เทรนด์ดีไซน์ก็ไม่ต่างอะไรกับเพลงและแฟชั่นที่ทุกอย่างมันจะวนกลับมาฮิตใหม่อยู่เสมอ ของสุดเชยในวันนั้นคือของโคตรเจ๋งในวันนี้ ผู้ชายอย่างเราเลยไม่อาจตัดสไตล์ไหนทิ้งได้เลยและยังจำเป็นต้องอัปเดตเทรนด์อยู่เสมอ เพื่อให้งานของเราออกมาเกาะกระแสและขายได้นั่นเอง UNLOCKMEN จะพามาเกาะกระแสเทรนด์ดีไซน์ปี 2018 ที่ฮิตกันตั้งแต่ต้นปีและยังคงแข็งแกร่งลากยาวมาถึงปลายปีนี้ได้ แถมยังจะอยู่ต่อไปได้อีกนาน การจัดวาง TEXT ที่ไร้ขอบเขต เป็นอีกสิ่งที่ปีนี้เราจะสังเกตเห็นได้จากหลายแบรนด์หรืออาร์ตเวิร์ก หันมาวาง Text ที่ฉีกจากรูปแบบเดิม ๆ ไปโดยสิ้นเชิง พอแล้วกับข้อความที่ต้องเรียงเป็นประโยคสวยงาม เทรนด์ในปีนี้ เราสามารถฉีกคำออกจากกันได้โดยใช้ “-” เข้ามามีส่วนร่วม เติมเต็มช่องว่างที่หายไปของคำนั้นและเพื่อให้รู้ว่าคำนี้จะเชื่อมกับคำต่อไป อีกแบบคือ การเว้นช่องไฟของคำให้ห่างเต็มพื้นที่ จนตัวอักษรกลายเป็น Elements หนึ่งของการออกแบบไปแล้ว Illustrations เข้ามาเพิ่มมิติได้ตามใจนึก รูปภาพเป็นอีกองค์ประกอบที่เว็บไซต์จะต้องมี และหลายเว็บฯ มีรูปภาพเป็นองค์ประกอบสำคัญเลยด้วย เรามักจะคุ้นเคยแต่ภาพถ่ายถูกนำมาเป็นส่วนสำคัญของหน้า Home เป็น Header หรือส่วนอื่น ๆ เพราะเรามักจะใช้ภาพถ่ายสื่อสารข้อความบางอย่างออกมา และมันก็ทำหน้าที่นี้ได้ดีมาเสมอ แต่ 2018 นี้ ลองขยับมาเป็นงาน Illustrations กันดู อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดของภาพ แต่การมี Illustrations ให้ภาพมีกลิ่นอายของลายเส้น ลวดลายจากการวาด ไม่ว่าจะเป็นงานแนวไหนก็ตาม มาเป็นส่วนหนึ่งจะช่วยให้ภาพนั้นดูเป็นงานทำมือมากขึ้น
จากข้อเท็จจริงที่ว่าผู้คนส่วนใหญ่ใช้เวลา 1/3 ของชีวิตไปกับการนอน จึงแทบปฏิเสธไม่ได้ว่าห้องนอนนั้นถือเป็นอีกพื้นที่สำคัญของชีวิต ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่เป็นห้องสำหรับพักผ่อน ห้องนอนยังเป็นพื้นที่ที่สามารถสะท้อนตัวตนของเราออกมาได้เป็นอย่างดีผ่านเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงข้าวของต่าง ๆ ที่เราเลือกใช้ภายในห้อง ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ผู้คนทั้งหลาย รวมถึงผู้ชายอย่างเรา ๆ ต่างก็อยากมีห้องนอนในฝันที่ตกแต่งออกมาในรูปแบบที่ตัวเองปรารถนา ในสไตล์ที่เป็นตัวเองอย่างที่สุด แต่ถึงแม้ใจจะอยากแต่งห้องแบบเต็มที่ ก็ใช่ว่าจะจับต้นชนปลายความต้องการในหัวให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างของห้องนอนในฝันได้ชัดเจนขนาดนั้น วันนี้ UNLOCKMEN จึงขอแนะนำ 5 สไตล์การตกแต่งห้องนอนแมน ๆ ให้ออกมาเท่สมใจ เพื่อเป็นจุดตั้งต้นของไอเดียการออกแบบพื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องนอนที่ถ่ายทอดความเป็นตัวเองออกมาได้ชัดเจนที่สุด และที่สำคัญคือต้องไม่หลุดคอนเซ็ปต์ความเท่ในแบบที่ผู้ชายอย่างเราต้องการ ไอเดียแรกสำหรับผู้ชายสายคลาสสิก เน้นคุมโทนสีน้ำตาลของพื้นห้อง และเฟอร์นิเจอร์ไม้ ขาดไม่ได้กับโซฟาหนังดี ๆ เอาไว้นั่งอ่านหนังสือสักตัว พร้อมเพิ่มความโดดเด่นสร้างลูกเล่นให้กับห้องไม่ให้ถูกกลืนไปด้วยสีน้ำตาลเพียงอย่างเดียวด้วยการเลือกเตียงนอน หรือ ตกแต่งผนังหัวเตียงในโทนสีเทา ซึ่งให้ความแตกต่างแต่ก็ยังกลมกลืนกับอารมณ์โดยรวมของห้องนอนสไตล์นี้ ถ้าความเรียบง่ายคือรูปแบบการใช้ชีวิตที่โปรดปราน การแต่งห้องนอนแนวมินิมัลคือทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะในความน้อยก็ยังมีความเท่แฝงอยู่ภายใต้ผนังห้องสีเทาเข้มตัดกับสีน้ำตาลอ่อนของเนื้อไม้ที่นำมาตกแต่งกรุเป็นผนังหัวเตียง และสำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากับห้องนอนแนวนี้เราแนะนำว่าควรหาเฟอร์นิเจอร์เรียบ ๆ ที่ไม่เน้นดีเทลของพื้นผิวและรูปทรงอะไรมากมายมาใช้ พร้อมเพิ่มมิติให้กับห้องด้วยการใช้สีดำเข้ามาแซมในส่วนของกรอบบานประตู, หน้าต่าง หรือไม่ก็โชว์ความติสท์ด้วยกรอบรูปสีดำเรียบ ๆ ก็ดูเท่ไม่ใช่เล่น อีกหนึ่งทางเลือกของหนุ่มสายมินิมัล แต่เพิ่มความอบอุ่นในแบบฉบับนิปปอนขึ้นมาอีกนิด เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงผนังหัวเตียงไม้สีอ่อนยังเป็นหัวใจสำคัญหลักในการสร้างอารมณ์ความอบอุ่นเรียบง่ายให้กับห้องนี้ ที่แตกต่างออกไปก็จะเป็นในเรื่องของการเพิ่มสีสันรวมถึงลูกเล่นงานดีไซน์ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ให้ห้องนอนห้องนี้ดูมีรายละเอียดและความขี้เล่นที่เพิ่มมากขึ้น
หนังสือไม่เพียงบอกเล่าเรื่องราวภายใน แต่ยังสะท้อนเรื่องราวของคนอ่านด้วยว่ามีความสนใจเรื่องไหน ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับหนังสือจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแยกขาดจากกันได้ นี่จึงเป็นโอกาสดีที่เราแอบทำโปรเจกต์ลับ ๆ นี้ขึ้นโดย Snapshot หนังสือที่เราพบในสถานที่ต่าง ๆ ที่ไปเยือนและนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อแนะนำต่อให้ชาว UNLOCKMEN ได้อ่านกัน เผื่อใครที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ของเจ้าของหนังสือจะเห็นมุมมองอีกด้านที่กว้างขึ้น ที่สำคัญมันยังถือเป็นการปลุกกระแสการอ่านหนังสือล็อตเก่าที่ยังคงเจ๋งเสมอไว้ให้เรามีโอกาสไปพลิกอ่านกัน สำหรับครั้งนี้สถานที่ที่เราตามไป Snap คือ Apos the HQ สถานที่ทำงานของ Apostrophys Group แต่บอกก่อนว่าทั้ง 5 เล่มนี้ไม่ได้เป็นการ Recommend จากชาว Apos แต่อย่างใด หากเป็นความคิดเห็นและการคัดเลือกของเราที่คิดว่าน่าสนใจและต้องการนำมาบอกต่อ Very Thai : everyday popular culture เริ่มต้นเล่มแรกด้วยหนังสือปกแข็งสีชมพูแสบสันจำนวน 320 หน้าที่เขียนด้วยภาษาอังกฤษทั้งฉบับ แต่ไม่ได้ยากเกินความเข้าใจ ข้างในเล่มว่าด้วยเรื่องวัฒนธรรมของไทยที่เราเห็นจนชินตา แต่ชาวต่างชาติที่มาไทยแทบทุกคนล้วนต้องอุทานว่า “อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอ” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทิชชู่สีชมพูในร้านอาหาร รถแท็กซี่ที่ตกแต่งด้วยการแปะโน่นนี่เต็มรถ ไปจนถึงการจัดชุดอาหารเล็ก ๆ แล้วปักธูปเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความโดดเด่นของเล่มนี้อยู่ที่มุมมองการนำเสนอจากผู้เขียนหนังสือที่เล่าเรื่องพาซื่อจากความเป็นชาวต่างชาติ แต่มีผลกับการปรับมุมมองที่เคยจำเจของเราไปอย่างสิ้นเชิง แถมยังต่อยอดความคิดให้เราตั้งคำถามกับทุกสิ่งรอบตัวได้มากขึ้นด้วย ดังนั้น Very Thai หรือ
เดินเข้าสู่ปีที่ 50 สำหรับอัลบั้มในตำนานของสี่เต่าทองที่รู้จักกันในชื่อ The White Album เพราะนอกจากต้นสังกัดอย่าง Apple Records จะมีแผนในการ Re-master อัลบั้มออกมาวางขายอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้แล้ว พวกเขายังมีโปรเจกต์ปล่อยของที่ระลึกสุดเท่เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่สร้างเพื่อฉลองครบรอบครึ่งศตวรรษของ Iconic Album ในชื่อ 2Xperience SB Turntable : The Beatles White Album Edition อีกด้วย The White Album คือสตูดิโออัลบั้มที่ 9 ของ The Beatles ถูกปล่อยออกมาครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ปี 1968 จริง ๆ แล้วชื่อของอัลบั้มคือ The Beatles (เดอะบีเทิลส์) เหมือนชื่อวงแต่เพราะการเปิดตัวพร้อมปกอัลบั้มสีขาวล้วนไร้ลวดลาย แฟนเพลงเลยติดปากเรียกกันว่า The White Album แทน หน้าปกสไตล์ Minimalist ชิ้นนี้ถูกออกแบบโดย Richard Hamilton ศิลปินแนว Modern Art
ถ้าพูดถึงชื่อของ Michael Jordan ผู้ชายหลายคนรู้จักเขาในฐานะนักบาสเกตบอลในตำนาน อีกส่วนน่าจะรู้จักมาจากแบรนด์รองเท้าอย่าง AIR JORDAN ซึ่งความยิ่งใหญ่ทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยฝีมือและฝีเท้าในสนามที่หาตัวเปรียบได้ยาก ถึงแม้ทุกวันนี้เขาจะวางมือไปนานแล้วก็ตามแต่เรื่องราวของเขาก็ยังถูกพูดถึงเสมอ ไม่ใช่แค่นั้นเพราะอะไรก็ตามที่ตัว MJ ได้สัมผัสก็จะคงมูลค่ามีราคาเสมอไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน นั่นก็คือรองเท้าที่ MJ เคยใส่ลงแข่งขันและถูกนำมาจัดประมูลให้ Sneakerhead ตัวจริงสะสมกัน มาดูกันว่าแต่ละคู่หน้าตาเป็นยังไงและราคาของมันไปไกลแค่ไหนกันแล้ว AIR JORDAN 12 “FLU GAME” รองเท้าจากแมตช์ที่ทำให้ Michael Jordan ดูเหมือนยอดมนุษย์ ย้อนกลับไปในการแข่งขัน NBA รอบ FINAL ปี 1997 เกม 5 ระหว่าง Chicago Bulls และ Utah Jazz ทั้งสองเสมอกันอยู่ 2 ต่อ 2 เกม ถ้าใครขึ้นนำเกมต่อไปก่อนจะมีโอกาสได้แชมป์สูงมาก ปรากฏว่าก่อนเริ่มเกมในวันนั้น Michael Jordan ดันไม่สบายขึ้นมากะทันหัน แต่ก็ยังฝืนลงทำการแข่งขันในสภาพอิดโรยตลอด 4 ควอเตอร์ ทำไป 38 แต้มพาบลูส์พลิกชนะด้วยสกอร์ 90-88 หลังเกมเค้ายื่นรองเท้า
เมื่อไม่กี่อาทิตย์เราเพิ่งพูดคุยกับเพื่อนไปถึงความรู้สึกตื่นเต้นเลือดสูบฉีดหลังจากที่ตั้งตารอคอยเพราะได้ยินข่าวคราวมานานเกี่ยวกับงานศิลปะสุดยิ่งใหญ่ที่มีชื่อว่า BAB (แบ๊บ) ซึ่งย่อมาจาก Bangkok Art Biennale (บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่) ที่กำลังจะจัดขึ้นในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเพียง 2 ปีครั้งเท่านั้น และมีความพิเศษกว่าเทศกาลศิลปะอื่นที่เคยเกิด เนื่องจากเป็นการจัดแสดงงานศิลป์ที่เปิดให้ดูกันฟรี ๆ จากศิลปินจำนวนมากถึง 75 คน 33 ประเทศ รวบมาไว้ในสถานที่แห่งเดียวคือ “กรุงเทพฯ” ที่ ๆ เรากำลังย่ำเท้าอยู่ตอนนี้ แต่สิ่งที่ได้ยินจากเพื่อนกลับเป็นคำว่า “เฮ้ย! มีด้วยเหรอ” ดังนั้น เพื่อไม่ให้เพื่อน ๆ ชาว UNLOCKMEN คนไหนต้องพลาดการเสพศิลป์ครั้งนี้แล้วร้องเสียดายกันภายหลัง เพราะย้ำอีกครั้งว่างานจัดแค่ 2 ปีครั้งเท่านั้น แถมสิ่งที่คุณจะได้เห็นปีนี้ก็อาจจะไม่ได้เห็นในปีหน้า อยากดูอาจต้องเสียค่าตั๋วบินไปดู เราจึงขอเปิดวาร์ปไปชมงานตามพื้นที่ต่าง ๆ ที่จัดแสดงทั่วกรุงเทพฯ ด้านล่าง สนใจชมผลงานของศิลปินคนไหนเป็นพิเศษก็อย่าพลาดไปดูกันล่ะ 101 BANGKOK ART BIENNALE เพื่อให้สนุกกับการเปิดแรลลี่ดูงานศิลปะ BAB 2018 มากขึ้น
เพราะแฟชั่นและสไตล์มีการเกิดใหม่ขึ้นมาบนโลกเสมอ แต่ในเวลาเดียวกันมันก็คือการวนกลับมาใช้กลิ่นอายเดิม ๆ ที่เคยรับความนิยม นำมาปรับปรุงใหม่อีกครั้งผ่านการดีไซน์และการใช้งานที่ต่างกันออกไป ซึ่งทั้งสองก็มีเอกลักษณ์และลายเส้นเป็นเสน่ห์ของตัวเอง แต่จะเจ๋งแค่ไหนถ้าเราจับเอาข้อดีในของทั้ง 2 ยุคสมัยมามัดรวมกันไว้ในสิ่งเดียว เหมือนกับที่ Adidas ทำกับรองเท้าทั้ง 8 คู่ในคอลเลกชันที่ปล่อยออกมาล่าสุดในชื่อ “Never Made” Never Made คอลเลกชันรองเท้าใหม่จากแบรนด์กีฬาสุดเก๋าอย่าง Adidas Original พึ่งเปิดตัวไปหมาด ๆ ที่งาน Hypefest ณ มหานครนิวยอร์กเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทาง Adidas บอกว่ามันคือ “Collection of Hybrid Sneakers” สร้างมาจากแนวความคิดที่ต้องการผสมผสานระหว่างรูปแบบของ UPPER รองเท้าจากยุค Old School ที่เป็นตำนานในอดีต ให้เข้ากับนวัตกรรม Mid-Sole ของรองเท้า New School ยุคปัจจุบัน ประกอบไปด้วยรองเท้าจำนวน 8 คู่จาก 3 คอลเลกชันได้แก่ 70s-inspired, 80’s-influenced และ 90’s Tech มาดูกันต่อว่าในแต่ละเซตจะมีคู่ไหนสวยถูกใจหนุ่ม
ผู้ชายทุกคนมีรสนิยมเกี่ยวกับการถ่ายรูปแตกต่างกันออกไป บางคนชอบความรวดเร็ว ความยืดหยุ่นในด้านการใช้งานจากกล้องดิจิทัลสมัยใหม่ แต่ก็มีบางส่วนที่ยังคงหลงใหลในเสน่ห์ของรูปจากกล้องฟิล์มอย่างเหนียวแน่น แต่เพื่อตอบโจทย์คนที่ชอบความเจ๋งของทั้งสองอย่าง จึงมีคนออกแนวความคิดว่าอยากเอากล้องฟิล์มโมเดลคลาสสิกมา Custom รวมกับรูปแบบการล้างภาพในตัวที่รวดเร็วของ Instant Camera ทำให้เกิดเป็น Hasselblad-Instax เครื่องนี้ขึ้นมา Eddie Cohen เจ้าของไอเดียดังกล่าวเป็นนักออกแบบรวมถึงอดีตพนักงานของ Apple Inc. เขาคือชายผู้ชื่นชอบเดินทางถ่ายภาพผู้คนในสถานที่ต่าง ๆ แต่กลับไปเจอปัญหาเมื่อมีคนเข้ามาขอรูปถ่ายจากเขา ซึ่งคงต้องรอให้กระบวนการล้างฟิล์มเสร็จก่อน พูดง่าย ๆ ว่าให้ทันทีเลยไม่ได้ทำให้เขาเกิดไอเดียอยาก Custom กล้องถ่ายรูปที่ตอบโจทย์การใช้งานของตัวเองออกมา โดยวางแผนไว้ว่าจะจับคู่กล้องฟิล์มสัญชาติสวีเดนปี 1950 รุ่น Hasselblad 500C/M มาผสมเข้ากับ Instant Camera ที่ได้รับความนิยมในยุค 90’s อย่าง FujiFilm Instax 9 ขั้นตอนแรกคือศึกษาการทำงานของกล้องทั้งสองตัว Eddie Cohen มองว่า Hasselblad 500C/M มาพร้อมระบบเซ็นเซอร์ตัวรับภาพแบบ Medium Format ที่อาจทำให้ภาพที่ถ่ายออกมามีขนาดไม่พอดีกับฟิล์มแบบ Instant ซึ่งมันต้องเป็นปัญหาเพราะฟิล์มแต่ละม้วนก็ไม่ได้ราคาถูก แถมรูปขนาดเล็กที่ได้มายังบอกเล่าความสวยงามของสิ่งที่ถ่ายได้ไม่เพียงพออีก จึงต้องทำการปรับแต่งตัวโหลดฟิล์มของ FujiFilm Instax 9 ให้มีขนาดการรับภาพเหมาะกับตัวรับภาพจากกล้อง แต่ก็ติดปัญหาความพอดีเพราะอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นซึ่งไม่ได้ถูกสร้างเพื่อใช้งานร่วมกัน หลังลงมือวัดขนาดส่วนประกอบทั้งสองชิ้นให้รู้ความกว้าง-ยาวจนได้ตัวเลขที่เหมาะสมแล้ว
หลังจากอวดโฉมครั้งแรกไปแล้วในงาน Pebble Beach เมื่อกลางปีที่ผ่านมาล่าสุดค่ายรถสัญชาติอิตาลี Ferrari ก็ตัดสินใจเปิดสเปคทั้งหมดของรถซุปเปอร์คาร์คันใหม่ล่าสุด FERRARI 488 PISTA SPIDER โมเดลพัฒนาต่อจาก 488 SPIDER ที่ออกมาสู่ตลาดก่อนหน้านี้ ในระหว่างจัดแสดงในงาน PARIS MOTOR SHOW 2018 มาดูกันว่ารูปแบบสมบูรณ์ที่ถูกพัฒนาเสร็จแล้วจะออกมาถูกใจพวกเรามากแค่ไหน FERRARI 488 PISTA SPIDER ถือเป็นซุปเปอร์คาร์รุ่นที่ 50 ของค่าย Ferrari ซึ่งเป็นเหมือนเวอร์ชันพัฒนาแล้วของรถตระกูล 488 ที่หยิบจับส่วนดีของรถคันอื่น ๆ มาปรับปรุงและแต่งเติมไว้ในคันเดียว เริ่มจากหัวใจสำคัญอย่างเครื่องยนต์ 488 PISTA SPIDER V8 Twin-Turbocharged 3.9-liter ที่ให้กำลังมากถึง 720 แรงม้า ซึ่งเป็นบล็อคเครื่องที่ผ่านการรีดน้ำหนักให้น้อยลง แต่ยังคงประสิทธิภาพด้านความเร็วเอาไว้ครบถ้วน โดยเปลี่ยนกระบอกลูกสูบให้บางยิ่งขึ้น รวมถึงใช้เพลาข้อเหวี่ยงและ flywheel เป็นไทเทเนียมพ่วงกับชุดวาล์วและสปริงแบบพิเศษ ทำให้มีน้ำหนักเบากว่าเครื่องต้นแบบถึง 19 กิโลกรัม แต่แข็งแรงปลอดภัย พร้อมรองรับแรงบิดมหาศาลได้มากกว่าเดิม 488 PISTA SPIDER สั่งงานชุดเกียร์แบบ F1
คงต้องรอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อไปก่อนสำหรับหนุ่ม ๆ แฟนเดนตายของ Game of Thrones ซีรีส์ศึกแย่งชิงบัลลังค์สุดเข้มข้นจาก HBO หลังต้องหยุดยาวรอชมซีซันที่ 8 ซึ่งคาดว่าจะเข้าฉายในช่วงเดือนเมษายนของปี 2019 โดยทาง HBO ก็มีแผนต้อนรับซีซันใหม่ให้จิบไปดูไปด้วย Scotch whiskey สุดพิเศษแบบที่มาในชื่อตัวร้าย White Walker จาก Johnnie Walker WHITE WALKER by JOHNNIE WALKER ถูกตั้งชื่อตาม White Walker กลุ่มตัวละครที่กำลังมีบทบาทสำคัญต่อเนื้อเรื่องในซีรีส์ GAME of THRONES ณ ขณะนี้ อีกนัยยะหนึ่งคือตั้งให้เหมาะสมกับรูปแบบการดื่มเฉพาะของ White Walker Limited Edition ซึ่งว่ากันว่าจะได้รสชาติดีที่สุดก็ต่อเมื่อเสิร์ฟหลังจากผ่านการแช่เย็นจัดเท่านั้น เป็นรูปแบบที่คิดค้นจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิสกี้อย่าง George Harper โดยเขาเลือกใช้วิธีการผลิตเครื่องดื่มขวดนี้แบบ Single Malt เฉพาะถิ่นของโรงกลั่นจาก Cardhu และ Clynelish ซึ่งต้องผ่านอากาศหนาวอันแสนทรหดของสกอตแลนด์ทางตอนเหนือมาไม่ต่างจากพวก WHITE WALKER ที่อาศัยอยู่นอก THE WALL