ในจักรวาลที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมาย มนุษย์โลกเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตตัวกระจ้อย และเต็มไปด้วยความอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่นอกโลกของตัวเอง ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่าน เราไม่เคยหยุดนิ่งที่จะหาคำตอบเกี่ยวกับดวงดาวเลย เห็นได้ว่า องค์กรด้านอวกาศพยายามสำรวจดาวเพื่อนบ้านอยู่เสมอ อย่างเช่น ดาวอังคาร ซึ่งได้มีการส่งดาวเทียมขึ้นไปสำรวจอยู่เรื่อย ๆ และตอนนี้ทางนาซาก็มีแผนจะส่งมนุษย์ไปสำรวจดาวอังคารครั้งแรกในปี 2035 ถ้าถามว่า “ทำไมถึงต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร?” คำตอบคือ เพราะดาวอังคารอยู่ไกลจากโลกมาก ๆ (ราว 140 ล้านไมล์) จึงต้องใช้เวลาในการเดินทาง แถมในอวกาศยังมีรังสีที่เป็นอันตรายต่อสารพันธุกรรม และมีผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์ เช่น ทำใหเกิดอาการป่วยรังสี เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง รวมถึงโรคเสื่อมสภาพ (degenerative diseases) อีกทั้ง ดาวอังคารยังมีสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยได้ลำบาก ว่ากันว่ามันมีความหนาวเหน็บยิ่งกว่าทวีปแอนตาร์กติกาเสียอีก และยังมีออกซิเจนสำหรับการหายใจน้อยอีกด้วย ดังนั้น ยิ่งใช้เวลาเดินทางจากโลกนานเท่าไหร่ นักบินอวกาศก็ยิ่งตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น เทคโนโลยีจรวดที่สามารถส่งนักบินอวกาศไปยังดาวอังคารได้อย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเดินทางไปดาวอังคาร ข่าวดี คือ ตอนนี้กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จาก Ultra Safe Nuclear Technologies (USNC-Tech) ซึ่งตั้งอยู่ในซีแอตเทิล ได้นำเสนอว่าทางออกของปัญหานี้ คือ ใช้เครื่องยนต์นิวเคลียร์ NTP (nuclear thermal propulsion)
กว่าศตวรรษที่มนุษย์โลกเริ่มมีความคิดเกี่ยวกับการหาแหล่งที่อยู่ใหม่เพื่อหลบหนีออกจากดาวเคราะห์ดวงนี้ที่ดูใกล้ล่มสลายลงไปทุกวัน สถานที่ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็หนีไม่พ้นดาวเคราะห์สีส้มบ้านใกล้เรือนเคียงของเราอย่าง ‘ดาวอังคาร’ หลังจากนั้นทุกฝ่ายต่างก็ทุ่มเทเต็มที่เพื่อให้ความฝันของมนุษยชาติเป็นจริงโดยเร็ว เมื่อเวลาเคลื่อนผ่านไป จากความฝันที่ไกลสุดเอื้อมก็เริ่มขยับเข้าใกล้ความจริงขึ้นทุกที จากคำถามว่าจะทำยังไงให้สามารถมีชีวิตรอดบนดาวอังคาร การถกเถียงต่าง ๆ ก็เริ่มเจาะประเด็นลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงคำถามหนึ่งที่น่าสนใจ จะเป็นยังไงถ้าเราเสพกัญชาบนดาวอังคาร? ฟังดูเป็นคำถามที่ไร้สาระ ถึงแม้การสร้างอาณานิคมบนดาวอังคารดูจะมีความเป็นไปได้กว่าเมื่อก่อนมาก แต่มันก็ยังห่างไกลความเป็นจริง ยากที่จะเกิดขึ้นในช่วงอายุเรา อย่างไรก็ตาม Elon Musk ผู้ก่อตั้ง SpaceX ดูจะชื่นชอบคำถามนี้ เพราะอย่างที่เรารู้กันดีว่าเขาคือสายเขียวตัวยง Shelhamer อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์เพื่อการวิจัยของมนุษย์ที่ศูนย์อวกาศจอห์นสันในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส กล่าวว่า “การสร้างอาณานิคมเป็นเรื่องยิ่งใหญ่และสำคัญ ผมไม่เห็นประโยชน์ของการทำให้ร่างกายตอบสนองผิดเพี้ยน ซึ่งอาจส่งผลเสียมหาศาลในสถานการณ์ฉุกเฉิน” Neil deGrasse นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ชื่อดังก็คิดเห็นไปในทางเดียวกัน มันไม่ใช่เรื่องเข้าท่าเลยที่จะสูบกัญชาบนดาวอังคาร ถึงแม้ในมุมของนักวิชาการจะมองว่ามีข้อเสียมากกว่าข้อดี แต่ในมุมของผู้ที่ตั้งใจจะตั้งถิ่นฐานจริง ๆ พวกเขาอาจผลักดันให้มีการขนส่งกัญชาไปยังดาวอังคารเพื่อประโยชน์ในแง่การสันทนาการหรืออาจมีการแอบลักลอบนำเมล็ดไปปลูก Karin Kloosterman ผู้ก่อตั้ง Mars Farm Odyssey อธิบายว่าการปลูกกัญชาบนดาวอังคารนั้นง่ายกว่าการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก ดังนั้นกัญชาจึงอาจจำเป็นต่อการสันทนาการผู้ตั้งถิ่นฐานในช่วงแรก เราสามารถปลูกกัญชาบนดาวอังคารได้หรือไม่? เมื่อคุณตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคารแล้ว ตัดเรื่องการขนส่งสินค้าจากโลกไปได้เลย เพราะราคาค่าขนส่งคงแพงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ดังนั้นถ้าต้องการอะไรคุณต้องสร้างมันขึ้นมาเอง แม้กระทั่งกัญชา แต่ถ้าใครเคยดูภาพยนตร์หรือสารคดีมาบ้างคงทราบดีว่าสภาพภูมิศาสตร์บนดาวอังคารนั้นเป็นอุปสรรคต่อการทำเกษตรกรรมทุกรูปแบบ ดังนั้นถ้าจะเพาะปลูกกัญชาที่นี่ จำเป็นที่ต้องทำในเรือนกระจกแบบปิดที่สร้างบรรยากาศเลียนแบบโลก นอกจากนั้นต้องมีระบบรีไซเคิลน้ำและดินที่สมบูรณ์ เนื่องจากในตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าทรัพยากรเหล่านี้บนดาวอังคารปลอดภัยต่อร่างกายมนุษย์หรือไม่ อย่างไรก็ตามแม้จะมีเรือนกระจกที่จำลองบรรยากาศบนโลกได้อย่างสมบูรณ์ แต่เรื่องแรงโน้มถ่วงจำลองเป็นสิ่งที่เรายังสร้างไม่ได้
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในแวดวงดาราศาสตร์และอวกาศคงไม่มีข่าวไหนจะได้รับความสนใจไปกว่าข่าวยาน InSight ยานสำรวจไร้คนขับขององค์การ NASA สามารถลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคารได้สำเร็จหลังจากที่ถูกปล่อยขึ้นสูห้วงอวกาศในวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มนุษย์สามารถส่งยานไปลงจอดบนดาวอังคาร แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปในแง่ภารกิจ เพราะเป้าหมายของ InSight คือการสำรวจโครงสร้างทางธรณีวิทยาของดาวอังคารโดยละเอียด ถึงแม้ว่า InSight จะเป็นยานไร้คนขับเช่นเดียวกับลำก่อน ๆ ที่ NASA เคยนำไปลงจอดบนดาวดังคาร ซึ่งหมายความว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่มีมนุษย์คนไหนได้ฝากรอยเท้าไว้บนดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้ แต่การที่ภารกิจสำรวจดาวอังคารค่อย ๆ คืบหน้าขึ้นเรื่อย ๆ และความฝันที่ดาวเคราะห์ดวงนี้จะเป็นบ้านหลังที่ 2 ของชาวโลกก็เข้าใกล้ความจริงขึ้นมาทุกที แต่ในเมื่อมนุษย์ไม่ใช่เจ้าของดาวอังคาร ไม่ได้ถือกำเนิดที่นั่น เป็นแค่เพียงผู้มาเยือนและหวังจะตั้งรกรากเท่านั้น สิ่งนี้จึงนำไปสู่คำถามทางจริยธรรมที่ว่าถ้ามีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวอังคาร ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน และการย้ายถิ่นฐานครั้งนี้นำไปสู่การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตดังกล่าว การอพยพสู่ดาวอังคารเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่? Life in the Universe ตามที่นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์เคยกล่าวไว้ว่าสิ่งมีชีวิตนั้นสามารถอาศัยอยู่ที่ไหนก็ได้ในจักรวาลกว้างใหญ่ เพียงแต่ในสถานที่นั้น ๆ จำเป็นต้องมีองค์ประกอบเหล่านี้ น้ำ, แหล่งให้ความร้อนและพลังงาน, แร่ธาตุสำคัญต่าง ๆ เช่น คาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน และโพแทสเซียม ดาวอังคารก็มีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วนดังนั้นการที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่จึงมีโอกาสเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้ไม่ใช่สถานที่เดียวในจักรวาลที่มนุษย์ค้นพบและมีองค์ประกอบครบต่อการดำรงชีวิต เนื่องจาก Europa หนึ่งในดวงจันทร์บริวารขนาดใหญ่ของดาวพฤหัส และ Enceladus ดวงจันทร์บริวารขนาดใหญ่ของดาวเสาร์ก็มีคุณสมบัติดังกล่าวเช่นกัน ดูเหมือนว่าเหล่านักวิทยาศาสตร์จะไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ เพราะตอนนี้โครงการ Europa Clipper มีแผนที่จะปล่อยยานสู่อวกาศในปี 2020 โดยเป้าหมายคือการสำรวจดวงจันทร์บริวารดังกล่าวอย่างละเอียด
สด ๆ ร้อน ๆ กับการแถลงของ NASA เกี่ยวกับความคืบหน้าในการสำรวจดาวอังคารของโครงการ Curiousity Rover ที่เริ่มต้นเมื่อปี 2012 โดย Curiousity Rover คือยานรูปแบบ Rover ที่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง ลงจอดบนดาวอังคารในภารกิจสำรวจ หลุมอุกาบาต Gale Crater ซึ่งเมื่อพันล้านปีก่อนมีสภาพเป็นทะเลสาบที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยชีวิต Curiousity Rover คือยานสำรวจแบบ 10 in 1 สามารถสำรวจและวิเคราะห์วิจัยสสารต่าง ๆ ได้ด้วยตัวมันเอง และหลังจากที่ทำภารกิจอยู่กว่า 6 ปี ในที่สุดเจ้ายานลำนี้ก็ค้นพบอะไรบางอย่างที่น่าสนใจจนนำมาสู่การแถลงครั้งนี้ ใจความสำคัญของการค้นพบครั้งนี้มีอะไรบ้าง UNLOCKMEN ได้สรุปมาให้แล้ว เลื่อนลงไปอ่านได้เลย! Organic Material หลังจากถกเถียงกันมาอย่างยาวนานเรื่องสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร มาในวันนี้ค่อนข้างมีความชัดเจนขึ้นพอสมควร เมื่อ NASA แถลงว่ายาน Curiousity Rover สำรวจเจอสารอินทรีย์ หรือ Organic Material ซึ่งประกอบด้วย ธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน ซัลเฟอร์ และอื่น ๆ ซึ่งเป็นสารอินทรีย์ที่เราจะพบได้ในสิ่งมีชีวิต