ภาพยนตร์ระทึกขวัญสั่นประสาทถือเป็นหนังที่ครองใจคนหลายกลุ่มมาอย่างยาวนาน เพราะความตื่นเต้น ฉากนองเลือด ดนตรีประกอบชวนขนลุก ทั้งหมดเร้าอารมณ์ให้ลุ้นและสนุกสนานไปกับการเล่าเรื่องของผู้กำกับ แต่กว่าจะมีภาพยนตร์สยองขวัญที่หลากหลายมาให้เราเลือกดูได้อย่างทุกวันนี้ วงการหนังสยองขวัญก็ต้องผ่านช่วงเวลายากลำบากเพราะกฎข้อบังคับมากมายที่บั่นทอนความสยองขวัญให้ลดลงจนแทบหมดอารมณ์ UNLOCKMEN จะมาเล่าถึงภาพยนตร์สยองขวัญจากปี 1960 ที่แหกกฎของวงการฮอลลีวูด สร้างหนังที่จะปฏิวัติวงการภาพยนตร์ให้ทันสมัย กับการกล้าได้กล้าเสียของผู้กำกับจนทำให้ Phycho กลายเป็นหนังทริลเลอร์ในตำนานที่เหล่าผู้ชื่นชอบความระทึกจะต้องรู้จัก พล็อตหนังคลาสสิกที่โด่งดังด้วยการเล่าเรื่องแหวกทุกข้อห้าม ก่อนที่วงการฮอลลีวูดจะก้าวเข้าสู่ความทันสมัยเหมือนอย่างปัจจุบันนั้นใช้เวลายาวนานพอสมควร เพราะอุปสรรคทางเทคโนโลยี ปัญหาเรื่องความเหมาะสม และค่านิยมตามยุคสมัยเป็นตัวชี้วัดว่าหนังที่สร้างออกจากจะดำเนินไปทิศทางไหน วงการฮอลลีวูดช่วงยุค 40-50 เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยข้อห้ามมากมาย เช่น ห้ามมีฉากโป๊เปลือยเกินพอดี ห้ามสื่ออะไรที่ผิดศีลธรรม ห้ามโหดเลือดสาดชวนให้อาเจียนมากเกินไป ทุกอย่างที่ไม่เหมาะสมจะต้องถูกเซนเซอร์ และห้ามแม้กระทั่งไม่ควรมีโถส้วมอยู่ในภาพยนตร์ เหล่าคนทำหนังช่วงเวลานั้นต่างก็เข้าใจพร้อมทำตามกฎกันเป็นอย่างดี จนมาถึงวันที่ความแตกต่างมาถึง เมื่อภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง Psycho (1960) เข้าฉายครั้งแรกและเปลี่ยนค่านิยมของการทำหนังให้กับวงการฮอลลีวูดไปตลอดกาล Psycho (1960) เป็นภาพยนตร์สุดหลอนที่สร้างจากนวนิยายของ Robert Bloch เรื่องราวของ Marion Crane (Janet Leigh) เลขาสาวสวยที่ตัดสินใจขโมยเงิน 40,000 ดอลลาร์ (ถ้าเทียบกับปัจจุบันมีมูลค่าราว 330,000 ดอลลาร์ หรือกว่าสิบล้านบาทเลยทีเดียว) ของเจ้านายแล้วหนีไปยังเมืองอื่น ระหว่างทางเธอต้องเข้าพักในโมเตลเล็ก ๆ
เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ เชื่อว่าลมหนาวที่พัดมาเป็นระลอกคงทำให้ผู้ชายหลายคนงัวเงีย ขี้เกียจ และเหงาหงอยไปตาม ๆ กัน เมื่อก้อนเมฆกับสายลมเย็นเข้ามาบดบังและแทนที่ความร้อนแรงของแสงอาทิตย์ ทำให้บรรยากาศในช่วงนี้เย็นสบายและเหมาะแก่การนอนโง่ ๆ กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงเสียเหลือเกิน แต่คงจะดีไม่น้อยถ้าได้อรรถรสจากการรับชมภาพยนตร์และซีรีส์มันส์ ๆ ขณะที่กำลังขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มในช่วงหน้าหนาว เริ่มต้นเดือนพฤศจิกายนแบบนี้ UNLOCKMEN ก็ไม่พลาดที่จะพาหนุ่ม ๆ มาอัปเดตคอนเทนต์ใหม่สุดมันส์ในเน็ตฟลิกซ์ ต่อให้อากาศหนาวจะทำให้คุณเหงา แต่รับประกันว่า 3 คอนเทนต์นี้จะช่วยคลายเหงาในวันหนาว ๆ ของคุณได้แน่นอนครับ! The End of the F***ing World: Season 2 หลังจากสร้างกระแสไวรัลไปเมื่อปีก่อน เน็ตฟลิกซ์ก็ไม่รอช้าเตรียมปล่อยออริจินัลซีรีส์ ‘The End of the F***ing World: Season 2’ มาให้หนุ่ม ๆ คอซีรีส์ได้ลิ้มชิมรสชาติความห่วยแตกของโลกใบนี้ คาดว่าเนื้อเรื่องในซีซั่นนี้คงไม่ได้เล่าถึงการเดินทางแสนอลวนของ James และ Alyssa อีกต่อไป แต่เน้นเส้นทางชีวิตของ Alyssa หลังจากที่ James ถูกจับ
เช้าวันนี้ลุกออกจากเตียง เพียงเปิดหน้าต่างก็พบกับลมเย็นและกลิ่นอากาศหนาวเข้ามาปะทะใบหน้า ทำเอาคนเมืองร้อนอย่างเรา ๆ ดีใจจนเนื้อเต้น แต่สุภาพบุรุษชาวไทยอย่างเราเจ็บแล้วจำ ปรากฏการณ์ ‘หนาววันร้อนพรุ่ง’ หลอกให้อยากแล้วจากไปมีให้เห็นถมเถในทุก ๆ ปี! สภาพอากาศไว้ใจไม่ได้แบบนี้ ต้องเตรียมเพลย์ลิสต์ฟีลหนาวสุดขั้วไว้ฟังตั้งแต่เนิ่น ๆ เผื่อวันไหนลมเย็นพัดมาอีกครั้ง จะได้รีบเปิด รีบอิน รีบชิลล์ ก่อนความร้อนอบอ้าวจะมาเยือนในวันถัดไป เหมือนเสื้อกันหนาวตัวเก่งที่ทุ่มเงินซื้อเตรียมซะดิบดี ปีนึงได้ใส่อยู่กี่วันกันเชียว ปล. สำหรับเพลงในรอบนี้ ขอเป็นเพลงใหม่คละกันกับเพลงเก่านะครับ เพราะเราจะเน้นไปที่ Mood & Tone Carrie & Lowell – Sufjan Stevens อันที่จริงไม่ใช่แค่เพลงนี้ แต่ Sufjan Stevens เขาเป็นเจ้าพ่อเพลงโทนเย็น เป็นนักสร้างบรรยากาศด้วยเสียงดนตรี และเขาสามารถทำให้หิมะตกโปรยปรายในหัวใจผู้ฟังได้อย่างน่าอัศจรรย์ หากคุณฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกถูกจริต เราขอแนะนำให้ฟังอัลบั้มที่มีชื่อเดียวกันอย่าง Carrie & Lowell จนหมดทั้งอัลบั้ม ไม่แน่ผลงานชุดนี้อาจกลายเป็นอัลบั้มประจำฤดูหนาวของคุณไปเลยก็ได้ Holiday-ish – The Regrettes ฟังเผิน ๆ เหมือนจะเป็นเพลงคริสต์มาส
หลังจากที่ Netflix ประสบความสำเร็จในการสร้าง Original Content ของตัวเองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ สารคดี การ์ตูน ไปจนถึงรายการโชว์ ส่วนของภาพยนตร์เองก็ไม่น้อยหน้า กำลังเติบโตและเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Roma, Bird Box, To All the Boys I’ve Loved Before, Set It Up และ Okja ล้วนได้รับความสนใจจากผู้ชมทั่วโลก ล่าสุดพวกเขากำลังจะปล่อยหนังเรื่องใหม่จัดเต็มโปรดักชั่นยิ่งใหญ่กว่าเดิมมาให้พวกเราได้ชมกันกับ ‘The King’ (เดอะ คิง) ภาพยนตร์แนวพีเรียดที่สร้างจากวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ของ วิลเลียม เชกสเปียร์ เรื่องราวของกษัตริย์เฮนรีที่ 5 แห่งราชวงศ์อังกฤษ อดีตเจ้าชายหนุ่มผู้ไม่ปรารถนาจะสืบทอดราชบัลลังก์ แต่กลับต้องขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างกะทันหันหลังพระราชบิดาผู้เหี้ยมโหดสิ้นพระชนม์ เรื่องย่อ เจ้าชายฮัล (รับบทโดย ทิโมธี ชาลาเมต์) ผู้ไม่เคยใส่ใจกับการรับช่วงต่อราชบัลลังก์ เขาจำต้องขึ้นครองราชย์เป็น ‘พระเจ้าเฮนรีที่ 5’ หลังการตายของพระบิดาอย่างไม่ทันตั้งตัว กษัตริย์หนุ่มจึงต้องหาทางรับมือกับการแก่งแย่งชิงดี เขาต้องต่อสู้กับภาระอันหนักอึ้งของมงกุฏ ในช่วงที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
หนึ่งในไฮไลต์เด็ดวงการเพลงประจำปี 2019 คงหนีไม่พ้นวาระการโค่นแชมป์ตำนานบิลบอร์ดครั้งสำคัญ เมื่อแรปเปอร์หน้าใหม่ไฟแรงนาม Lil Nas X สามารถนำเพลง Old Town Road feat. Billy Ray Cyrus ของตัวเอง ครองชาร์ต Billboard Hot 100 ได้ยาวนานถึง 19 สัปดาห์ ล้มแชมป์เดิมอย่าง One Sweet Day ของ Mariah Carey & Boyz II Men ลงได้สำเร็จ หลังครองสถิตินี้มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1995! แม้ก่อนหน้านี้ เพลง Despacito ของ Luis Fonsi and Daddy Yankee feat. Justin Bieber จะเทียบเคียงขึ้นมาในตำแหน่งเสมอกันได้ แต่ก็ไม่อาจแซงหน้าจนเรียกได้ว่าเป็นแชมป์ใหม่ โลกอินเทอร์เน็ตและกลุ่มแฟนเพลงยุคนี้ทำให้ศิลปินที่เพิ่งจะเป็นที่รู้จักอย่าง Lil Nas X
วันฮัลโลวีนใกล้เข้ามาทุกที คอเพลงทั้งหลายมีแผนจะออกไปปาร์ตี้ที่ไหนกันบ้างหรือยัง? คืนปล่อยผีทั้งที หนึ่งปีมีเพียงครั้ง WEEKLY PLAYLIST ของเราในครั้งนี้ จึงมาแบบธรรมดาไม่ได้! UNLOCKMEN จะชวนคอเพลงทั้งหลาย มาสร้างอารมณ์ให้อินกับเทศกาล ด้วยการฟัง 10 เพลงสยอง ทำนองขนหัวลุก ก็แหม…เพลงผี ๆ ก็ใช่จะมีแต่ Thriller ของ Michael Jackson นะครับ! เตรียมแอดเพลงเหล่านี้ไว้เปิดกล่อมวันที่ 31 ตุลาคมได้เลย Party Time – 45 Grave ฟังเผิน ๆ ก็เหมือนเป็นเพลงพังก์ร็อกฟังสนุกเพลงหนึ่ง แต่จริง ๆ เนื้อเพลงมันโหดร้ายมากครับ เพราะเกี่ยวกับเด็กหญิง 5 ขวบที่ถูกครอบครัวทำการทรมาน ก่อนจะฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม ทั้งทุบตี เอาบุหรี่จี้แขน โดยคำว่า Party Time ในที่นี้คือการเสียดสีว่าช่วงเวลาแห่งความโหดร้ายของเด็กหญิงเปรียบเสมือนปาร์ตี้รื่นเริงของคนใจอำมหิตอย่างแม่เธอนั่นเอง A Little Piece Of Heaven – Avenged Sevenfold
หากจะกล่าวถึงวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จ และเข้าถึงมวลชนมากที่สุดในยุคนี้ ชื่อต้น ๆ ที่หลายคนคิดถึงคงจะหนีไม่พ้น Coldplay ชื่อของพวกเขาเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี ค.ศ. 2000 กับอัลบั้มชุดแรกที่มีชื่อว่า Parachutes ซึ่งเพลงฮิตอย่าง Yellow ก็อยู่ในอัลบั้มนี้เนี่ยแหละ จากวันนั้นจนวันนี้ พวกเขามีสตูดิโออัลบั้มมาแล้ว 7 ชุด ล่าสุดก็คืออัลบั้ม A Head Full of Dreams (2015) ที่ทัวร์ขายบัตรหมดเกลี้ยงราชมังฯ ไปเมื่อปี 2017 เล่นเอาการคมนาคมย่านรามคำแหงเข้าสู่สภาวะ ‘นรกแตก’ จนเป็นที่โจษจันยันทุกวันนี้ หากนับจากอัลบั้ม A Head Full of Dreams วันเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบ 5 ปีแล้ว และในที่สุด เราก็ไม่ต้องรอคอยอีกต่อไป Coldplay ได้ออกมาประกาศชื่อสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 8 พร้อมกำหนดการปล่อยออกมาเป็นที่เรียบร้อย แต่! ไม่ได้ออกมาบอกแบบธรรมดา ๆ เพราะเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา พวกเขาได้ประกาศมันลงบน North Wales Daily
แม้ My Chemical Romance จะสลายตัวไปแล้วตั้งแต่ปี 2013 แต่พวกเขายังคงจารึกความยิ่งใหญ่ไว้ในวงการเพลง ฟรอนต์แมนของวงอย่าง Gerard Way ก็ยังเป็นไอดอลที่เด็กอีโมครึ่งโลกต่างบูชา แถมยังทำงานในฐานะศิลปินเดี่ยวมาจนถึงปัจจุบัน ล่าสุดเขาเล่าสารพัดวีรกรรมสุดแสบในอดีตและแรงบันดาลใจทางดนตรีที่หลายคนอาจไม่เคยรู้บนเวทีงาน LA Comic-Con ที่ผ่านมา บางคนคงสงสัยว่า เหตุใดศิลปินอย่างเขาจึงได้รับเชิญให้มาพูดบนอีเวนต์เกี่ยวกับการ์ตูนและภาพยนตร์แบบนี้? แท้จริงแล้วสาเหตุมาจากผลงานของเขา เนื่องจากเขาเป็นผู้แต่งหนังสือการ์ตูนเรื่อง The Umbrella Academy ที่ทาง Netflix นำมาสร้างเป็นซีรีส์ซึ่งเริ่มฉายไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ใครยังไม่ได้ดู ก็สามารถไปติดตามกันได้ครับ เจ้าตัวเผยว่าเคยถูกไล่ออกจากวงดนตรีโรงเรียนด้วยสาเหตุที่แฟนเพลงอย่างเราไม่อยากจะเชื่อ นั่นก็คือเล่นกีตาร์ห่วย! (ใครหนอมันกล้าไล่ไอดอลผมด้วยเหตุผลนี้) “ผมอยากเล่นเพลงออริจินัลของตัวเอง แต่พวกเขาอยากให้ผมร้องคัฟเวอร์ เขามาไล่ผมออก เพราะผมไม่ยอมเล่นเพลง Sweet Home Alabama ให้พวกเขายังไงล่ะ” ถึงจะเริ่มต้นไม่ดีนัก แต่ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ Gerard Way ตั้งใจทำงานหนักกว่าเดิม ทั้งในแง่ของดนตรี งานเขียน และการวาดภาพ การ์ตูนเรื่องแรกในชีวิตของเขามีชื่อว่า On Angel’s Wings เคยตีพิมพ์ลงบนนิตยสารรวมการ์ตูนแนวสยองขวัญของ Hart D. Fisher โดยตอนนั้นเขามีอายุเพียง 15-16
หากกล่าวถึง แอร์ พงศกร ลิ่มสกุล หรือ ‘แอร์ – The Mousses’ เชื่อว่าหลายคนคงจะนึกถึงลุคเท่ ๆ ทรงผมแหวกแนว และแฟชั่นจัดจ้านของผู้ชายคนนี้ ภาพจำของเขาคือนักร้องอินดี้ขวัญใจวัยรุ่น ผู้ฝากผลงานเพลงเพราะ ๆ มากมายเอาไว้ในใจแฟนเพลง หลายคนอาจจะคิดว่าผู้ชายคนนี้จะต้องมีความติสก์ หรือมีวิถีชีวิตสุดเหวี่ยงสมกับเป็นร็อกสตาร์ แต่หลังจากที่เรามีโอกาสได้สนทนากับเขา เรากลับค้นพบว่า ‘แอร์’ ยังมีหลายมุมที่ไม่สามารถตัดสินได้เพียงผิวเผิน นอกจากความมุ่งมั่นอย่างที่ศิลปินคนหนึ่งพึงมีแล้ว แอร์ยังมีมุมมองที่แตกต่างเกี่ยวกับเรื่องวงดนตรี จัดสรรกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้อย่างเป็นระบบระเบียบ อีกทั้งทุกลมหายใจของเขายังอุทิศให้สิ่งที่เรียกว่า ‘ครอบครัว’ อย่างไร้เงื่อนไข วันนี้ UNLOCKMEN จึงอยากจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น กับชีวิตหลายโหมดของผู้ชายคนนี้ ที่คุณอาจไม่เคยรู้ จำได้ไหมว่าอยู่ในวงการมากี่ปีแล้ว? จริง ๆ เริ่มตั้งแต่ช่วงรอยต่อระหว่างขึ้นปี 4 สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนี้น่าจะขึ้นปีที่ 12 แล้วครับ จุดเริ่มต้นของวง The Mousses ต้องเท้าความก่อนว่าผมกับจ๊ะ (มือกีตาร์) เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ๆ สมัยประถมแล้วครับ พอมัธยมเราก็เล่นดนตรีมาด้วยกัน แล้วผมสองคนเป็นมือกีตาร์กันทั้งคู่
เคยไหมครับ รู้สึกว่าชีวิตตัวเองเหมือนซิทคอมตลก ๆ เรื่องหนึ่ง และถ้าหากตัวเราคือพระเอกของเรื่อง ก็คงจะเป็นไอ้พระเอกขี้แพ้ ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักเรื่อง! อารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจแบบนี้ เป็นกันได้ทุกคน และถ้าคุณอยากฟังเพลงเจ็บ ๆ ย้ำอารมณ์อ่อนแอของคนเป็นลูเซอร์ในวินาทีนี้ UNLOCKMEN ได้รวบรวม 10 เพลงที่น่าสนใจ เอาไว้ให้คุณที่นี่แล้วครับ I’m a Loser – The Beatles วงระดับตำนานอย่างสี่เต่าทองก็มีเพลงส่งเข้าประกวดในชมรมคนขี้แพ้เช่นกัน “I’m a loser And I lost someone who’s near to me” (ผมมันไอ้ขี้แพ้ และเสียใครบางคนที่เคยอยู่ข้างกายไปเสียแล้ว) ถ้าเปรียบเป็นเพลงไทย ก็ฟีลเดียวกับเพลงรักแท้ดูแลไม่ได้ของโปเตโต้ เพราะคนขี้แพ้อย่างผมจะไปรักษาใครไว้ได้! Teenage Dirtbag – Wheatus เพลงนี้เรียกได้ว่าเป็นเพลงชาติผู้แพ้ระดับตำนาน ที่ถูกส่งต่อกันมาในสมาคมนายคนขี้แพ้! เกี่ยวกับไอ้หนุ่มคนหนึ่งที่ไปหลงรักสาวคนดังของโรงเรียน ทั้งที่ตัวเขาน่ะเป็นแค่ Teenage Dirtbag ถ้าให้แปลเป็นไทยก็หมายถึงวัยรุ่นสุดเฉิ่มนั่นแหละ (แนะนำให้ดู MV จะเข้าใจเพลงมากขึ้นครับ)