คุณค่าทางศิลปะที่ไม่สามารถตีราคาเป็นเงินได้ พบกับภาพวาดจาก Basquiat ที่มีมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท ไม่รวยจริงทำไม่ได้
5 นิสัยแบบคสช.สไตล์ที่ผู้ชายอย่างเราควรเอาอย่างเพื่อพิชิตใจสาว ๆ
คิดแบบเด็ก ๆ ใคร ๆ ก็ว่า แต่ใครจะรู้ว่าวิธีคิดแบบเด็ก ๆ นี่เองที่ช่วยให้เราเรียนรู้ได้ดี
รีบอ่านหากคุณมีกลิ่นปัสสาวะเหม็นฉุนเหมือนตัวสกั้งจนแทบจะเป็นลม
ออกกำลังกาย กายแข็งแรงก็ใช่ แต่ใครจะรู้ว่าช่วยให้จิตใจแกร่งจนคุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ด้วย
การลงทุนที่คุ้มค่าอีกอย่างมากกว่าการชื้อของสุรุ่ยสุร่าย ก็คงต้องเป็นเรื่องของการออกเดินทางค้นหาตัวเองสักครั้งในชีวิต ที่ถึงแม้ว่าเราจะต้องควักจ่ายเงินต่อทริปหลักพัน หลักหมื่น เพื่อชื้อความสุขในออกเดินทางในแต่ละครั้ง แต่การเดินทางก็มักจะให้อะไรกลับมามากมายและคุ้มค่าเสมอ และในแต่ละครั้งจะช่วยเพิ่มเติมอะไรในตัวเราให้เจ๋งมากขึ้นแบบไหน UNLOCKMEN จะพาไปสำรวจตัวเองกัน การเดินทาง สอนให้รู้จักกับการสร้างเพื่อน เมื่อเราเริ่มอยู่ห่างจากสถานที่ที่ไม่คุ้นตา ไม่คุ้นเคยในความรู้สึก เรามักจะมีกลไกแบบพิเศษที่เริ่มมองหาคนที่มีความรู้สึกเดียวกับเรา เพื่อที่เราจะได้ไม่รู้สึกแปลกแยกและเพิ่มความอุ่นใจให้กับตัวเราเอง ดังนั้นการเดินทางในแต่ละสถานที่เราก็มักจะเจอคนมากหน้าหลายตาแตกต่างกันออกไป อาจเป็นคนพื้นที่หรือนักท่องเที่ยวเหมือนกันก็ได้ และการที่เราจะสร้างความคุ้นเคยได้ดีที่สุดก็ต้องเป็นการพูดคุย ทักทายออกไป ซึ่งการเดินทางในแต่ละครั้ง จะคอยบีบบังคับให้เราต้องกล้าที่จะพูด กล้าที่จะสื่อสารและสร้างเพื่อนไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นนอกจากจะได้เพื่อนใหม่ในการเดินทางแล้ว เผลอๆ อาจได้ภาษาติดกลับมือมาไม่รู้ตัวอีกด้วย การเดินทาง สอนให้เราอดทน ในทุกกิจวัตรประจำวันของเราแบบปกติ จะแตกต่างกับกิจวัตรระหว่างการเดินทางไปอย่างสิ้นเชิง เพราะตามวันปกติของเราอาจเป็นวันทำงาน ที่ต้องใช้พลังและการควบคุมความคิดเป็นอย่างมาก เพื่อให้งานมันออกมาสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ แต่กับการเดินทาง เราจะไม่สามารถควบคุมสิ่งใดๆ ได้เลย เมื่อมันเกิดขึ้นเหนือขอบเขตที่คาดการณ์ไว้ อย่างเช่น ต้องเจอฝนตกอย่างหนักตลอดการเดินทาง หรือต้องเดินหาท่ีพัก 2-3 กิโลเมตร เพราะที่พักที่ตั้งใจไว้ดันเต็มซะก่อน พวกสิ่งเหล่านี้นี่แหละ ที่มักจะคอยสอนให้เราต้องอดทนแม้จะเจออะไรไม่คาดฝันก็ตาม โดยเฉพาะจากการเดินทาง ที่เรามักจะไม่ได้เตรียมรับมือมาก่อน มีแต่อดทนเท่านั้นถึงจะผ่านไปได้ การเดินทาง สอนให้เรารู้จักการจัดการ เคยคิดไหมว่าในแต่ละวันเราเสียเงินไปกับอะไรมากมายบ้าง ไม่ว่าจะค่ากิน ดื่ม หรือค่าโทรศัพท์ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน แต่ละวัน หรืออย่างพวกค่าบัตรเครดิต ที่บางครั้ง หักเงินออกไปจากบัญชีทันที แบบที่เราแทบไม่รู้ตัวกันด้วยซ้ำ
เมื่อเวลาเดินเร็วจนเราไม่ทันซึมซับอะไร เราทำให้เวลาเดินช้าลงได้นะ รู้ยัง?
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกปัจจุบัน เทคโนโลยีนั้นหมุนไวจนเราแทบตามไม่ทัน ส่งผลต่อการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ไปอย่างรวดเร็ว ไม่เว้นแม้แต่วงการถ่ายภาพ ที่ในแต่ละวันเรามักจะได้ยินข่าวการเปิดตัวอุปกรณ์ถ่ายภาพที่มาพร้อมความสามารถใหม่ ๆ ดีขึ้น ชัดขึ้น โฟกัสไวขึ้น และเชื่อว่าหลายคน (รวมทั้งตัวเราเอง) ต่างก็อยากจะอัพเกรดไปสู่สิ่งที่เจ๋งกว่า ทว่ายังมีคำถามที่ขัดแย้งในใจถึงกล้องที่มีอยู่ในมือ ว่าเราใช้มันคุ้มค่าแล้วหรือยัง นี่ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนกล้องใหม่ หรือต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มแล้วจริง ๆ หรอ เพราะถ้าลองนึกย้อนกลับไปถึงแก่นของการถ่ายภาพ มันไม่มีอะไรที่พิสดารนอกเหนือไปจากการเก็บแสงที่กระทบกับวัตถุ แล้วสะท้อนผ่านเลนส์มาฉายลงบนแผ่นฟิล์ม หรือในยุคปัจจุบันคือฉายลงบนเซ็นเซอร์รับภาพ ซึ่งความมีสเน่ห์ของภาพถ่ายที่แท้จริงนั้นไม่ได้ดูกันที่ความละเอียดของเซ็นเซอร์ หรือมูลค่าของอุปกรณ์ แต่มันเกิดจากจังหวะที่กดชัตเตอร์ เพื่อเก็บอารมณ์ รวมถึงมุมมองการจัดวางองค์ประกอบของภาพที่ลงตัว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความสามารถที่เกิดจากประสบการณ์ของมนุษย์ผู้อยู่หลังกล้อง และเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการวิ่งตามเทคโนโลยี หรือหยิบยกเอาความเหนือกว่าของอุปกรณ์ถ่ายภาพมาข่มกันด้วยซ้ำ ยิ่งเป็นตากล้องมือใหม่ หรือผู้ที่ชอบถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก สิ่งที่ควรโฟกัสอาจไม่ใช่การไขว่คว้าหาอุปกรณ์ที่ล้ำที่สุด ดีที่สุดมาครอบครอง แต่ควรเน้นไปที่ความรู้พื้นฐาน และ การฝึกฝน มาก่อนเป็นอันดับแรก ดังที่ Henri Cartier-Bresson (อองรี การ์ตีเย-แบรซง) ช่างภาพชาวฝรั่งเศส ปรมาจารย์ด้านการถ่ายภาพแนวสตรีทผู้ล่วงลับ เคยกล่าวเอาไว้ว่า “Your first 10,000 photographs are your worst.”
สำหรับใครที่ติดตามความเคลื่อนไหวของวงการดนตรีในประเทศไทย น่าจะรู้สึกได้ถึงความคึกคักของกลุ่มคนดนตรีนอกกระแส ที่สร้างสรรค์ผลงานดี ๆ หลากหลายแนวออกมาให้พวกเราได้เสพกัน ด้วยช่องทางการเผยแพร่ผลงานที่เปิดกว้างมากขึ้นในปัจจุบันจนแทบไม่ต้องง้อค่ายเพลงใหญ่ เปิดโอกาสให้ศิลปินมีอิสระในการทำเพลงโดยไม่จำเป็นต้องอิงกระแส แต่เป็นการทำงานบนพื้นฐานความชอบของตัวเองอย่างแท้จริง X0809 คืออีกหนึ่งชื่อที่โดดเด่นขึ้นมาในช่วงเวลาทองของดนตรีนอกกระแส สร้างฐานแฟนเพลงด้วยความจัดจ้าน ของแนวดนตรี Electronic และสไตล์การแต่งตัวสุดจี๊ดของ 2 ศิลปินสาว “นท พนายางกูร” อดีตสาวน้อยแสนซน จากเวทีเดอะสตาร์ และ “เยล อัญญา เมืองโคตร” ดีไซเนอร์รุ่นใหม่มากความสามารถ ซึ่งล่าสุด UNLOCKMEN ได้ไปร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จอีกหนึ่งก้าวของทั้งคู่ ที่ได้เปิดตัวมินิอัลบั้ม EP ‘X’ และ Perform ดนตรีที่กลั่นออกมาจากตัวตนอย่างแท้จริง กับงาน “X0809 x Siam Center presents The X Silent Disco Party” โดยมี U BEER ร่วมสนับสนุนความกล้าในการแสดงตัวตนของคนรุ่นใหม่ผ่านงานดนตรีสุดสร้างสรรค์ครั้งนี้ งานนี้นอกจากจะได้ชมการแสดงมันส์ ๆ ของ X0809 เรายังได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่อย่าง Silent
เดือน MAY ทั้งที MAYbe It’s time to do something again!