หากจะบอกว่านี่คือเรือนเวลาสำหรับใครที่หลงใหลในความ Modern Classic และชื่นชอบในสิ่งที่เป็น Timeless Design ก็คงจะไม่ผิดนัก กับ Longines Conquest Heritage Central Power Reserve รุ่นฉลองครบรอบ 70 ปีของคอลเลกชัน Conquest ที่มี Story มายาวนานนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี 1954 โดยเรือนนี้จะได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นที่ 2 ในคอลเลกชัน คือ Longines Conquest Power Reserve ปี 1959 ที่นำมาปรับเพิ่มเติมรายละเอียดให้มีความคลาสสิกร่วมสมัยลงตัวมากยิ่งขึ้น พร้อมนำเอาจุดเด่นอย่างดิสเพลย์บอกสถานะพลังงานสำรองบนจานหมุนกลางหน้าปัดจากในรุ่นเดิมมาให้ได้สัมผัสในยุคปัจจุบัน ซึ่งถ้าย้อนไปในปี 1959 มันคืองานดีไซน์และเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่ทาง Longines ได้คิดค้นขึ้นมาได้อย่างล้ำหน้ามาก ๆ เรียกได้ว่างานออกแบบของ Longines Conquest Heritage Central Power Reserve เรือนนี้ เป็นการเอาเทคโนโลยีมาผสมผสานกับงานดีไซน์ได้อย่างสวยงาม เป็นนาฬิการุ่นใหม่ที่บาลานซ์ความคลาสสิกและให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ได้อย่างลงตัว ด้วยคุณสมบัติในการสำรองพลังงานได้สูงสุดประมาณ 72 ชั่วโมง ถึงจะถอดทิ้งไว้วันสองวัน ก็หยิบมาใส่ต่อเนื่องได้ทันที
เมื่อเอ่ยถึงแบรนด์เรือนเวลาเจ้าของโลโก้นาฬิกาทรายติดปีกอย่าง Longines เชื่อว่าสิ่งแรกที่ผู้หลงใหลในเสน่ห์ของเครื่องบอกเวลานึกถึง คงหนีไม่พ้นเรื่องราวเล่าขานถึงการเป็นอุปกรณ์บอกเวลาสุดแม่นยำที่เหล่านักบุกเบิกในตำนานระดับโลกต่างเลือกสวมใส่ระหว่างทำภารกิจ และหนึ่งในทริปสุดระห่ำของนักบุกเบิกที่ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ไฟแห่งความกล้าในการท้าทายอะไรใหม่ ๆ นั้นลุกโชนขึ้นในใจใครหลายคน ต้องย้อนไปในวันที่ 5 ตุลาคม 1931 กับภารกิจของ Clyde Pangborn และ Hugh Herndon, Jr. สองนักบินชาวอเมริกันผู้กล้าหาญ ซึ่งได้พิชิตภารกิจการบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจากญี่ปุ่นไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยระยะทาง 5,500 ไมล์ โดยไม่หยุดพักได้เป็นครั้งแรกของโลก โดยเบื้องหลังความสำเร็จของการผจญภัยครั้งนั้น นอกจากความบ้า และความมุ่งมั่นของ Clyde Pangborn และ Hugh Herndon, Jr. ยังมีอีกหนึ่งไอเท็มสำคัญอย่างนาฬิกา Longines ที่ช่วยบอกเวลาให้กับสองนักบินในไฟลท์ประวัติศาสต์ได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ ทำให้เมื่อจบภารกิจนี้ทาง Hugh Herndon, Jr. ถึงกับเขียนจดหมายแสดงความขอบคุณไปยัง Wittnauer ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา Longines ในขณะนั้น ว่านาฬิกาของ Longines นั้นทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมระหว่างที่พวกเขากำลังบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก แม้ในช่วงสุดท้ายของการบินที่ทั้งคู่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศอันหนาวจัดจนน้ำดื่มในกระติกของพวกเขากลายเป็นน้ำแข็ง แต่ถึงกระนั้นนาฬิกา Longines ก็ยังคงทำหน้าที่บอกเวลาอย่างแม่นยำได้ไร้ที่ติ พร้อมทิ้งท้ายใจความในจดหมายว่า “คุณคงรู้ดีว่าเวลาที่ถูกต้องแม่นยำคือหัวใจสำคัญของการบินที่ดี” ตอกย้ำให้เห็นบทพิสูจน์ถึงความปลอดภัยและแม่นยำที่เหล่านักบุกเบิกยุคก่อนต่างให้ความไว้วางใจ จวบจนถึงปัจจุบันเรื่องราวของวีรกรรมจากเหล่าคนกล้ามากมาย ได้กลายเป็นมรดกตกทอดอันยาวนานและแสนล้ำค่าของแบรนด์
เชื่อว่าบรรดาผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งเรือนเวลา คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของแบรนด์ Longines (ลองจินส์) อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของนวัตกรรมเวลาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ยืนหยัดมายาวนานเกือบ 190 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ริเริ่มผลิตนาฬิกาในปี 1832 ที่เมือง Saint-Imier ก่อนที่จะใช้ชื่อ Longines ซึ่งเป็นการนำเอาชื่อบริเวณที่ตั้งโรงงานมาใช้เป็นชื่อแบรนด์อย่างเป็นทางการ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ชื่อของ Longines และโลโก้นาฬิกาทรายติดปีกได้กลายเป็นที่รู้จักและจดจำของผู้คนทั่วโลก กับเรื่องราวของประสิทธิภาพการบอกเวลาที่แม่นยำ, ความแข็งแรงทนทาน รวมไปถึงเทคโนโลยีแบบฉบับดั้งเดิมที่ทำให้ Longines ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของนักบุกเบิกและเหล่าผู้กล้าจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Amelia Earhart, Elinor Smith, Paul-Emile Victor และ Howard Hughes ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ต่างมอบความไว้วางใจให้เรือนเวลาของแบรนด์นาฬิกาทรายติดปีกนี้เป็นเพื่อนคู่ใจเคียงข้างตลอดการผจญภัยอันเหลือเชื่อมากมาย ทั้งการบุกป่าฝ่าดงผ่านสภาพอากาศอันสุดเหวี่ยง, ล่องเรือท่ามกลางความเหี้ยมโหดของมหาสมุทร อีกทั้ง Longines ยังมีบทบาทในการเปิดเส้นทางเดินอากาศใหม่ ๆ รวมถึงการบันทึกสถิติการเดินทางอากาศอีกด้วย นอกจากนี้ Longines ยังได้ทำการถ่ายทอดจิตวิญญาณของนักบุกเบิก และเรื่องราวอันมหัศจรรย์จากโลกแห่งการบิน ผ่านเรือนเวลาคอลเลกชั่น Longines Spirit ซึ่งหลายคนคงมีโอกาสสัมผัสความงามที่เต็มไปด้วยเรื่องราวซึ่งเปรียบเสมือนการสดุดีแด่สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษผู้หาญกล้าแห่งประวัติศาสตร์กันมาแล้ว และล่าสุดคอลเลกชั่น Longines Spirit ยังได้ก้าวไปอีกขั้นกับ Longines Spirit Titanium ซึ่งยังคงได้แรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งการบินอันเป็นจุดกำเนิดของคอลเลกชั่น พร้อมทะยานสู่ยุคแห่งนวัตกรรมใหม่ด้วยเรือนเวลาที่ผลิตจากไทเทเนียมซึ่งเรากำลังจะพาชาว
แม้ท้องฟ้า และผืนน้ำไม่อาจมาบรรจบ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือสองสิ่งที่อยู่เคียงคู่กันตลอดมา เปรียบเสมือนนาฬิกานักบิน และ นาฬิกาดำน้ำ เรือนเวลายอดนิยมที่เรามักจะพบเห็นอยู่บนข้อมือของเหล่าสุภาพบุรุษทั้งหลาย ซึ่งหนุ่ม ๆ ผู้หลงใหลในเสน่ห์ของเครื่องบอกเวลาแทบทุกคน เป็นต้องมีนาฬิกาทั้ง 2 ประเภทเก็บเอาไว้ในคอลเลกชัน เพื่อเป็นไอเทมสำหรับสวมใส่เพิ่มความมั่นใจให้กับ Everyday Look รวมไปถึงโอกาสพิเศษต่าง ๆ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ภาพของท้องนภา และห้วงมหาสมุทรซึ่งยังคงอยู่เคียงคู่ ณ เส้นขอบฟ้า จะมีโอกาสมาประดับบนข้อมือของสาวกเรือนเวลาอีกครั้ง กับ Avigation BigEye และ Legend Diver Watch คู่หูเรือนเวลาตัวแทนแห่งแผ่นฟ้า และ ผืนน้ำจาก Longines (ลองจินส์) แบรนด์เก่าแก่ระดับโลก อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของนวัตกรรมเวลาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ยืนหยัดมายาวนานกว่า 189 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ริเริ่มผลิตนาฬิกาในปี 1832 ที่เมือง Saint-Imier โดยนาฬิกาข้อมือ The Longines Avigation BigEye และ The Longines Legend Diver Watch รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวออกมา บอกเลยว่าแต่ละเรือนนอกจากจะคงความคลาสสิก