เราทุกคนล้วนมีซีรีส์ที่จัดอยู่ในหมวดค่อย ๆ ดูเพราะไม่อยากให้จบเร็วเกินไปของตัวเองกันทั้งนั้น และเชื่อว่านี่คือซีรีส์ประเภทหนึ่งซึ่งหายาก มาไม่บ่อย ใช้จำนวนนิ้วบนมือนับได้เลย สำหรับเรา One Night Morning (2022) เป็นประเภทของซีรีส์ทำให้เราต้องเสียโควต้านิ้วของตัวเองอีกครั้งหนึ่งล่ะ ซีรีส์ญี่ปุ่นจำนวน 8 ตอน ที่เราใช้เวลา 8 วันกว่าจะดูจบเรื่องนี้ เล่าความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยรูโหว่ข้างในจิตใจ ของหนุ่มสาววัยมัธยมไปจนถึงพนักงานออฟฟิศวัยเกือบ 30 ทั้งคู่จะเติมเต็มส่วนที่หายไปให้กันและกันในช่วงเวลา 1 คืน ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมกับ ‘อาหาร’ หนึ่งอย่าง ซึ่งบันทึกความทรงจำระหว่างทั้งคู่เอาไว้ ประหนึ่งเป็นตัวแทนว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่แค่เพียงฝันไป และพวกเขาได้ก้าวผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายของชีวิตไปได้เรียบร้อยแล้ว ทั้ง 8 ตอนประกอบไปด้วย – เรื่องราวของหนุ่มออฟฟิศที่แอบชอบเพื่อนคนหนึ่งตั้งแต่ตอนมัธยม แต่ไม่เคยบอกออกไปจนกระทั่งได้พบกันอีกครั้งในงานเลี้ยงรุ่น / ความรักของหนุ่มมหาลัยสุดเนิร์ดกับสาวไร้บ้านที่ตอนแรกแค่ต้องการจะบอกลาเวอร์จิ้นของตัวเอง ก่อนจะพบว่ารู้สึกดีกับอีกฝ่ายไปแล้ว / หญิงสาวออฟฟิศที่มองว่าฐานะทางสังคมเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตหรือรักใครสักคน เพราะปมบางอย่างในอดีตของตัวเอง ความฝังใจของเด็กสาวผู้ขี้กลัวที่เชื่อว่าตัวเองได้ทำร้ายเด็กหนุ่มผู้เขร่งขรึม จนเป็นต้นเหตุให้เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียน / เรื่องราวของเพื่อน 2 คน เด็กสาวซอฟต์บอลกับเด็กหนุ่มสุดเด๋อที่แข่งกันแย่งซื้อแซนวิชไข่ทุกพักเที่ยงในโรงเรียน / การไล่ตามความฝันที่สัญญากันเอาไว้ในวัยเยาว์ของเด็กสาวผู้อยากเป็นไอดอลกับเด็กหนุ่มผู้อยากเป็นนักวาดมังงะ / เซ็กเฟรนด์ของหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องอดทนไม่บอกความรักในใจของกันและกันเพื่อไม่อยากให้อีกฝ่ายและตัวเองเสียใจ / เด็กหนุ่มพนักงานพาร์ทไทมซูเปอร์มาร์คเก็ตผู้ไม่กล้าคุยกับใครเพราะถูกมองว่าไร้ตัวตน
ในวันที่ทำงานหนักจนนาฬิกาอนุญาตให้นอนพักได้อีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะเริ่มวันใหม่ ในวันที่ฝนตกรถติดน้ำท่วมจนกลับบ้านไม่ได้ ในวันที่ความเศร้าทั้งหลายกัดกินใจ ใครหลายคนอาจจะการฟังเรื่องตลกเป็น Safe Zone คอยฮีลใจในวันที่เหนื่อยล้า ไม่ว่าจะมุกกัดจิกสังคมไทยของ ‘โน้ต-อุดม’ / การเล่าเรื่องแบบคนเลวไม่กลัวพระเจ้าของ Louis C.K. / หรือความปั่นของกลุ่มสแตนอัพคอเมดี้ a Katanyu Comedy ก็ตาม ทุกคนล้วนมีมุกตลกที่คอยชุบชูใจของตัวเองกันทั้งนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนชอบเสียงหัวเราะแบบไหน UNLOCKMEN อยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ ‘ราคุโกะ Rakugo’ ศิลปะการเล่าเรื่องตลกของประเทศญี่ปุ่น วัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยความประณีต เป็นอะไรที่มากกว่าเรื่องตลก เพราะนี่คือความงามของการเล่าเรื่องเพื่อสร้างเสียงหัวเราะ ที่สืบทอดต่อกันมากว่า 400 ปีแล้ว ! Rakugo คืออะไร ? ความหมายของคำว่า ‘ราคุโกะ’ นั้นแปลได้ประมาณว่า “ถ้อยคำที่ร่วงหล่น (Fallen Words)” ซึ่งนอกจากจะใช้เพื่อแสดงภาพของการเล่าเรื่องแบบเป็นจำลองบทสนทนาคู่กับการบรรยายไหลยาวแล้ว ยังใช้สื่อถึงท่อนพันช์ไลน์ส่วนสำคัญในช่วงก่อนจบการแสดงที่เรียกว่า ‘โอชิ (Oshi)’ อันมีความหมายว่าหยดอีกด้วย ในการแสดงราคุโกะนั้นจะใช้นักแสดงเพียงคนเดียว ซึ่งจะถูกเรียกว่า ‘ราคุโกะกะ (Rakugoka)’ สวมชุดกิโมโน พร้อมอุปกรณ์เพียง 2 อย่างติดตัว คือ
Kazuhiro Hori เริ่มวาดรูปเด็กสาวมัธยมในชุดนักเรียนแบบกะลาสีเรือตั้งแต่ปี 2009 และมันมีความหมายแฝงที่ห่างไกลจากการสร้างความลุ่มหลงทางอารมณ์ให้คนดูยิ่งนัก ตุ๊กตาหมีขนปุย เด็กผู้หญิงในเครื่องแบบชุดนักเรียน ขนมหวาน และสีชมพู เป็นของ 4 สิ่งที่ไม่ว่าจะอยู่ในองค์ประกอบเดียวกัน หรือแยกออกมาเป็นปัจเจกก็ให้ความรู้สึกของความน่ารักที่เปี่ยมด้วยความสดใสน่าดูเลยใช่มั้ยครับ แต่ถ้าคุณได้ดูภาพวาดจากงานของ Kazuhiro Hori ความรู้สึกที่มีต่อสิ่งเหล่านี้คงไม่มีวันเหมือนเดิมได้อีกเลย UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปรู้จักกับศิลปินญี่ปุ่นผู้วาดภาพที่เต็มไปด้วยองค์ประกอบทั้งหมดที่เราเกริ่นมา ซึ่งตั้งใจแสดงออกถึงความลุ่มหลงทางเพศให้คนดู แต่แฝงนัยยะให้เกิดผลกระทบสร้างความแขยงต่อความคิดของการล่วงละเมิดทางเพศโดยตรง Kazuhiro Hori เกิดปี 1969 ในประเทศญี่ปุ่น จบจากโรงเรียนศิลปะ Kanazawa College of Art ด้วยเอกวิชาภาพวาดสีน้ำมัน (Oil Painting) ปัจจุบันโฮริมีงานหลักเป็นอาจาย์สอนวิชา Fashion Design ในมหาวิทยาลัยพร้อมกับรับงานรองสอนศิลปะกับวาดรูปไปด้วย โดยรูปแบบงานของโฮริจัดอยู่ในหมวดของศิลปินจิตกรรมสายเหนือจริง (Surrealism) ขอเกริ่นรูปแบบงานพร้อมชมกิตติมศักดิ์ของคุณโฮรินิดนึง โดยงานของเขาจะเล่าเรื่องของวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบเรียกว่า 100% เลยก็ว่าได้ และโฮริไม่เคยมั่นใจเลยว่างานของตัวเองจะสามารถไปในระดับ Global ได้ “งานของฉันจะถูกเข้าใจในความคิดของชาติอื่นได้มั้ย?” แต่แล้วด้วยความชัดเจนของลายเส้นและความหนักแน่นต่อสิ่งที่ต้องการจะพูด งานของโฮริมันก็ไวรัลในสายตาของคนทั่วโลกไปแล้ว ทั้งจัดแสดงในลอสแอนเจลิส, นิวยอร์ก, มิวนิค และเพิ่งมาจัดแสดงที่ประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022
ถ้าให้พูดถึงกิจกรรม Out Door สุดฮิตตั้งแต่ปี 2021 – 2022 ในประเทศไทย อันดับแรก ๆ หรืออาจจะเป็นเบอร์หนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เห็นจะเป็น ‘แคมป์ปิ้ง’ และอย่างที่เรารู้กัน นอกจากประเทศจากฝั่งยุโรปที่อุดมด้วยภูเขา ป่าไม้ และจุดกางเต็นท์ที่ถูกจัดสรรอย่างดีในทุกรูปแบบแล้ว เรายังมีอีกประเทศจากฝั่งเอเชีย ซึ่งสามารถส่งเข้าประกวดด้วยภูมิประเทศแบบเกาะ และมีแลนด์สเคปสำหรับแคมป์ปิ้งหลายจุดนับไม่ถ้วน นั่นคือแดนอาทิศอุทัย ‘ประเทศญี่ปุ่น’ นั่นเอง วัฒนธรรมการแคมป์ปิ้งของญี่ปุ่นมีมาอย่างยาวนาน และเห็นได้ใน Soft Power อย่างภาพยนตร์หรือมังงะมาโดยตลอด และอย่างที่รู้กันดี การเตรียมตัวสำหรับแคมป์ปิ้งเป็นงานดีเทลที่ละเอียด และมีอุปกรณ์หลายอย่างซึ่งจำเป็นต้องขาดไม่ได้ เพราะการค้างแรมอยู่ในที่พักอาศัยซึ่งธรรมชาติเป็นเจ้าของนั้น ไม่ได้ปลอดภัยแบบอยู่ที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง UNLOCKMEN ขอพาชาว Urban ทุกคนออกจากเมืองใหญ่มุ่งหน้าสู่ธรรมชาติ ไปเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมที่ Snow Peak แบรนด์ Camping Gear อันดับ 1 ของญี่ปุ่น ที่เป็นเลิศทั้งงานดีไซน์ การใช้งาน และทำรายได้สู้กับแบรนด์ไฮเอนด์นำเข้าจากต่างประเทศอย่าง Coleman กับ Montbell ได้อย่างสูสี จุดเริ่มต้นของ Snow Peak
ในช่วงที่ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ถูกเลื่อนฉายออกไปเรื่อย ๆ คอหนังหลายคนคงจะเบื่อกับการที่ไม่มีหนังใหม่ ๆ เข้าโรงให้ได้ชมกัน ค่ายหนังส่วนใหญ่รู้สึกไม่ต่างกันว่าการนำหนังของตัวเองฉายตามกำหนดการปกติอาจไม่คุ้มเสี่ยงเพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยเหตุผลเรื่องวิกฤตไวรัส ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากเข้าโรงหนังเท่าไหร่นัก ในเมื่ออยู่บ้านเบื่อ ๆ ไม่รู้จะทำอะไร หนังเรื่องใหม่ที่อยากดูก็ยังไม่เข้า เราจึงอยากแนะนำภาพยนตร์ญี่ปุ่นหมวดตามล่าล้างแค้น 5 เรื่อง ให้เป็นตัวเลือกเผื่อว่ายังมีบางเรื่องที่คอหนังยังตามเก็บไม่ครบ LADY SNOWBLOOD (1973) ภาพยนตร์ที่เสริมสร้างแรงบันดาลใจให้ เควนติน ทารันติโน ลงมือสร้างหนังโคตรดังอย่าง Kill Bill เปิดมาขนาดนี้ใคร ๆ ต่างก็ต้องให้ความสนใจกับหนังตามล้างแค้นเรื่อง Lady Snowblood (1973) เรื่องราวกดดันจะถูกเล่าไปพร้อมกับเด็กสาวนามว่า ‘ยูกิ’ ที่ลืมตาดูโลกก็รู้จักกับคำว่าล้างแค้นตั้งแต่แรก แม่ของเธอมีปมความแค้นบางอย่างและมุ่งหวังอย่างยิ่งว่าจะฝากความหวังทั้งหมดให้กับลูกสาวตัวเอง ผู้เป็นแม่ได้พร่ำสอนยูกิตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าเธอต้องรู้สึกแค้น เธอจะต้องล้างแค้นให้แม่ สอนให้จับดาบซามูไร มีชีวิตแตกต่างจากเด็กสาวบ้านอื่น ๆ เพราะเธอต้องเชี่ยวชาญการต่อสู้ มีอารมณ์ที่สงบนิ่ง ไม่ไหวติงต่อสิ่งเร้า เธอต้องแข็งแกร่งเพื่อตามล่าบุคคลนิรนาม 4 คน ที่สร้างความเจ็บช้ำจนเกิดเป็นความแค้นยาวนานหลายสิบปีนี้ให้ได้ ซาโต้อิจิ ไอ้บอดซามูไร (2003) ซาโต้อิจิ ไอ้บอดซามูไร
กลุ่มคาราวานขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามที่ต่าง ๆ หรือนักดนตรีพังก์ที่ออกจากบ้านมาร้องเพลงในบาร์เล็ก ๆ ทุกคืนวันเสาร์ แก๊งยากูซ่าผู้ถูกเกลียดชัง ทั้งหมดคือกลุ่ม Subcultute หรือวัฒนธรรมย่อยที่ซ่อนตัวอยู่ในสังคม เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มผู้คนความชอบเดียวกัน แถมการรวมกลุ่มพวกเขามักโดดเด่นและมีเอกลักษณ์จนคนจำได้ เหตุผลที่ UNLOCKMEN พูดถึงชาวพังก์ แก๊งบิ๊กไบค์ และกลุ่มแยงกี้กับยากูซ่า ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องใด ๆ กันมากนักเป็นเพราะพวกเราได้เจอกับแบรนด์เครื่องหนังสัญชาติญี่ปุ่นชื่อว่า “Blackmeans” ที่ร่วมสืบทอดวัฒนธรรมย่อยเหล่านี้ให้ได้ไปต่อในกระแสสังคม ผ่านการออกแบบเครื่องหนังที่ถือเป็นไอเทมยอดฮิตสำหรับชาวแก๊งทั้งสาม แจ็กเกตหนังคือไอเทมประจำตัวของหนุ่ม ๆ ผู้ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์ระยะไกล อาจเป็นเพราะแจ็กเกตหนังแขนยาวสามารถกันแดด ป้องกันผิวหนังเวลาเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าผ้าชนิดอื่น ๆ แถมยังสามารถสลักรูปประจำกลุ่มไว้กลางหลังได้เหมือนอย่างแก๊ง Hell Angels อันโด่งดัง ส่วนชาวพังก์ก็มักสวมเสื้อกั๊กหนัง ปลอกคอหนัง และกำไลข้อมือหนังออกไปพบปะกับคนคอเดียวกันในบาร์เหล้า ส่วนยากูซ่ากับแก๊งแยงกี้ก็มักมีเสื้อหนังประจำกลุ่มแบบเดียวกับกลุ่มบิ๊กไบค์ เครื่องแต่งกายคือสิ่งเติมเต็มความพึงพอใจทำให้ผู้คนจดจำพวกเขาได้ การให้ความสำคัญกับแฟชั่นจึงเป็นเรื่องสำคัญทำให้คนทั่วไปเข้าใจสิ่งที่พวกเขาพยายามจะสื่อ Yujiro Komatsu (ยูจิโร่ โคมัตสึ) เป็นชายที่ชื่นชอบเครื่องหนังมาก เขาไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นชาวพังก์ เป็นสมาชิกแก๊งยากูซ่า หรือว่าขี่บิ๊กไบค์แต่เขาเป็นแค่คนหลงรักเครื่องหนังและเห็นชาวพังก์มาตั้งแต่ 10 ขวบ แถมยังรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้ความชอบของตัวเองตอบโจทย์ของคนหลายกลุ่มได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากความชอบส่วนตัวยูจิโร่ยังได้แรงบันดาลใจที่ทำให้ก้าวสู่โลกแฟชั่นจากการเห็น John Lennon สวมเสื้อ “Sukajan” ในปี