มันต้องมีสักครั้ง ที่เราเดินเข้าไปดูงานจัด Gallery Art แนว Abstract แล้วซึมซับสุนทรียภาพข้างหน้าพร้อมความรู้สึกสงสัยว่า “เฮ้ย ! ทำไมงานนี้เป็นงานดังระดับโลกวะ?” หรือรู้สึก “เข้าไม่ถึงความงามระดับสากล” ที่หลายคนชื่นชม ความสงสัยนี้ถูกเก็บงำมานับศตวรรษ การประเมินค่าความงามที่ไม่อาจตีความให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ เพราะ “ความสวย” เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่เรื่องทั้งหมดนี้ได้รับการอธิบายด้วยผลวิจัยล่าสุดจาก Columbia Business School ว่า ทั้งความเก่งกาจและความครีเอทีฟเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงอันโด่งดังให้ศิลปิน เพราะปัจจัยที่ช่วยเป็นป๋าดันพวกเขาโด่งดังมันมาจาก “CONNECTION” ต่างหาก Connection กับแวดวงศิลปะ แม้คอนเนคชั่นฟังแล้วอาจจะดูเป็นเรื่องของธุรกิจมากกว่าศิลปะ แต่การศึกษาวิจัยเรื่อง Fame as an Illusion of Creativity: Evidence from the Pioneers of Abstract Art หยิบ “ชื่อเสียงและความสำเร็จ” แบบนามธรรมในวงการศิลปะ มากางและวิเคราะห์จนพบต้นตอของชื่อเสียงเหล่านั้นว่า นอกจากความเก่งแล้ว สิ่งที่ดันให้พวกเขาโดดเด่นขึ้นมาเหนือศิลปินคนอื่น ๆ คือกลุ่มคนที่พวกเขาคบหา การวิจัยครั้งนี้ใช้ชื่อศิลปินสาย Abstract ที่อยู่ในยุค
แบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่น Casio ออกคอลเลกชันพิเศษกันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จครบรอบ 35 ปี ของนาฬิกาตระกูล G-Shock และล่าสุดสร้างเสียงฮือฮาให้กับเหล่าคนรักนาฬิกาด้วยการออกรุ่นลิมิเตดทำจากทองคำ 18K เมื่อปี 2018 แบรนด์นาฬิกาญี่ปุ่น Casio ออกคอลเลกชันพิเศษเพื่อฉลองครบรอบ 35 ปี ของ G-Shock หลายรุ่นด้วยกัน เช่น 35th Anniversary GLACIER GOLD กับคอนเซ็ปต์ตัวเรือนแบบใสผสมผสานกับสีทองที่ได้แรงบันดาลใจจากภูเขาน้ำแข็ง หรือคอลเลกชัน MAGMA OCEAN ตัวเรือนสีดำแต้มสีแดงตามแบบลาวาในภูเขาไฟ ความตื่นเต้นของเหล่าแฟนคลับอาจน้อยลงจากการออกคอลเลกชันมากว่า 10 รุ่น แต่ครั้งล่าสุดนี้ Casio สร้างความตื่นเต้นครั้งใหม่ด้วยการนำนาฬิกา DW-5000 เรือนแรกของตระกูล G-Shock รูปทรงสี่เหลี่ยมคุ้นตาจากปี 1983 ที่เห็นแล้วรู้ทันทีว่านี่คือนาฬิกาของแบรนด์ Casio มาใช้เป็นแรงบันดาลใจสร้างสรรค์นาฬิการุ่นพิเศษทำจากทองคำอย่าง G-D5000-9JR การนำโมเดลเก่ากลับมาทำใหม่ครั้งนี้ Casio ใช้วัสดุพรีเมียมอย่างทองคำ 18K ทั้งตัวเรือน ปรับโครงสร้างบางส่วนเพื่อให้นาฬิกาทนต่อแรงกระแทกและรอยขีดข่วนมากขึ้น ประกอบตัวเรือนเข้าด้วยกันโดยการขันสกรูยึดฝาหลังกับตัวเรือน พร้อมประทับโลโก้ฉลองครบรอบ 35 ปี ไว้ด้านหลัง
ฤดูกาลผลัดเปลี่ยนเวียนไป ทำให้ตอนนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว หนุ่ม ๆ บางคนอาจวางแผนไปปีนเขา หรือเล่นสเก็ตบอร์ดกับแก๊งเพื่อน ในขณะที่ผู้ชายจำนวนไม่น้อยเลือกเดินทางไปยังชายหาด เพื่อเล่นกีฬาผาดโผนอย่างการโต้คลื่นบนเซิร์ฟบอร์ด Chanel เล็งเห็นถึงกิจกรรมที่หลากหลายของผู้ชายอย่างเรา ๆ จึงพร้อมตอบรับทุกการทำกิจกรรมช่วงซัมเมอร์ด้วยไอเทมเก๋ ๆ อย่าง กระดานโต้คลื่นและสเก็ตบอร์ด Chanel ในยุคของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตไอเทมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง รองเท้า ไปจนถึงอุปกรณ์กีฬาอย่างเซ็ตเปตอง โครเคท และไม้กอล์ฟ รวมถึงของเล่นต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนหลากหลายวัฒนธรรม กระดานโต้คลื่นของ Chanel ถูกเรียกว่าเป็นผลงานที่ขี้เล่นและสร้างสรรค์ เป็นไอเทมในตำนานชิ้นหนึ่งของแบรนด์ที่มักปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งคราวบนหน้าประวัติศาสตร์แฟชั่น กระดานโต้คลื่นจึงกลับมาอีกครั้งบนรันเวย์ Spring/Summer 2019 ที่คาร์ลได้เปลี่ยนให้ Grand Palais กลายเป็นชายหาดกลางกรุงปารีส ไอเทมกีฬาอย่างกระดานโต้คลื่นของ Chanel ครั้งนี้จะมาพร้อมดีไซน์เรียบหรู ใช้วัตถุดิบอย่างอลูมิเนียม แก้ว และโพลียูรีเทน สารเคมีที่ทนทานต่อการขูดขีดมักนิยมใช้กับงานประกอบเรือ พร้อมประทับตัวอักษร C โลโก้ของแบรนด์บนแผ่นกระดานสีเงิน ส่วนสเก็ตบอร์ดของคอลเลกชัน SS19 ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ตัวบอร์ดทำจากไม้แท้ตัดแต่งขอบแผ่นอย่างประณีต เคลือบผิวด้วยแลคเกอร์เพื่อให้เกิดความเงางามและทนทานต่อการใช้งาน แผ่นไม้จะถูกประกอบเข้ากับล้อและฮาร์ดแวร์สีขาว
กลับมาพร้อมความเหนื่อยจากภาระและหน้าที่ต่าง ๆ ที่บังคับให้เราต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน อย่าได้แบกเอาสิ่งเหล่านั้นจากโลกภายนอก เข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว จนเป็นสาเหตุที่ทำให้รู้สึกว่าขาดเวลาของตัวเอง เมื่อก้าวเข้าสู่โลกของเราอย่างห้องนอนที่เป็นอีกพื้นที่ที่ทำให้เราได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปลดปล่อยความคิด อยู่ในอิริยาบถสบาย ๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นระเบียบ ของกระจัดกระจายตามประสาห้องของหนุ่ม ๆ หรือเป็นห้องที่เรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้วก็ตาม หากมันเป็นพื้นที่ที่เราแสนจะสบายใจ พร้อมทิ้งตัว มันก็คือพื้นที่ของเราที่เรียกว่าโลกส่วนตัวได้แบบเต็มปากแล้วล่ะ ขึ้นชื่อว่าห้องนอน แต่กลับทำให้เรานอนหลับพักผ่อนไม่เต็มที่ ตื่นกลางดึกบ้าง สิ่งรบกวนภายนอกที่เข้ามาปลุกให้เราสะลึมสะลือก่อนถึงเวลาตื่นตามปกติของเรา ปัญหานี้นอกจากแก้ไขที่ร่างกายเราแล้ว ยังสามารถแก้ได้จากการจัดห้องให้มีสภาพที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างเต็มที่อีกด้วย หากยังไม่มีไอเดียอะไร ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน UNLOCKMEN ขอแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ที่จะทำให้ห้องนอน เป็นห้องที่นอนได้อย่างสนิทจริง ๆ สมกับชื่อของมัน ว่ากันด้วยเรื่องของแสง แสงแดดต้องส่องถึง ตามปกติแล้วห้องนอนคือห้องที่มีหน้าต่าง ไม่ว่าจะอยู่ด้านไหน เราขอแนะนำให้ที่นอนของคุณ ตั้งอยู่ในระยะที่แสงแดดส่องถึง เพื่อให้ที่นอนของคุณไม่มีกลิ่นเหม็นอับ รวมถึงภาพรวมของทั้งห้องด้วย เพราะนอกจากเรื่องของกลิ่นอับแล้วมันยังช่วยให้เราไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันอีกต่างหาก และอย่าลืมเปิดหน้าต่างในบางช่วงเวลา เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อช่วยลดกลิ่นอับได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน แถมได้อากาศสุด Fresh สูดเข้าไปแบบเต็มปอด อุณหภูมิที่เหมาะสม หากวันไหนเหนื่อยล้าจนรู้สึกว่าร่างกายมีอุณหภูมิที่แปลกไป ก็ลองอาบน้ำเย็นหรืออุณหภูมิปกติดู เพื่อเป็นการลดอุณหภูมิของร่ายกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน แบบที่คุณเคยรู้สึกว่าวันไหนทำงานหนัก ๆ แล้วรู้สึกตัวอุ่น ๆ
ช่วงปลายปี 2018 โลกของแฟชั่นต้องสั่นสะเทือน เมื่อธุรกิจเครื่องดื่มชื่อดัง Evian จับเจ้าพ่อวงการแฟชั่นอย่าง Virgil Abloh มานั่งเป็นที่ปรึกษาด้านความคิดสร้างสรรค์ และร่วมกันออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ ล่าสุด Virgil ได้โชว์ผลงานภายใต้คอนเซ็ปต์ที่มีชื่อว่า Rainbow Inside ก่อนที่จะมีผลงานให้เห็น Virgil กล่าวถึงน้ำแร่ Evian ว่าเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นและน้อยคนที่จะไม่รู้จักน้ำดื่มยี่ห้อนี้ เขาต้องการพาแบรนด์ไปอีกขั้นในรูปแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้นผลงานแรกของเขากับเอเวียงอย่าง Rainbow Inside จะเปรียบกับน้ำหนึ่งหยดที่สามารถสร้างรุ้งได้ และเมื่อแสงหักเหผ่านหยดน้ำเผยให้เห็นสีสันหลากหลาย ก็จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับสิ่งอื่นต่อไปอย่างไม่รู้จบ สินค้าในคอลเลกชัน Rainbow Inside ของหนุ่ม Virgil จะใช้ขวดแก้วของบริษัทบรรจุภัณฑ์ชื่อดัง SOMA water ที่มีคอนเซ็ปต์การผลิตเพื่อให้สินค้าใช้ได้นานที่สุด รวมถึงนโยบายเรื่องการกุศลในพื้นที่ทั่วโลกที่กำลังประสบกับวิกฤตน้ำ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้ ด้วยจุดยืนที่ชัดเจนของ SOMA ทำให้ Virgil ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านความคิดสร้างสรรค์ของเอเวียงตัดสินใจร่วมงานกบ SOMA เพื่อสร้างสรรค์ขวดน้ำที่เป็นได้ทั้งแฟชั่นและรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ขวดน้ำคอลเลกชัน Rainbow Inside ขนาด 75cl ทำจากวัสดุรีไซเคิล 100% ที่ได้มาตรฐานทนทานต่อการกระแทก ฝาขวดทำจากต้นไผ่ไม่ปนเปื้อนสารเคมี พร้อมปลอกซิลิโคนสีขาวประทับชื่อคอนเซ็ปต์ Rainbow
สำหรับใครที่ชื่นชอบและคิดถึงเครื่องเกมคลาสสิกที่เคยเล่นเมื่อครั้งเป็นเด็กอย่าง PlayStation 1 จะต้องถูกอกถูกใจอย่างแน่นอนเพราะ Merchoid พาเครื่องเกมรุ่นตำนานกลับมาอีกครั้งรูปแบบนาฬิกาข้อมือดิจิทัล นาฬิกาข้อมือนี้มีชื่อว่า PlayStation: Loading Times Watch Preorder ทำจากซิลิโคนสีเทาขนาดกะทัดรัด รายละเอียดถอดแบบมาจาก PlayStation 1 ทุกประการ พร้อมดัดแปลงบริเวณฝาเปิด CD ให้กลายเป็นจอแสดงเวลาแบบเรืองแสง เปลี่ยนปุ่ม power และ open ให้เป็นปุ่มตั้งค่าเวลา ถ้าถามว่าเพราะอะไร Merchoid ถึงเลือกรุ่น PlayStation 1 มาสร้างสรรค์เป็นนาฬิกาข้อมือ คำตอบคือเพราะเครื่องเกมรุ่นนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จที่ถ่ายทอดจินตนาการและความสนุกสนานอย่างเต็มอิ่ม เป็นไอเทมยอดฮิตที่วัยรุ่นยุค 90 ผู้ชื่นชอบการเล่นเกมจะต้องมีติดบ้าน จุดเริ่มต้นของ PlayStation 1 เกิดขึ้นเมื่อบริษัทวิดีโอเกมชื่อดัง Nintendo ยกเลิกสัญญาที่ร่วมพัฒนาเครื่องเกมกับบริษัท Sony กลางคัน และหันไปเซ็นสัญญากับทางฟิลิปแทน ทำให้ Sony ได้รับผลกระทบอย่างหนัก Sony จึงตัดสินใจนำข้อมูลที่เหลือจากโครงการที่ยุบไปแล้วมาพัฒนาต่อ เกิดเป็นเครื่องเกมแบบคอนโซลเดี่ยว การพลิกเกมของโซนี่สร้างความไม่พอใจแก่ Nintendo และฟ้องให้โซนี่ระงับการพัฒนา แต่ผลคือศาลไม่รับฟ้องกรณีดังกล่าว ในที่สุดเครื่องเกม
ในยุคดิจิทัล เทคโนโลยีบิดชีวิตให้เราไปเลื่อนฟีดบนสมาร์ตโฟน ใช้ชีวิตบนโลกโซเชียล หาข้อมูลจากอินเทอร์เนตมากกว่า แต่เราก็ยังเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่า “อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์” และ “หนังสือ” ยังคงมีคุณค่าอยู่เสมอ ไม่ว่าตลาดการแข่งขันคอนเทนต์วันนี้จะเป็นเช่นไร วัตถุอนาล็อกอย่างหนังสือก็ยังคงความคราฟต์และคลาสสิกในสายตาเรา ล่าสุดเวทีประกวดหนังสือที่ดีไซน์ดีที่สุดในโลกประจำปี 2019 ที่จัดขึ้นที่ Leipzig ประเทศเยอรมนีได้ประกาศรายชื่อหนังสือที่ได้รับรางวัลประกวดการออกแบบหนังสือที่ดีที่สุดในปีนี้ เป็นหนังสือสีน้ำตาลที่ใช้ชื่อว่า Old Trades of Jiangsu: A Glimpse จากโรงพิมพ์ Jiangsu Phoenix Education Publishing Co., Ltd ถ้ามองผ่าน ๆ อาจจะดูไม่ออกว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงชนะใจกรรมการและกองหนังสือเล่มอื่น ๆ ที่ส่งประกวด เพราะหน้าตาของมันดูบ้าน ๆ เทคนิคการเข้าเล่มก็ไม่ได้เหนือกว่ามากมาย แล้วยิ่งถ้าเจาะเข้าไปจากการสัมผัสเนื้อกระดาษหรือมองด้วยตาเปล่าก็รู้ได้ทันทีเลยด้วยว่ามันไม่ใช่กระดาษคุณภาพและมีราคาแพง แต่เป็นกระดาษถูก ๆ นี่แหละ เพราะขอบข้างของมันก็ดูเปื่อยยุ่ยขนาดนั้น ความจริงของกระดาษราคาถูกที่เพิ่มคุณค่าด้วยเรื่องราวของมัน คือหนึ่งในเหตุผลที่เอาชนะใจกรรมการได้ เนื่องจากเหตุผลสามประการ ข้อแรกกระดาษเหล่านี้คือกระดาษจากร้านขายของชำที่ใช้ห่ออาหาร กระดาษที่ถูกมองข้ามเรื่องการนำมาใช้ในงานพิมพ์ผลิตหนังสือเพราะเป็นกระดาษถูก ทำให้แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เราเห็นมานานแล้วแต่ก็เป็นการพลิกโฉมวงการดีไซน์หนังสือ ข้อที่สอง เนื้อเรื่องภายในเล่ม ชวนสัมผัสและมีเสน่ห์ขึ้นจากวัสดุที่นำมาทำหนังสือ อ่านจากชื่อหนังสือเราจะรู้ว่าภายในเล่มพูดถึงเรื่อง Old trade หรือการค้ายุคเก่าของมณฑลเจียงซู
“Swiss made คือหนึ่งในความนิยมของนักเล่นนาฬิกาทั้งมือเก่ามือใหม่ แต่ SEIKO จะเป็นนาฬิกาเรือนแรก ๆ ที่คนไทยใส่” เรานั่งพูดคุยเรื่องความนิยมกับพี่น้องที่รักและหลงใหลเรื่องนาฬิกา ชื่นชอบเรื่องวัสดุการผลิตสายลึกจนจู่ ๆ ได้ยินประโยคนี้ขึ้นมาระหว่างการพูดคุย จริงหรือเปล่าที่ Seiko เป็นแบบนั้น แต่คงไม่ต้องมองไปไหนไกล เมื่อที่ข้อมือเราเองก็คาดไว้หนึ่งเรือน แม้จะไม่ใช่ Limited Edition ก็ตาม ก็น่าจะจริงอย่างเขาว่า ทำไมแบรนด์นี้ถึงเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่คนไทยคิดถึง และยังเป็นหนึ่งแบรนด์ในดวงใจของชายหญิงผู้มองหาเรือนเวลาสักเรือนมาสวมใส่และสะสม หรือกระทั่ง Brand Heritage เขามีความเป็นมาอย่างไรทำไมถึง survive ข้ามกาลเวลามานับ 100 ปีแล้วก็ยังไม่ตกชั้น UNLOCKMEN จะพาไปดูหลาย ๆ มุมมองเหล่านี้ไปพร้อมกัน THE BEGINNING OF SEIKO Kintaro Hattori คือผู้เขียนตำนานของ Seiko เขาเติบโตในครอบครัวที่ทำอาชีพขายของโบราณและได้รับ DNA เดียวกับพ่อมาเต็มเปี่ยมจึงใฝ่ฝันจะเป็นพ่อค้าตั้งแต่วัยสิบกว่าขวบ ก่อนเริ่มตัดสินใจว่าจะเป็นช่างทำนาฬิกาตั้งแต่อายุเพียง 13 ปีเท่านั้นหลังไปที่ร้าน Kobayashi Clock Shop
ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนเรามั้ย แต่เวลาว่าง ๆ เราชอบเปิดรูปบ้านดีไซน์สวย ๆ จากทั้งในและต่างประเทศขึ้นมาดูเล่น ๆ ไม่มีเหตุผลอะไรพิเศษ ไม่ใกล้เคียงกับการเก็บเป็นไอเดียไว้สร้างบ้านในอนาคต เพราะที่อยู่ปัจจุบันยังเช่าเขาอยู่เลย แต่เอาเป็นว่าดูแล้วมันสบายใจ รู้สึกผ่อนคลาย โดยเฉพาะดีไซน์บ้านจากประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ สถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างบอกไม่ถูก มีความ Minimal ไม่ฉูดฉาดหวือหวา แต่เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ เชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกแบบเรา และด้วยความที่ประเทศญี่ปุ่นหนาแน่นไปด้วยผู้คน โดยเฉพาะในโตเกียวที่มีประชากรมากถึง 38 ล้านคน หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศไทยเลยทีเดียว จึงทำให้บ้านแต่ละหลังยิ่งต้องใส่ไอเดียเข้าไป เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุดในพื้นที่จำกัด Vice ได้รวบรวม 10 บ้านดีไซน์สุดคูลในย่านโตเกียวจนถึงฟุกุโอกะจากหนังสือ 411 of Japan’s Most Incredible Modernist Houses. เขียนโดย Naomi Pollock เราจึงอยากนำมาแบ่งปันให้กับชาว UNLOCKMEN เก็บไว้เป็นไอเดียเผื่อว่าใครกำลังมีแผนจะสร้างบ้านใหม่ เราว่าถ้ามีบ้านแบบนี้ในไทยน่าจะเจ๋งไม่น้อยเลย KHT House IRA, Kahoku, Yamagata Prefecture House Snapped, Naf Architect, Saitama, Saitama Prefecture
ตั้งแต่สมัยทำ Presentation ตอนเรียน หลายคนมักจะมี Font สุดแฟนซีที่เราคิดว่ามันเท่ซะเหลือเกิน โผล่มาเป็น Headline ให้เวียนหัวกันเล่น ๆ ใครที่ชอบทำก็ขอให้หยุดเอาไว้ก่อน บางครั้ง Font ที่เป็นทางการหรือเรียบง่าย ดูเหมาะจะใช้งานจริงมากกว่า โดยเฉพาะบนคอนเทนต์ที่ต้องให้คนทั่วไปอ่านเอาใจความจากเนื้อหานั้น ๆ ก็ยิ่งควรเลือก Font ที่สบายตาไว้ก่อน แล้วก็มาเลือกกันอีกทีว่ามันเป็นเนื้อหาที่จริงจังหรือผ่อนคลาย ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่เราอยากจะบอกคือการเลือก Font ให้เหมาะสม มีความสำคัญกับภาพรวมของงานเอามาก ๆ อย่ามัวแต่ใช้ซ้ำไปซ้ำมาเพราะมีของอยู่จำกัด UNLOCKMEN อยากมาแบ่งปัน 5 เว็บไซต์สำหรับแหล่ง FONTS สารพัดสไตล์ ใช้ฟรีไม่มีวันหมด Fontspace ถ้านับเรื่องความใช้ง่าย อยากแนะนำเว็บฯ นี้เลย เมนูไม่ซับซ้อน สามารถเลือกหาฟอนต์ตามประเภทได้ที่เมนู BROWSE บนแถบเมนู แล้วก็เลือกเอาตาม Style Font ที่มีสารพัดให้เราได้เลือก มีทั้งแบบทางการและแฟนซี เท่าที่ดูคร่าว ๆ จะหนักไปทางแฟนซีเสียมากกว่าอย่างหมวด Decorative Styles แบบ Art Deco