ถ้าพูดถึงวงการทีวีซีรีส์ในช่วงเวลานี้ใคร ๆ ต่างก็ต้องพูดถึงสตรีมมิงของ Netflix ที่ขยันปล่อยซีรีส์น่าสนใจมาอยู่เรื่อย ๆ แม้ตอนนี้จะมีคู่แข่งหลายเจ้าเกิดขึ้นมากมายทั้ง Apple TV Plus ที่ปล่อยเรื่อง See ออกมาและได้รับคำชมอย่างล้นหลาม หรือจะเป็นทางฝั่งค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่าง Disney + ที่ส่งซีรีส์ภาคแยกจากมหากาพย์หนังสงครามของมวลมนุษยชาติเรื่อง Star Wars กับซีรีส์ The Mandalorian ลงสนามแย่งฐานผู้ชมกับค่ายระบบสตรีมมิงอื่น ๆ การเกิดขึ้นของระบบสตรีมมิงทำให้การรับชมทีวีซีรีส์ของผู้คนเปลี่ยนไป และในตอนนี้ Netflix ก็พร้อมประกาศสงครามกับค่ายหนังอื่น ๆ ด้วยการส่งซีรีส์ฟอร์มยักษ์ที่ใครหลายคนรอคอยกับเรื่อง The Witcher ลงสนามด้วยเช่นกัน จึงทำให้ UNLOCKMEN อยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโลกของ The Witcher ให้มากขึ้นว่า เพราะอะไรผู้คนทั่วโลกถึงให้ความสนใจกับซีรีส์เรื่องนี้ ? THE WITCHER เวอร์ชันนิยายและเกม ก่อนมาเป็นซีรีส์ที่คนทั่วโลกจับตามองและให้ความสนใจ The Witcher คือนวนิยายชุดแฟนตาซีจากปลายปากกาของ Andrzej Sapkowski นักเขียนชาวโปแลนด์ร่างไว้ตั้งแต่ปี 1986 ด้วยเรื่องราวน่าตื่นเต้นของหนังสือทำให้ The
ถ้าพูดถึง ‘ยาเสพติด’ เราอาจจะจะคุ้นเคยจากการเรียนเรื่องโทษของมันในชั้นเรียน รู้จักเพราะมีคนใกล้ตัวใช้ หรือรู้จักจากภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง และด้วยความสงสัยใคร่รู้จนอยากลงลึกถึงรายละเอียดให้มากขึ้น UNLOCKMEN ได้พบกับสารคดีเรื่องหนึ่งที่จะพาทุกคนดำดิ่งสู่ด้านมืดของสังคมสุดอันตรายทุกย่างก้าว ภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือสารคดีบางเรื่องมักนำเสมอมุมมองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง บางเรื่องเจาะลึกเกี่ยวกับพ่อค้ายาชื่อดัง บางเรื่องตามติดทีมปราบปรามยาเสพติด บางเรื่องก็มึนเมาไปพร้อมกับคนเสพยา แต่ซีรีส์กึ่งสารคดีเรื่อง Dope ของ Netflix จะพาเราไปพบกับทุกมุมมองของผู้ขาย ผู้ซื้อ และตำรวจอย่างครบถ้วน ผงขาว ‘Dope’ หรือในชื่อภาษาไทยว่า ‘ผงขาว’ เป็นซีรีส์กึ่งสารคดีตีแผ่วงการยาเสพติด ถ่ายทำจากเหตุการณ์จริง นั่งสัมภาษณ์พ่อค้ายาในแต่ละย่านจริง ๆ และบางครั้งก็บุกจับคนร้ายไปพร้อมกับตำรวจ ถือว่าเป็นการทำภาพยนตร์ที่ต้องใจกล้าพอสมควรกับการลงไปใช้ชีวิต และเสี่ยงชีวิตนั่งพูดคุยกับพ่อค้ายาอาวุธครบมือ ซีรีส์เรื่อง Dope เริ่มออกอากาศมาตั้งแต่ปี 2017 ตอนนี้ได้ดำเนินมาถึงซีซั่น 3 แล้ว โดยในแต่ละตอนจะพาเราไปทำความรู้จักกับพ่อค้ายาสลับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ รับรู้ถึงความคิดรวมถึงมุมมองของคนขายว่าทำไมเขาถึงกระโดดเข้าสู่วงการผงขาว บางคนเติบโตมากับสังคมที่ญาติพี่น้องเป็นคนขายยา สุดท้ายเมื่อโตขึ้นก็มาสานต่อกิจการที่บ้าน บางคนเข้าสู่วงการเพราะอยากมีรถหรูขับเนื่องจากการขายยาสามารถสร้างรายได้ให้เขา 20,000 ดอลลาร์ (ราวหกแสนบาท) ต่อสัปดาห์ และต้องติดตามกระแสอยู่ตลอดว่ายาชนิดไหนกำลังฮิต เมื่อดูไปเรื่อย ๆ ผู้ชมจะรับรู้ว่าแท้แล้วคนขายมืออาชีพที่อยู่ในวงการมานานมักไม่เสพยาเสพติดของตัวเองเพราะรู้ดีว่าเสพแล้วจะเป็นอย่างไร
ใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าอาชญากรรมเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม และเป็นการกระทำที่ไม่ควรเลียนแบบ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสัมพันธ์ของแก๊งมาเฟียหรือเรื่องราวผิดกฎหมายมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ใคร ๆ ต่างอยากลองสัมผัสสักครั้งแม้จะเป็นการรับชมผ่านภาพยนตร์ก็ตาม Martin Scorsese ถือเป็นนักเล่าเรื่องชั้นครูของวงการฮอลลีวูด เขาชื่นชอบเรื่องราวของแก๊งมาเฟียอเมริกัน-อิตาลี สงคราม การเมือง ศาสนา และอิทธิพลในโลกใต้ดินที่ซ่อนทั่วสหรัฐอเมริกา และในตอนนี้เขาก็หวนคืนสู่วงการมาเฟียอีกครั้งด้วยผลงานเรื่อง The Irishman (2019) เรียก ‘FRANK IRISHMAN’ ว่ามาเฟียคนสุดท้ายก็คงจะไม่ผิดนัก The Irishman เล่าเรื่องราวชวนสงสัยผ่าน Frank Sheeran ทหารผ่านศึกชาวไอริชช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ตอนนี้เขาเป็นชายขับรถส่งเนื้อ รับจ้างทาสีบ้าน (ศัพท์ในวงการมาเฟียหมายถึงมือปืนรับจ้าง) ทั่วสหรัฐฯ โดยลูกเมียของเขาไม่ได้รู้ถึงอาชีพช่างทาสีบ้านของเขา ใครจะคิดว่าชีวิตคนขับรถขายเนื้อจะได้โคจรมาเจอกับบุคคลที่ถูกเรียกว่าเป็น ‘ชายผู้อันตรายที่สุดในศตวรรษที่ 20’ อย่าง Russell Bufalino อาชญากรตัวเป้งชาวชิลีผู้กุมอำนาจแถบชายฝั่งตะวันออกทั้งหมดของยุค 70 แถมยังได้ใกล้ชิดกับ Jimmy Hoffa ผู้นำสหภาพแรงงานแห่งชาติผู้ยิ่งใหญ่ ที่ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าเขาคือหนึ่งในชายที่กุมอำนาจทางการเมืองสหรัฐอเมริกา ‘เมื่อก้าวเข้าสู่วงการมาเฟียแล้วจะต้องไม่ถอยหลังกลับ’ Frank หรือ Irishman
“แมว” ชื่อสัตว์ชนิดนี้มาพร้อมรูปลักษณ์ชวนให้ใจหลอมละลายเสมอ แต่ภายใต้ความน่ารัก สิ่งที่ซ่อนอยู่คือนิสัยยากแท้หยั่งถึง อยากมาก็มา อยากหายไปก็พร้อมจากไปอย่างไร้เยื่อใย เมื่อใดอยากอ้อนคลอเคลียก็พร้อมเคล้าคลอไม่ห่าง แต่บทจะรำคาญก็พร้อมฝากรอยแผลเป็นทางยาวไว้ให้ดูต่างหน้า ความไม่อาจคาดเดานี้จึงกลายเป็นเสน่ห์ของแมวที่ทำให้หนุ่ม ๆ ซึ่งไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน กลับยอมเทใจศิโรราบ นิยามตัวเองเป็น “ทาสแมว” แบบไร้เงื่อนไข ดังนั้นเพื่อเอาใจหนุ่มทาสแมวชาว UNLOCKMEN วันนี้เราหยิบ 5 หนังแมว ๆ ในหลากหลายรูปแบบมาให้คุณดื่มด่ำถึงที่ If Cats Disappeared from the World มนุษย์ที่ไม่ได้เป็นทาสแมวดูหนังเรื่องนี้แล้วยังเสียน้ำตา แล้วประสาอะไรกับหนุ่ม ๆ ทาสแมวทั้งหลาย! ไม่ว่าคุณจะคิดว่าคุณแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ดู If Cats Disappeared from the World แล้วต้องสะอึกสะอื้นแน่นอน หนังเล่าเรื่องราวของบุรุษไปรษณีย์ที่ทำสัญญากับปีศาจ ถ้าเขาอยากมีชีวิตนานขึ้น 1 วัน ต้องแลกกับของ 1 สิ่งที่จะหายจากโลกนี้ไปตลอดกาล… หนังเรื่องนี้ไม่เพียงบอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์กับเจ้านายอย่างแมวเท่านั้น แต่จะชวนให้คุณตั้งคำถามกับตัวเองว่า “อะไรกันแน่ที่สำคัญที่สุดในชีวิตคุณ?” รับรองว่าคุณจะได้พิจารณาสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างลึกซึ้ง
ในตอนนี้โลกของวงการภาพยนตร์ถือว่าคึกคักกันไม่น้อย ผู้คนที่มีส่วนร่วมในภาพยนตร์ที่เป็นตัวเต็ง ถูกกล่าวถึงตั้งแต่ต้นปียันท้ายปี 2019 ต่างเตรียมตัวตัดชุดเพื่อเดินสายตามงานรางวัลภาพยนตร์ เพราะในเดือนมกราคม 2020 ก็จะมีงานประกาศรางวัลใหญ่ของวงการหนังอีกหนึ่งเวทีอย่าง ‘Golden Globe Award’ หรือในชื่อไทยว่า ‘งานลูกโลกทองคำ’ ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 77 แล้ว หลังจากที่ใครหลายคนเฝ้าคอยและเดารายชื่อภาพยนตร์ที่จะได้เข้าช่วงชิงรางวัลในสาขาต่าง ๆ จากงานลูกโลกทองคำ ในที่สุดทางเวทีก็ประกาศรายชื่อภาพยนตร์ นักแสดง และผู้กำกับที่จะชิงรางวัลประจำปี 2020 กันเป็นที่เรียบร้อย หมวดภาพยนตร์ รายชื่อภาพยนตร์ที่เปิดออกมาสำหรับการเข้าชิงรางวัลในสาขาต่าง ๆ ถือว่าเป็นไปตามที่นักวิจารณ์และคอหนังหลายคนคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ ภาพยนตร์หลากหลายเรื่องที่โดดเด่นออกมาจากหนังประเภทเดียวกันต่างเตรียมลุ้นรางวัลจากเวทีลูกโลกทองคำ ทั้งภาพยนตร์ประเภทดราม่า ภาพยนตร์เพลง คอมเมดี้ หนังที่ใช้ภาษาต่างประเทศไปจนถึงแอนิเมชัน โดยหนัง 5 เรื่องที่ได้เข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประเภทดราม่า ได้แก่ Marriage Story 1917 The Irishman Joker The Two Popes ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประเภทภาพยนตร์เพลงหรือคอมเมดี้ Once Upon a Time in Hollywood Jojo
เป็นธรรมเนียมของสื่อต่าง ๆ ทุกสิ้นปีกับการจัดอันดับเพื่อรวบรวมเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปี นิตยสารเกี่ยวกับภาพยนตร์ของอังกฤษ Sight & Sound ก็ไม่น้อยหน้าจัดอันดับ 50 ภาพยนตร์แห่งปี 2019 ด้วยเช่นเดียวกัน และอันดับ 1 คือหนังสุดดราม่าเรื่อง The Souvenir การจัดอันดับของ Sight & Sound มาจากผลโหวตของนักวิจารณ์อังกฤษจำนวน 100 คน โดยแบ่งเป็นชาย 60 คน และหญิง 40 คน เพื่อดูว่าเหล่านักวิจารณ์หนังชื่อดังไปจนถึงกลุ่มหน้าใหม่ชื่นชอบภาพยนตร์ปี 2019 เรื่องไหนบ้าง และผลที่ออกมาก็น่าตกใจไม่น้อยเมื่อ The Souvenir ถูกเลือกให้เป็นอันดับ 1 ตีคู่สูสีมากับภาพยนตร์สายรางวัลอย่าง Parasite จากเกาหลีใต้ หรือภาพยนตร์มาเฟียจาก Netflix เรื่อง The Irishman ของผู้กำกับรุ่นตำนาน Martin Scorsese และ Once Upon a Time in
ไม่น่าเชื่อว่าอีกเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น เราทุกคนก็ต้องเตรียมโบกมือลาปี 2019 และเข้าสู่ปี 2020 กันแล้ว แต่ก่อนจะข้ามปี โลกภาพยนตร์ก็โชว์ความครึกครื้นฉลองปลายปีด้วยโปรแกรมหนังที่น่าสนใจหลายเรื่องที่รอจ่อเข้าฉายในประเทศไทย ที่สำคัญหลายเรื่องที่ลงโรง เหล่ากูรูต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าจะได้เข้าไปชิงชัยในงานออสการ์ที่จะจัดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2020 อีกด้วย UNLOCKMEN ได้รวบรวม 5 ภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในเดือนธันวาคมมาให้หนุ่ม ๆ เลือกดูกันว่าเรื่องไหนมีความน่าสนใจอย่างไร เรื่องไหนถูกเรียกว่าเป็นหนังสายรางวัล เรื่องไหนคือตำนาน เรื่องไหนโกยคำวิจารณ์ที่ยอดเยี่ยม และเรื่องไหนที่จะทำให้น้ำตาของผู้ชายไหลได้โดยไม่รู้ตัว Knives Out (2019) Knives Out (2019) หรือในชื่อภาษาไทยสุดกวนว่า ‘ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่’ ภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับคดีปริศนาเพื่อหาตัวคนร้ายที่แท้จริง แม้จะเป็นหนังสืบหาฆาตกรแต่กลิ่นอายของการดำเนินเรื่องกลับสอดแทรกมุกตลกเสียดสีเอาไว้ด้วย แถมคำวิจารณ์จากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes จากนักวิจารณ์และผู้ชมทั่วไปก็อยู่ในเกณฑ์ดีมากสูงถึง 90% การเล่าเรื่องที่ทำให้ผู้ชมลุ้นระทึกและชวนฉงนตามได้ตั้งแต่เริ่มเรื่องมาถึงจุดจบเป็นผลงานกำกับของ Rian Johnson ที่เคยฝากผลงานไว้ในภาพยนตร์ตระกูลดังอย่าง Star Wars: The Last Jedi (2017) ที่ในช่วงเวลานั้นเขาทำให้เสียงวิจารณ์แตกออกเป็นสองขั้ว นอกจากเรื่องราวที่เล่าได้อย่างดีเยี่ยม รายชื่อนักแสดงก็ทำให้ทั่วทั้งโลกให้ความสนใจ เพราะหนังเรื่องเดียวแต่ขนนักแสดงระดับแนวหน้ากันมาคับคั่งไม่ว่าจะเป็น Christopher Plummer มารับบทเป็นปู่มหาเศรษฐี
ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นเมืองที่มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์แทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมังงะ ศิลปะ ดนตรี แฟชั่น ชาวแก๊ง ไปจนถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เมื่อเห็นแล้วก็จะรู้ทันทีว่ามาจากญี่ปุ่น ในครั้งนี้ดินแดนเมืองเกาะที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ก็นำภาพยนตร์ชื่อดังที่คนทั่วโลกรู้จักอย่าง Star Wars มาประยุกต์เข้ากับศิลปะการแสดงที่มีชื่อว่า Kabuki STAR WARS KABUKI Kabuki (คาบูกิ) เป็นศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีจุดเริ่มต้นราวศตวรรษที่ 17 ในเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นอย่างเกียวโตที่ได้รับความนิยมจากผู้ชม ในช่วงเริ่มต้นคณะละครแสดงคาบูกิจะมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย พวกเขาจะบรรเลงบทเพลง ร่ายรำได้อย่างสวยงาม และแสดงท่วงท่าสื่ออารมณ์ชัดเจน แต่เพราะนักแสดงหญิงในคณะละครส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นโสเภณี จึงทำให้ปี ค.ศ. 1629 รัฐบาลออกกฎห้ามให้สตรีแสดงละครคาบูกิ เพื่อคงศีลธรรมอันดีงามเอาไว้ ทำให้นักแสดงในรุ่นหลัง ๆ มีเพียงแค่เพศชายเท่านั้น กว่า 400 ปีที่คาบูกิถูกสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน เหตุที่การแสดงจากยุคโบราณนี้มีเรื่องเล่าได้หลายร้อยปีอาจเป็นเพราะคาบูกิเป็นการแสดงที่เน้นเล่าเรื่องของซามูไร นักรบผู้เต็มไปด้วยความสามารถ ไปจนถึงบทละครดราม่าเคล้าน้ำตาของชาวบ้าน บางครั้งบางตอนก็เอาเรื่องราวเด่น ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นมาปรับเข้าสู่การแสดง เนื้อเรื่องจึงมีส่วนทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงคาบูกิได้ ล่าสุดคาบูกิในปี 2019 ก็ทำให้คนทั่วโลกให้ความสนใจเกี่ยวกับศิลปะและการแสดงนี้เป็นอย่างมาก เมื่อ Star Wars เรื่องราวของสงครามอวกาศที่เริ่มออกอากาศครั้งแรกตั้งแต่ปี 1977 ถูกนำมาถ่ายทอดให้ผู้คนได้รับชมกันในสไตล์ของญี่ปุ่นในชื่อการแสดงว่า Star Wars
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราเพิ่งพูดถึงความฮ็อตของพระเอกรุ่นเก๋าอย่าง Keanu Reeves กันไปหยก ๆ ในบทความ เมื่อทีมผู้สร้างหนังตระกูล FAST & FURIOUS เอ่ยปากอยากร่วมงานกับ KEANU REEVES ทำให้ไม่ว่าคนจากวงการทำภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่จาก Marvel หรือทีมงานสร้างหนังแอกชันสำหรับขาโจ๋วัยซิ่ง ไปจนถึงเทพแห่งวงการเกม ทุกคนต่างก็อยากจะร่วมงานกับเขาด้วยกันทั้งนั้น ทีมผู้สร้างหนังหลาย ๆ คนที่อยากจะร่วมงานกับพระเอกคนดังที่ร้อนแรงสุด ๆ ของปี 2019 จำนวนไม่น้อยต่างก็ต้องกินแห้วกลับบ้านไปมือเปล่าเพราะ Keanu Reeves มีตารางงานถ่ายหนังที่แน่นมาก ทั้งจากการเปิดกล้อง John Wick ภาคใหม่ และภาพยนตร์ภาคต่อระดับตำนานที่ทำให้เขาดังเป็นพลุแตกอย่าง The Matrix 4 จนเรามองไม่เห็นหนทางว่าเขาจะมาร่วมแจมกับภาพยนตร์โปรเจกต์ยักษ์ของค่ายไหนเลย จนกระทั่งตัวอย่างการ์ตูนฟองน้ำเรื่อง SpongeBob Movie: Sponge On The Run (2020) ออกฉายสู่ตาชาวโลก Keanu Reeves ที่ว่าตารางงานแน่นมากและไม่มีท่าทีจะตอบตกลงร่วมงานกับค่อยหนังใหญ่ไหน ๆ จู่ ๆ กลับปรากฏตัวอยู่ในตัวอย่างการ์ตูน The
ปีนี้ถือเป็นปีที่ดุเดือดสำหรับตลาดสตรีมมิ่ง แต่ละค่ายหนังไม่ว่าจะเป็น Netflix ที่ติดตลาดผู้คนส่วนใหญ่จนแมสไปแล้ว หรือ HBO Max มาจนถึง Disney ที่เตรียมสร้าง Desney+ พร้อมขนซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลมาเรียกแฟนหนังกันยกใหญ่ ล่าสุดค่ายโทรศัพท์ชื่อดังอย่าง Apple TV+ ก็กำลังสร้างซีรีส์เป็นของตัวเองเช่นเดียวกันโดยคว้าพระเอกมาดเซอร์ Jason Momoa มารับบทนำในโปรเจกต์ใหญ่ See (2019) เป็นออริจินัลคอนเทนต์ของค่าย Apple TV+ กับซีรีส์ Sci-Fi ที่มีกลิ่นอาย Drama อัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยมท่ามกลางบรรยากาศดิบ ๆ เมื่อโลกใบเดิมของมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 เกิดมีไวรัสร้ายแพร่กระจายและคร่าชีวิตของผู้คนไปนับล้าน ๆ จนท้ายที่สุดแล้วโลกเหลือผู้รอดชีวิตไม่ถึง 2 ล้านคน ผู้รอดตายต้องแลกมาด้วยความบกพร่องทางการมองเห็นเพราะไวรัสทำลายระบบการมองเห็นไปจนหมดสิ้น วันเวลาผ่านไป ผู้คนที่เหลืออยู่ต้องเริ่มชีวิตใหม่อยู่กับการสัมผัสและเสียง สิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องใช้สายตาถูกหลงลืมไปตามกาลเวลา เมื่อวันสิ้นโลกกลายเป็นเรื่องเก่ากว่า 600 ปีที่บอกเล่าต่อกันมาหลายรุ่น เรื่องราวของคนที่มองเห็นกลายเป็นแค่คำบอกเล่าคร่ำครึ เป็นตำนานเรื่องนอกรีตที่ผู้คนหวาดกลัว ห้ามพูดถึงมันโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะถูกเรียกว่าแม่มดและโดนเผ่าใหญ่อย่างกลุ่มล่าแม่มดจับเผาทั้งเป็น Baba Voss (Jason Momoa) หัวหน้าเผ่าที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเจอกับหญิงสาวนิรนามท้องแก่หลงทางในพายุหิมะ เขารับเธอเข้ากลุ่มท่ามกลางความไม่พอใจของสมาชิกบางคนเพราะเธอเป็นคนนอก หญิงสาวคนนี้เรียกได้ว่าเป็นทั้งปัญหาและอนาคตที่จะเปลี่ยนโลก