เมื่อพูดถึงช่วงกลางของยุค 2000s ช่วงเวลาที่ซีนดนตรีอันเดอร์กราวด์ Emo / Screamo / Metal เบ่งบานในไทย มันเป็นไปไม่ได้เลยถ้าหากคุณถามผู้คนที่ทันใช้ชีวิตอยู่ในตอนนั้น แล้วไม่มีใครพูดชื่อ Sweet Mullet ออกมา และการไม่พูดถึงเพลงตอบ / หลับข้ามวัน / เพลงของคนโง่ ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ ตั้งแต่ที่อัลบั้มแรก Light Heavyweight (2007) ของ Sweet Mullet ปล่อยออกมา เวลาก็เลยผ่านมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ผ่านการสร้างความทรงจำต่อวงและแฟนคลับ จนมาถึงปี 2023 คงไม่มีเรื่องไหนสำคัญต่อแฟนคลับและวงเองได้เท่ากับการที่พวกเขาตัดสินใจว่าจะประกาศยุบวงผ่านการหายไปเงียบ ๆ อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโชคดีหรือว่าอะไรก็ตาม การที่เราได้นั่งคุยกับพวกเขาเพื่อเขียนเป็นบทความนี้อยู่ นั่นแสดงว่ามันไม่เกิดขึ้นจริง และพวกเขาไม่ได้หายไป หนำซ้ำเรายังสามารถใช้คำว่า “Sweet Mullet กลับมาแล้ว” ได้อีกด้วย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับการกลับมาของ Sweet Mullet เท่าที่เด็กซึ่งโตในยุค
หลาย ๆ คนมักจะตีความดนตรีแนว “ฮาร์ดคอร์” กันผิด เพราะคนส่วนใหญ่ชอบเหมารวมว่าเพลงที่หนัก ๆ แหกปาก รุนแรง คือแนวฮาร์ดคอร์ไปซะทั้งหมด โดยเฉพาะในยุคนูเมทัลที่ในเริ่มแรกก็ถูกเรียกแบบนั้นเช่นกัน แต่แท้จริงแล้วซาวด์ของมันไม่ได้มีความใกล้เคียงเลย ดังนั้นเราลองมาทำความรู้จักพื้นฐานของฮาร์ดคอร์กันซักนิดก่อนดีกว่า ดนตรีฮาร์ดคอร์มีพื้นฐานมาจาดนตรีพังก์ ก่อตัวขึ้นในช่วงปลายยุค 70’s ถึงช่วงต้นยุค 80’s โดยเฉพาะในวอชิงตัน ดี.ซี. และนิวยอร์ก แต่ดนตรีของฮาร์ดคอร์จะมีความดิบกว่า หนักกว่า รวดเร็วกว่า และเสียงดังกว่า พังก์ขึ้นไปอีกเท่าตัว แถมยังใช้การแหกปากในการร้องเพลงด้วยเช่นกัน มีวงอย่าง Minor Treat, Bad Brains, Black Flag, Circle Jerks และ Dead Kennedys เป็นศิลปินบุกเบิกและเป็นต้นแบบให้กับวงในยุคต่อมา ดนตรีฮาร์ดคอร์ ยังมีวัฒนธรรมที่น่าสนใจที่แฝงตัวอยู่ ไม่ว่าการนิยมใช้ระบบ D.I.Y., การมอชพิต รวมไปถึงการใช้ชีวิตแบบ Straight Edge (ไม่ดื่ม ไม่เสพ ไม่มั่วเซ็กส์) เป็นต้น นอกจากนี้ดนตรีฮาร์ดคอร์ยังกลายเป็นอิทธิพลสำคัญให้กับดนตรีแนวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแธรช
ช่วงนี้ใครที่ได้ติดตามข่าวทางโซเชียลมีเดีย อาจจะได้พบเจอข่าวเกี่ยวกับคอนเสิร์ตของดนตรีสายฮาร์ดคอร์ที่ไปเล่นสดใจกลางสยามสแควร์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมันทำให้หลายคนตกใจกับวัฒนธรรมการ “มอชพิต (Mosh Pit)” ของเหล่าคนผู้ชมที่ดูรุนแรง ดุเดือด ราวกับคนยกพวกตีกัน จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง ซึ่งโดยมากไปในทิศทางเชิงลบ ทำให้กลายเป็นประเด็นดราม่าเนื่องจากมีเสียงแตกออกเป็น 2 ฝั่ง โดยคำถามที่เกิดขึ้นหลัก ๆ เลยมันเกี่ยวกับ “ความปลอดภัย” โดยตรง งานนี้ทาง Unlockmen เลยอยากจะมาช่วยขยายความการมอชพิตเพิ่มขึ้นซักหน่อย ว่ามันอันตรายจริงหรือไม่? ซึ่งในปัจจุบันการละเล่นในวงมอชพิตที่พบได้บ่อยประกอบไปด้วย TACKLE วัฒนธรรมการมอชพิตมีรากเหง้ามาจากซีนดนตรีฮาร์ดคอร์พังก์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ยุค 80’s (สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ทาง : unlockmen.com/mosh-pit-history) และสำหรับการละเล่นแบบเบสิคสุด ๆ ที่แม้ไม่ใช่คอนเสิร์ตวงฮาร์ดคอร์หรือเมทัล ก็สามารถพบเห็นได้จากคอนเสิร์ตวงร็อกทั่ว ๆ ไป นั่นคือการ “Tackle” หรือการ “แท็ค” กัน “Tackle” การเล่นของมันไม่มีอะไรซับซ้อนเลย มันแค่เป็นการเอาหัวไหล่วิ่งไปชนอีกคนอย่างสนุกสนาน แทบจะไม่มีความอันตรายแต่อย่างใด ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นของมันมาจากกีฬาอเมริกันฟุตบอลนั่นเอง CIRCLE PIT หากคุณเคยชินกับการเดินเวียนเทียน การเล่น “Circle Pit” ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด