บ่ายวันหนึ่งที่แสงอาทิตย์แรงกล้าสาดส่อง อุณหภูมิร้อนระอุ แต่ ‘อาซิง’ หัวหน้าแก๊งมังกรรุ่นที่ 3 กลับดูไม่ยี่หระ อาซิงในชุดสูทสีดำพร้อมหมวกทรงสูงเช่นทุกวันเดินตามบาทวิถีไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในตรอกหนึ่ง บรรยากาศเงียบสงบ แตกต่างจากหลังตะวันตกดินที่ครึกครื้นไปด้วยนักท่องราตรี อาซิงเดินฝ่าความเงียบจนไปถึงบริเวณกลางตรอก ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างใจเย็นราวกับความร้อนแรงของแสงแดดนั้นไม่สามารถทำอะไรเขาได้ หลังจากพ่นควันจนหมดมวน เขาเปิดประตูเดินเข้าไปในร้าน ๆ หนึ่ง ป้ายระบุอยู่ข้างหน้าว่า ‘โรงรับจำนำ’ อาซิงไม่ได้มีอะไรมาจำนำ เขารู้ดีว่าธุรกิจโรงรับจำนำที่นี่เป็นเพียงธุรกิจบังหน้าเท่านั้น หลังจากแลกเงินจำนวนหนึ่งเพื่อรับบัตรผ่านประตูกับพนักงานสาวที่อยู่หลังลูกกรงเรียบร้อยแล้ว อาซิงก็เดินขึ้นบันไดแคบ ๆ สู่ชั้นบน เมื่อเดินขึ้นมาบรรยากาศยิ่งดูไม่น่าไว้วางใจยิ่งขึ้น มีเพียงความเงียบสงัดภายใต้แสงไฟแดง-เขียว นอกจากนั้นบริเวณชั้น 2 ยังมีมุม CCTV ที่แสดงให้เห็นว่าที่นี่มีกล้องวงจรปิดอยู่ทั่วบริเวณ มันไม่ใช่โรงรับจำนำธรรมดาแน่ ๆ แต่อาซิงกลับเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ เขามาที่นี่บ่อยจนเฉยชากับบรรยากาศเหล่านี้ไปแล้ว อาซิงเดินขึ้นมาถึงชั้น 3 เขาคุ้นเคยกับห้องนี้ราวกับเป็นบ้านหลังที่ 2 มันเป็นบาร์ลับที่เขากับมิตรสหายมักแวะเวียนมาเสมอ ไม่ว่าจะมาเพื่อเล่นไพ่นกกระจอก, พูดคุยธุรกิจ แม้กระทั่งสังสรรค์ ทุกอย่างเกิดขึ้นที่นี่ ถึงจะไม่มีชื่อ แต่อาซิงกับเพื่อนเรียกที่นี่ว่า Honest Mistake เนื่องจากการวางอิฐบล็อกผิดไป 1 ก้อนที่บริเวณหน้าร้าน นอกจากนั้นสถานที่แห่งนี้ยังมีความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจอีกหลายจุด Honest Mistake จึงดูเป็นชื่อที่เหมาะสม
‘ทองหล่อ’ คืออีกหนึ่งย่านที่เราพูดได้เต็มปากว่าคือบ้านหลังที่ 2 โดยหลังพระอาทิตย์ตกเรามักจะมาใช้เวลาที่ถนนสุขุมวิท 55 สายนี้เป็นประจำ แต่ร้านที่เราจะพาทุกคนไปวันนี้กลับเล็ดลอดสายตาเราไปอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้ง ๆ ที่มันตั้งอยู่ในทองหล่อมากว่า 18 ปี นี่จึงเป็นโอกาสดีของเราที่ได้ค้นพบแหล่งพักพิงอีกแห่ง และเราก็ชอบที่นี่เสียด้วย ใช่ เรากำลังพูดถึง ‘Shades of Retro’ บาร์เล็ก ๆ แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง ตั้งอยู่ในซอยธารารมณ์ 2 บรรยากาศเงียบสงบ ตัดขาดจากถนนทองหล่อเส้นหลัก และที่เราพูดว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงเพราะว่าที่นี่นอกจากจะเป็นบาร์ไว้สำหรับดื่มกินสังสรรค์เฮฮาแล้ว ยังเป็นร้านขายของเก่าในตัวอีกด้วย ดังนั้นถูกใจเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนก็สามารถซื้อกลับบ้านได้เลย ‘Shades of Retro คือร้านขายของเก่าที่มีบาร์อยู่ในตัว’ นี่คือคำนิยามของเราเกี่ยวกับการตกแต่งร้านของที่นี่ เพราะไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็ละลานตาไปด้วยของเก่าที่เต็มไปด้วยเรื่องราว น่าจะถูกใจหนุ่ม ๆ สายวินเทจไม่น้อย Shades of Retro มีทั้งโซนอินดอร์และเอาต์ดอร์ให้เลือกนั่งได้ตามสะดวก ส่วนหนุ่ม ๆ ที่มาคนเดียวก็ไม่ต้องกลัวเหงา เพราะที่นี่มีเคาน์เตอร์บาร์ และระหว่างที่เราอยู่ในร้านก็เห็นลูกค้าหลายรายมานั่งชิลคนเดียวที่เคาน์เตอร์อย่างไม่เคอะเขิน นอกจากการตกแต่งที่ไม่เหมือนใครแล้ว ความพิเศษอีกอย่างของ Shades of Retro คือความอาวุโสของร้านที่เปิดให้บริการมากว่า 18 ปี เราบังเอิญโชคดีได้พูดคุยกับคุณบอยเจ้าของร้าน เขาเล่าให้ฟังว่า Shades of
‘อารีย์’ เป็นอีกย่านหนึ่งในกรุงเทพที่เราชอบ เรียกว่าตกหลุมรักก็ว่าได้ เรารู้สึกว่าย่านนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความเงียบสงบกับความสนุกสนาน ดังนั้นเมื่อมีบาร์หรือร้านเปิดใหม่ในย่านนี้ เราก็จะพยายามหาโอกาสไปเยือนให้ได้ ‘Feeling Bar’ คือจุดหมายปลายทางของค่ำคืนนี้ ตัวร้านอยู่ลึกเข้าไปในซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า แต่ก็ไม่ใช่ระยะที่ไกลเกินกว่าจะเดิน และเมื่อถึงหน้าร้าน สิ่งที่โดดเด่นที่สุดนอกเหนือจากการตกแต่งร้านที่เน้นแสงไฟนีออนฉูดฉาดแล้ว คือป้ายไฟนีออนเป็นประโยคว่า How Are You Feeling Tonight? เป็นประโยคคำถามที่เราไม่จำเป็นต้องตอบ แต่ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร สถานที่แห่งนี้จะคอยเยียวยาคุณเอง เมื่อเปิดประตูเข้าไปในร้าน เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในอีกมิติ ตัดขาดกับบรรยากาศภายนอกโดยสิ้นเชิง การตัดขาดเช่นนี้ช่วยให้เรารู้สึกลืมเรื่องกังวลใจไปได้อย่างประหลาด ปล่อยตัวปล่อยใจดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ฉาบไปด้วยแสงนีออน Feeling Bar เป็นบาร์ขนาดเล็ก มีไม่ถึง 20 โต๊ะ คะเนจากสายตาน่าจะรองรับลูกค้าได้ไม่เกิน 100 คน ซึ่งเป็นข้อดี เพราะภายใต้แสงที่ดูเหงา การที่คนในร้านใกล้ชิดกันก็ช่วยลดดีกรีความหว่องลงไปได้บ้าง คอนเซ็ปต์สำคัญของ Feeling Bar เป็นบาร์ที่เปรียบเสมือนจุดศูนย์รวมอารมณ์ของผู้คนมากหน้าหลายตา ไม่ว่าคุณจะรู้สึกมีความสุข สนุก เหงา เศร้า ที่นี่ก็พร้อมให้พักพิงได้เสมอ โดยแต่ละวันทางร้านจะมีธีมแตกต่างกัน บางวันก็เอาใจคนที่กำลังเศร้าด้วยเพลงเรียกน้ำตา บางวันก็เปิดเพลงเก่ายุค 90 เอาใจ