น้ำแข็งขั้วโลกหลอมเหลว หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างนำความรู้ความสามารถแต่ละแขนงมาผนวกรวมกัน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีแห่งโลกอนาคต เมื่อไม่นานมานี้ The Gateway Foundation มูลนิธิพัฒนาอุตสาหกรรมการก่อสร้างอวกาศผู้สร้างสถานีอวกาศแห่งแรกได้เปิดตัว ‘SPACE HOTEL’ โรงแรมกึ่งสถานีอวกาศแห่งแรกของโลก หรือที่นักบินอวกาศรู้จักกันในชื่อสถานีอวกาศวอนเบราน์ (Von Braun Space Station) ถือเป็นหนึ่งในแผนการสร้างเทคโนโลยีเพื่อนำไปใช้ในสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) แต่แทนที่จะสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ทางวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว มันกลับเป็นเหมือนเรือสำราญที่โคจรท่องอวกาศ พร้อมบรรจุห้องพักหรูหราและบาร์ค็อกเทลระดับพรีเมียมราวถอดแบบมาจากโรงแรมไฮเอนด์ Tim Alatorre ดีไซเนอร์ผู้ออกแบบโรงแรมแห่งนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากแนวคิดของ Wernher von Braun วิศวกรการบินและอวกาศลูกครึ่งอเมริกัน-เยอรมัน เขาจึงนำเสนอตัวโครงสร้างโรงแรมแบบวงล้อขนาดมหึมาที่หมุนอย่างช้า ๆ เพื่อสร้างแรงโน้มถ่วง ตัวล้อมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 190 เมตร ระหว่างล้อแบ่งเป็นห้องพัก 24 ห้อง และถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับแขกจำนวน 400 คน ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีอบอุ่น
ความเร็ว ความอิสระ และสายลมที่ปะทะร่างกาย ทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของความรู้สึกที่ผู้ชายอย่างเราได้รับเมื่อขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ซึ่งเป็นพาหนะที่อยู่คู่กับเรามานานกว่า 130 ปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่การขับขี่มอเตอร์ไซค์จะพัฒนาจนกลายเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมที่ผู้คนทั่วโลกหลงใหล ในขณะที่โลกค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนในการผลิตรถมอเตอร์ไซค์มากขึ้น อีกทั้งเป็นส่วนสำคัญในการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงพาหนะสองล้อให้มีความล้ำสมัยแบบก้าวกระโดด แต่ในขณะเดียวกันรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเรื่องราวและความคลาสสิก ก็ยังคงมีเสน่ห์ที่สร้างคุณค่า สร้างความแตกต่าง และสะท้อนบุคลิกของผู้ขับขี่ได้ดีที่สุด ทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมสองล้อแห่งยุคสมัยปัจจุบันเข้ากับยุคเก่า จนเกิดเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เรียกว่า “Sport Heritage” หลายคนอาจสงสัยว่ามอเตอร์ไซค์สไตล์ Sport Heritage เกิดขึ้นได้อย่างไร? มีความเป็นมายังไง? วันนี้เราได้รับเกียรติจาก “คุณโอ๊ต- วราธร เจนจรัสสกุล” ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มสินค้ารถสปอร์ตประจำบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของ Sport Heritage Motorcycles รวมถึงแนะนำรถคันใหม่ที่จะถูก Custom ออกมาให้พวกเราเห็นภาพของรถในสไตล์นี้ได้ชัดเจนมากขึ้น คุณโอ๊ตเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Sport Heritage ของยามาฮ่าให้เราฟังอย่างน่าสนใจ โดยมีจุดเริ่มมาจากแกนสำคัญของแบรนด์ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเขาหลงใหลในรถมอเตอร์ไซค์ของยามาฮ่ามาโดยตลอด ข้อแรกคือ DNA ความสปอร์ต ซึ่งถือเป็นแกนหลักที่พวกเขาให้ความสำคัญเสมอมา โดยเฉพาะเรื่อง Performance ที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันว่ายามาฮ่ามีสมรรถนะไม่เป็นสองรองใคร แฟน Motorsport หรือคนที่ติดตามสุดยอดการแข่งขันในวงการ 2 ล้ออย่าง MotoGP
‘ศิลปะ’ เป็นศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดอีกแขนงหนึ่งของโลกที่ไม่เพียงสะท้อนความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ และแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ผลงานของศิลปิน หากยังเป็นสิ่งที่ช่วยจรรโลงจิตใจมนุษย์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่าแทบทุกรายละเอียดยิบย่อยในชีวิตเราล้วนมีศิลปะเกี่ยวพันอยู่เสมอ แม้ศิลปะจะไม่เคยหยุดอยู่กับที่และถูกนิยามความหมายใหม่ในบริบทที่แตกต่างกัน แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังจำกัดศิลปะไว้เพียงในแกลเลอรีและพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ติดภาพจำเดิม ๆ ว่าศิลปะต้องเป็นภาพวาดหรืองานประติมากรรมที่ตั้งตระหง่าน แต่ในความเป็นจริงแล้วศิลปะกว้างขวางมากกว่านั้น แล้วความสงสัยใคร่รู้ด้านศิลปะแขนงใหม่ก็พาเราเดินดุ่มมาหาคุณ ‘เบียร์-พันธวิศ’ คอลเลกเตอร์มือทองควบตำแหน่งพ่อมดแห่งวงการอีเวนต์ที่เชื่อเหมือนเราว่า ศิลปะไม่จำเป็นต้องอยู่ในแกลเลอรีเสมอไป มุมมองของคนเล่นของและศิลปะนอกแกลเลอรี “เบียร์-พันธวิศ” ถ้าเอ่ยชื่อนี้ในวงการอีเวนต์ เชื่อว่าหลายคนคงพอคุ้นหูกันอยู่บ้าง เพราะเขาคือหนุ่มนักสร้างสรรค์ที่มีไอเดียในหัวพลุ่งพล่านไม่รู้จบ เป็นเจ้าของบริษัทด้าน New Media & Interactive Media, บริษัทตกแต่งภายใน, บริษัทร่วมทุนรับเหมาก่อสร้าง หรือแม้แต่ดิจิทัลเอเจนซี่น้องใหม่ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ นอกจากตำแหน่งงานในหลากมิติอุตสาหกรรม สิ่งหนึ่งที่หลายคนยังไม่รู้คือคุณเบียร์ พันธวิศ ลวเรืองโชค เป็นหนึ่งในคอลเลกเตอร์ตัวยงที่รวบรวมของสะสมไว้เต็มโกดัง เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้คือศิลปะอย่างหนึ่งที่แตกแขนงแยกย่อย “ศิลปะมันไม่ใช่อะไรที่สูงส่ง แค่เป็นสิ่งที่คนเข้าถึงได้” “ตั้งแต่เด็ก ๆ มาจนถึงตอนนี้ ผมรู้สึกว่าคนที่ทำงานในแวดวงศิลปะกำลังถูกละเลย ไม่ว่าจะนักออกแบบ ศิลปิน หรืออาชีพอะไรต่อมิอะไร เพราะหากพูดถึงงานศิลปะ ผู้คนมักจะนึกถึงภาพวาดและงานประติมากรรมเท่านั้น แต่แก้วน้ำ เสื้อผ้า จานชาม ผ้าห่ม หรือเฟอร์นิเจอร์ก็เป็นศิลปะเหมือนกัน หากอยู่ใกล้ตัวมากไปจนผู้คนมองข้าม แค่นั้นเอง” แรงบันดาลใจที่เปลี่ยน ‘คนเล่นของ’