สำหรับช่วงเวลาเทศกาลคริสต์มาสปีใหม่ ไม่รู้จะออกไปเที่ยวที่ไหน จะไป Iconsiam รถก็ติดสะบั้นเหลือเกิน ถ้าไม่รู้จะทำอะไรในวันว่าง การนั่งดูหนังอยู่บ้านก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 หนังสุดโหดที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปีใหม่ ที่จะเปลี่ยนวันแห่งความสุขให้กลายเป็นเรื่องสยองขวัญ บู๊สะใจจนลืมเรื่องเครียด ๆ ที่สะสมไว้ให้หายไปสิ้น Silent Night (2012) จะทำอย่างไรเมื่อฆาตกรสุดโหดสวมชุดซานต้าออกมาไล่ฆ่าคนในวันคริสต์มาส Silent Night คือภาพยนตร์รีเมคจากหนังสยองขวัญในปี 1984 เรื่อง Silent Night, Deadly Night ที่ในภาพยนตร์ฉบับสร้างใหม่นี้ได้นักแสดงอย่าง Jaime King จากเรื่อง Sin City และ The Spirit มารวมสร้างความระทึกขวัญกันหนังซานต้าสุดโหดนี้ พร้อมกับพล็อตหนังทริลเลอร์คลาสสิกกับเอาตัวรอดในการวิ่งหนีฆาตรสุดโหดที่ดูเมื่อไหร่ก็ยังคงตื่นเต้นได้ทุกครั้ง P2 (2007) หนังสยองขวัญที่มีชื่อไทยว่า “ลานสยอง จ้องเชือด” เมื่อนางเอกของเรื่องอย่างแองเจลล่าที่ทำงานจนดึกดื่นในคืนคริสต์มาสอีฟ เธอลงมาที่ลานจอดรถกลับพบว่ารถสตาร์ทไม่ติด โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองโดนขังอยู่ในตึกปิดตายด้วยฝีมือของยามรักษาความปลอดภัยโรคจิต ทำให้เธอต้องติดอยู่ในลานจอดรถโซน P2 แองเจลล่าจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกจากตึกปิดตายให้ได้ก่อนที่ยามโรคจิตจะตามหาเธอเจอ ซึ่ง
เป็นประจำทุกช่วงสิ้นปีที่จะมีงานประกาศรางวัลที่สุดของภาพยนตร์ประจำปีนั้น ๆ และเวลานั้นก็วนมาอีกครั้ง โดยเวทีใหญ่สำหรับรางวัลภาพยนตร์อย่าง National Board of Review หรือสมาพันธ์นักวิจารณ์ภาพยนตร์ ก็ได้จัดรายชื่ออันดับหนังที่ดีที่สุดของปี 2018 ไว้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่ง UNLOCKMEN ได้หยิบหนัง 5 เรื่อง ที่ไม่ซ้ำแนวมาให้ได้เลือกชมกัน รับรองว่าหนังที่เราเลือกมามันดีมากจนไม่อยากให้พลาดจริง ๆ First Reformed หนังดราม่าหนักอึ้งโดยฝีมือผู้กำกับอาวุโสชื่อดังอย่าง พอล ชเรเดอร์ กับเรื่องราวของบาทหลวงสันโดษที่รับบทโดย อีธาน ฮอว์ค ชยผู้สูญเสียลูกชายไปในสงครามอิรัก เขาได้เก็บเรื่องราวของลูกชายไว้ในใจและพบจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีจนวันหนึ่งมีหญิงตั้งครรภ์มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องของสามีสุดโต่งของเธอ เพราะเธอพบว่าสามีกำลังวางแผนทำระเบิดพลีชีพ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้บาทหลวงหวนคิดถึงลูกชายและจมดิ่งเข้าสู่ความทุกข์อีกครั้งจนเกิดวิกฤตศรัทธาของตัวเอง ด้วยบทที่หนังที่ Drama หนักหน่วงมาก ทำให้ผู้ชมเกิดความอินและพยายามลุ้นว่าบาทหลวงจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง และแก้ปัญหาของสามีภรรยาคู่นี้ได้อย่างไร A Quiet Place หนังสยองขวัญยอดเยี่ยมแห่งปีที่มีทุนสร้างเพียง 17 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่กลับกวาดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 200 ล้านเหรียญ ฯ อย่าง A Quiet Place ที่นำแสดงโดย
เมื่อพูดถึงหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงคราม ผู้ชายอย่างเรามักจินตนาการออกแต่ทหาร เสียงปืน การสู้รบ เลือดพุ่งกระฉูด การปกป้องแผ่นดิน แต่ในความเป็นจริงสงครามยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ ที่มากกว่าสนามรบอีกมาก ทั้งชีวิตประชาชนตาดำ ๆ ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งเชลยสงครามที่ถูกกักขังอยู่นานแสนนาน ทั้งคนที่ไม่ได้ออกหน้าสู้รบแต่วางแผนเบื้องหลังสงคราม สงครามจึงไม่ใช่แค่เรื่องการสู้รบของทหาร แต่สงครามคือชีวิตของผู้คนที่ต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไป วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากพามาตะลุยกับหนัง 5 เรื่องที่มีฉากหลังเป็นช่วงสงคราม แต่แทบไม่ได้พูดถึงสนามรบและการสู้รบเลย แต่จะว่าด้วยอะไรบ้างนั้น เราก็อยากชวนมาดูไปพร้อม ๆ กัน The Reader หนังว่าด้วยความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มอายุ 15 กับสาววัย 36 ปี ทุก ๆ ครั้งก่อนเธอกับเขาจะร่วมรักกัน เขาจะต้องอ่านหนังสือให้เธอฟังเสมอ ๆ กาลเวลาและเหตุผลบางอย่างทำให้พวกเขาต้องพลัดพรากจากกัน กว่าจะมาเจอกันอีกทีก็คือในศาลซึ่งเธอกำลังรอการพิพากษาในฐานะ อาชญากรสงคราม! ใช่ นี่คือหนังที่เล่าถึงเหตุการณ์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่บางคนคือคนที่อยู่ในค่ายกักกัน ในขณะที่บางคนก็คือเจ้าหน้าที่จากฟากนาซีที่ลงมือสั่งปลิดชีพผู้คน และเธอถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในนั้น หนังเรื่องนี้พาเราเข้าสู่ความสัมพันธ์ ปมชีวิต ชี้ให้เห็นทุกซอกมุมของความเป็นมนุษย์ และสิ่งที่สงครามกระทำต่อพวกเราอย่างเลือดเย็นแม้ว่าสงครามจะจบลงไปแล้ว รับรองว่าชวนดื่มด่ำ ขัดข้อง และโศกเศร้าจนเราจะมองสงครามและชีวิตมนุษย์ได้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป Life
“ย้อนเวลา” พูดถึงประเด็นนี้ทีไรเชื่อว่ามนุษย์ร้อยทั้งร้อยต้องเคยใฝ่ฝันให้ตัวเองย้อนเวลาได้สักครั้งในชีวิต บ้างก็เพื่อกลับไปเจอคนในอดีตที่จากเราไปแล้วไกลแสนไกล บ้างก็หวังว่าถ้ากลับไปเปลี่ยนบางอย่างได้ บางอย่างที่เลวร้ายอาจไม่เกิดตามมา เราล้วนแต่จินตนาการเรื่องการย้อนเวลาไปในรูปแบบของเราไว้มากมาย แต่น้อยครั้งเหลือเกินที่เราจะคิดถึงผลกระทบของการฝืนกฎแห่งกาลเวลา และหนัง 5 เรื่องต่อไปนี้จะทำให้เราเข้าใจว่าทำไมเวลาที่สำคัญที่สุดของมนุษย์อย่างเราอาจเป็น “ปัจจุบัน” ไม่ใช่อดีต หรืออนาคต รวมถึงทำให้เราตระหนักได้ว่าการไหลไปตามกาลเวลาตามปกติแต่รู้เท่าทันมันนั่นแหละคือสิ่งที่ล้ำค่าเท่าที่มนุษย์อย่างเราจะได้รับแล้ว About Time จะดีแค่ไหนถ้าเรากลายเป็นผู้ชายที่ได้รับมรดกตกทอดพิเศษจากปู่ สู่พ่อ มาถึงเรา โดยมรดกตกทอดพิเศษที่ว่าก็คือ “การย้อนเวลา” ได้ และแน่นอนว่าทิม เลค ตัวเอกของเรื่องก็เลือกที่จะย้อนกลับไปแก้ไขรายละเอียดที่ผิดพลาดให้ตัวเองและคนที่เขารักเสมอ ๆ บางเรื่องย้อนเพียงรอบเดียวก็แก้ได้หมด ในขณะที่บางเรื่องก็ต้องแก้แล้วแก้อีกกว่าจะได้ผลลัพธ์ออกมาสมบูรณ์แบบ ชีวิตของการย้อนเวลาดำเนินต่อไปแบบเหมือนจะราบรื่น จนวันหนึ่งเขาเองตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขทุกอย่างเพื่อทุกคนได้ เพราะเมื่อมีสิ่งหนึ่งเปลี่ยนมันสร้างผลกระทบต่ออีกสิ่งหนึ่งเสมอ ประเด็นดูจะหนักหน่วง แต่ About Time เป็นหนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ที่ชวนอมยิ้มกับทุกความรักสุดละมุน ไม่ใช่แค่ความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น แต่เป็นความรักในครอบครัว จนจะทำให้เราระลึกได้ว่าความสุขเรียบง่ายอย่างการได้เดินเคียงข้างพ่อในวันฟ้าสดใสนั้นมันดีเพียงใด The Curious Case of Benjamin Button เราล้วนเติบโตตามหลักการหมุนของเข็มนาฬิกาอย่างปกติสุข เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นทารกก่อนจะแก่ลง ๆ ร่วงโรยเหี่ยวเฉาตายลงไป แต่กับ Benjamin Button เขากลับมีชีวิตแบบทวนเข็มนาฬิกา เติบโตมาด้วยโรคร้ายบางอย่างที่สาปให้เขาเริ่มต้นชีวิตด้วยความร่วงโรย แก่หงำเหงือก
หลังจากที่ผู้เขียนได้ไปดูภาพยนตร์เรื่อง Ant-Man and the Wasp มาแล้ว ก็เลยอยากจะมาสปอยล์แค่ว่า พี่ Paul Rudd นี่แกดูแลร่างกายได้ดีจริง ๆ เห็นแกโคตรฟิตมาตั้งแต่ภาคแรกอย่าง Ant-Man มาภาคนี้ก็ยังดูดีอยู่ แม้ว่าเจ้าของบทบาทซูเปอร์ฮีโร่ที่ย่อ-ขยายส่วนได้นั้น จะอายุ 49 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังดูแกร่งและเท่ทั้งในชุดแดงสุดไฮเทค และในนาม Scott Lang “ผมเคยเป็นหนึ่งในคนที่ต้องการเห็นผล แต่ไม่เคยทำมันเสียที” Rudd เล่าให้ Men’s Journal ฟังว่าเขาเองก็เคยขี้เกียจมาก่อน แต่พอรู้ว่าจะได้รับบทบาทเป็น Ant-Man และ Scott Lang เขาก็ทุ่มเทกับการ workout อย่างเต็มที่ ทั้งการดูแลโภชนาการที่เขาได้รับคำแนะนำจาก Carlon Colker และการฟิตร่างกายที่เขาได้ Richard Louis เทรนเนอร์ชื่อดังจากนิวยอร์ก เจ้าของยิม FitSpaceNYC มาช่วยเคี่ยวเข็ญ ซึ่ง Louis เคยเปิดเผยตามตรงว่า “บอกตรง ๆ เลยว่าผมไม่รู้จัก Paul มาก่อน จนกระทั่งได้มาร่วมงานกัน เซสชั่นแรก ๆ ของการเทรนยอมรับว่ายากลำบาก แต่
ฟุตบอลนั้นถือเป็นกีฬายอดนิยมอันดับหนึ่งของโลกอยู่แล้ว และช่วงนี้กระแสลูกหนังก็ยิ่งมาแรงเมื่อ World Cup 2018 ที่รัสเซียได้อุบัติขึ้น และยิ่งเป็นกีฬามหาชน ผู้สร้างภาพยนตร์จึงให้ความสนใจนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับลูกหนังผ่านทางจอแก้วหรือจอเงิน ไม่ว่าจะเป็นสารคดีที่อิงจากเรื่องจริง หรือเรื่องราวที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่เพื่อเอาใจคอบอล คงจะมันส์กว่าถ้าเราหาเวลาสลับจากการชมเกมฟาดแข้งมาดูหนังที่เกี่ยวกับลูกกลม ๆ ชั้นดี ที่สรรค์สร้างโดยผู้กำกับ และผู้เขียนบทหลากหลายสไตล์ที่ทีมงาน UNLOCKMEN นำมาฝากกัน รับรองว่าสะใจชายบ้าบอล เพื่ออรรถรสที่มากกว่า ต้องใส่เสื้อบอลดู และหยิบป๊อปคอร์นเข้าปากไปด้วย Bend It Like Beckham เรื่องแรกที่จะพูดถึงก็คือ Bend It Like Beckham ภาพยนตร์ฟุตบอล feel good ที่ใช้ชื่อสกุลของ David Beckham อดีตนักเตะซูเปอร์สตาร์ทีมชาติอังกฤษ ที่ผ่านการค้าแข้งกับสโมสรดังอย่าง Manchester United, Real Madrid, LA Galaxy, A.C. Milan และ Paris Saint-Germain มาเป็นชื่อหนัง หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ Jess Bhamra (Parminder Nagra) สาวที่บ้าคลั่งฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ แต่กลับโดนผู้ปกครองเจ้าระเบียบของเธอห้ามไม่ให้ร่วมทีมฟาดแข้ง จนกระทั่ง Jules
นอกจากหนังแอคชั่นบู๊กระจาย ฟาดฟันกันกระจุย ที่ร้อยทั้งร้อยยังไงก็ขายผู้ชายอย่างเราได้เสมอ หนังแนว GANGSTER ที่ขนอาชญากรมาเป็นแก๊งแล้วฟาดฟัน เฉือนคมกันด้วยความล้ำลึกก็ตาม หรือจะลุยโต้ง ๆ ปะฉะดะกันตรง ๆ ก็ตาม ก็ถือเป็นหนังอีกแนวที่ผู้ชายต่างซู้ดปากดูไปลุ้นไปเพราะแม่งโคตรมันส์ระห่ำตอบสนองสัญชาตญาณดิบเถื่อนในตัวผู้ชายได้ดีสุด ๆ และนี่คือ 5 หนัง GANGSTER ในใจตลอดกาลที่คว้ามาดูเมื่อไหร่ก็ไม่มีผิดหวัง The Godfather (1972) ไม่ว่าสำนักไหนสำนักนั้น ถ้าจะจัดอันดับหนังมาเฟีย หนัง GANGSTER ทีไร เรื่องนี้ก็ต้องติด TOP 5 อยู่เสมอ แม้หนังจะนานแสนนานมาแล้ว แต่เชื่อได้เลยว่า The Godfather จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน เรื่องราวว่าด้วยครอบครัวมาเฟียที่ไม่ได้มุ่งไปที่อาชญากรรมโดยตรง แต่ให้ฟีลรุ่นใหญ่ใจต้องนิ่ง โคตรมาเฟียที่ไม่ต้องข้องแวะกับความเป็นอันธพาล แต่อหังการตราตรึงใจจนหนัง GANGSTER รุ่นใหม่ ๆ ก็เทียบไม่ติด Goodfellas (1990) ถ้า The Godfather เล่าเรื่องราวเจ้าพ่อมาเฟียรุ่นใหญ่ใจนิ่ง Goodfellas ก็คือเรื่องราวของมาเฟียรุ่นเล็กแต่เก๋าที่ถ่ายทอดประสบการณ์ตั้งแต่การเข้าแก๊ง จนถึงการออกจากแก๊งแล้วสารภาพวีรกรรมตลอดระยะเวลา 30 ปีที่อยู่ในแก๊งกับ
เวลาเราพูดถึงการดูหนัง ผู้ชายอย่างเรามักนึกถึงแต่ความบันเทิงเท่านั้น ทำให้ผู้ชายจริงจังหลายคนรู้สึกว่าการเสียเวลาไปกับความบันเทิงเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ภาพยนตร์มีแต่เรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงจริงเหรอวะ? คำตอบก็คือไม่ โลกยังเต็มไปด้วยภาพยนตร์ที่อิงความจริงอีกนับไม่ถ้วน แต่ถ้ารู้สึกว่าจริงไม่พอ UNLOCKMEN ขอเปิดโลกภาพยนตร์แบบที่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักในไทย (แต่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ) นั่นก็คือ “โลกของหนังสารคดี” ถ้าไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเราอาสาพาเข้าสู่โลกแห่งความจริงจัง แต่ก็จัดจ้าน จี๊ดจ๊าดด้วยหนังสารคดี 7 เรื่องที่เคยฉายในไทยโดย Documentary Club มาแล้ว และหา DVD หาดูได้ไม่ยาก CITIZENFOUR แฉกระฉ่อนโลก CITIZENFOUR เป็นหนังรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมประจำปี 2015 นอกจากรางวัลการันตีแล้วเราก็รับรองได้เลยว่า CITIZENFOUR จะทำให้ผู้ชายอย่างเรารู้สึกสั่นสะเทือนกับนโยบายลับ ๆ ของรัฐที่เป็นเงาครอบคลุมชีวิตเราโดยไม่รู้ตัว โดย CITIZENFOUR จะทำหน้าที่เปิดโปงนโยบายลับที่ว่านั้นซึ่งนับเป็นการเปิดโปงที่ส่งผลสั่นสะเทือนไปทั้งโลกอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ความระทึกขวัญในหนังเรื่องนี้จะพาเรานั่งไม่ติด และนั่งไม่ติดยิ่งกว่าเพราะมันไม่ใช่หนังแต่เป็นเรื่องจริง ! ถ้าอยากสัมผัสการเปิดโปง การต่อสู้กับรัฐ การดักฟังของรัฐ ด้วยบรรยากาศสมจริง (ก็จริงสิ เพราะมันคือเรื่องจริง) เราก็บอกเลยว่าห้ามพลาด The Wolfpack หมาป่าคอนกรีต นี่คือเรื่องราวของ 6 พี่น้องอังกูโล เรื่องย่อทั้งหมดของหนังมันมีแค่นี้จริง
ใคร ๆ ก็ชอบบอกเราว่าให้เรียนภาษาอังกฤษจากการดูหนัง แต่ไม่เห็นจะมีใครเคยบอกว่าต้องดูหนังเรื่องอะไร? เพราะหนังบางเรื่องก็บทสนทนามาเต็มเป็นพรืดชนิดที่ว่าเรียนรู้ยังไงก็คงไม่ได้เข้าใจกันได้ง่าย ๆ บางทีสำเนียงก็ฟังยากแสนยากจนเรางง หรือจะให้ดูการ์ตูนไปเสียเลยมันก็พอดูได้ แต่จะให้ดูทุกวันมันก็คงเบื่อ วันนี้ UNLOCKMEN จึงขอเสนอหนัง 5 เรื่องที่ทำให้คุณเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ แถมสนุกด้วยมาฝากกัน The Hangover เรื่องราวความสนุกของคนเมา ๆ ที่ตื่นเช้ามาแล้วดันไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้างคงไม่ต้องบรรยายเพิ่มว่าจะสนุกสักแค่ไหน แต่สิ่งที่ดีงามสำหรับคนที่กำลังเรียนรู้ภาษาอังกฤษคือหนังเรื่องนี้มันโคตรสนุก ดังนั้นมันจึงสามารถดึงดูดคนที่กำลังเรียนรู้ภาษาอังกฤษ (ที่ขี้เกียจอย่างเรา ๆ ) เอาไว้กับมันได้ แถมตัวละครทุกตัวใน The Hangover ยังใช้ภาษาอังกฤษบ้าน ๆ แบบที่ใช้กันทุกวัน รวมถึงเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เรียนรู้ American slang ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจการใช้ศัพท์แสงในบทสนทนาภาษาอังกฤษแบบสุดเรียลได้อีก The Hunger Games การไล่ล่าสุดมันในโลกแบบดิสโทเปีย การเอาตัวรอด การสู้ยิบตาตลอดเรื่องก็น่าดูมากพออยู่แล้ว แต่ข้อดีของมันอีกอย่างคือ The Hunger Games ช่วยให้เราเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ด้วย โดยหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยภาพอันชัดเจน ดังนั้นถ้าเราพลาดอะไรจากบทสนทนาของตัวละคร เช่น ฟังไม่ทัน แปลบางคำไม่ออก หรือบทสนทนายาวเกินไป เราก็จะสามารถทำความเข้าใจได้จากภาพที่แสดงออกมาได้ ซึ่งเป็นการฝึกให้เรารู้จักดูภาษามือ
ในชีวิตผู้ชายอย่างเรามันต้องมีโมเม้นต์ที่อยากจะเป็นยอดมนุษย์บ้าง ได้ใส่ชุดเท่ ๆ มีพลังวิเศษ บินได้ มีทีมงานเหนือมนุษย์ ใช้เครื่องมือและยานพาหนะล้ำยุคบุกไปปราบตัวร้าย สุดท้ายเอาชนะใจนางเอกก่อนจบแบบ Happy Ending… …ภาพตัดกลับมาที่ความเป็นจริง เราก็เป็นแค่ชายคนหนึ่งบนโลกใบนี้ มือหนึ่งหยิบป๊อปคอร์นเข้าปาก อีกมือหนึ่งหยิบน้ำมาดื่ม ตาก็ดูหนังแนว superhero ไปด้วย แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถเป็น superhero นอกจอได้นะ ทีมงาน UNLOCKMEN อยากจะบอกว่าสุภาพบุรุษอย่างเราก็สามารถเป็นโคตรฮีโร่ในโลกความจริงได้ด้วยการเรียนรู้จากตัวละครที่เราชื่นชอบ นี่คือแง่คิดจากยอดมนุษย์ในจอที่เราแนะนำให้ลองนำมาปรับใช้เพื่อกลายเป็นฮีโร่ตัวจริง ทุกคนสามารถเป็นฮีโร่ได้ : BATMAN เห็น ๆ กันอยู่ว่า Batman คือฮีโร่ที่มีปมชีวิตมากมาย ทั้งสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มน้อย Bruce Wayne แต่สิ่งที่คูลสุด ๆ ของมนุษย์ค้างคาวก็คือไม่มีพลังวิเศษอะไรเลย เขาแค่สวมชุดดำโคตรเท่ออกไปท้าสู้กับความอยุติธรรมและการคอรัปชั่นด้วยศิลปะการป้องกันตัว มันสมอง เครื่องมือและยานพาหนะที่เขาพัฒนามันขึ้นมา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคนธรรมดานี่แหละก็เป็นฮีโร่ได้ จงภูมิใจในสิ่งที่คุณเป็น : X-MEN คนเราเลือกเกิดไม่ได้ มีสีผิว เพศ และลักษณะเฉพาะต่างกันไป เช่นเดียวกับบรรดามนุษย์กลายพันธุ์อย่าง X-Men ที่โดนมนุษย์มองว่าแตกต่างและเป็นตัวประหลาด ทำให้ Magneto เลือกที่จะมองโลกเป็นศัตรู ขณะที่