สำหรับหนุ่ม ๆ ที่เป็นสาวกรองเท้าจากค่าย Nike โดยเฉพาะโมเดล Air Max 1 คงต้องเตรียมเงินกันให้พร้อม ถ้าได้เห็นภาพต้นแบบ “TINKER” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากภาพร่างดั้งเดิมของรองเท้า Air Max 1 ที่ Tinker Hatfield เคยวาดไว้ตั้งแต่ปี 1984 ซึ่งมีภาพหลุดออกมาถึง 3 สีด้วยกัน หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าชายที่ชื่อ Tinker Hatfield เป็นใครหรือมีความสำคัญกับ Nike มากขนาดไหน แต่สำหรับสาวกของค่าย Swoosh คงทราบกันดีว่าเขาคือชายที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบรองเท้ามากมายในค่าย Swoosh ไล่ตั้งแต่ Air Jordan 3-15 รวมถึง Air Jordan XX, XXlll และ XXV รวมไปถึงรองเท้ากีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามอย่าง Air Max 90 และ Air max 1 แต่ใครจะรู้ว่าภาพร่างของเขาที่วาดเอาไว้เมื่อ 35 ปีที่แล้วจะกลายมาเป็นแรงบันดาลในการออกแบบแคปซูล
ตลาดรองเท้าทั่วโลกกำลังขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผู้คนหันมาพิถีพิถันกับเครื่องแต่งกายชิ้นนี้มากขึ้น ทำให้แต่ละปีมีโมเดลรองเท้าทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ รวมถึงงานคอลแลปส์จำนวนมากปล่อยออกมาเรียกเงินในกระเป๋าของหนุ่ม ๆ อย่างเราไปไม่น้อย แต่ท่ามกลางรองเท้าจำนวนมากกลับมีเพียงไม่กี่โมเดลเท่านั้นที่เรารู้จัก ยิ่งโมเดลที่สามารถยืนระยะยาวนานในทุกยุคทุกสมัยยิ่งมีน้อยลงไปอีก แต่ถ้าจะให้ยกสักโมเดลในตำนานจาก Nike ชื่อของ Air Force-1 (AF-1) คงเด่นชัดขึ้นมาในใจของใครหลายคน และนี่คือเรื่องราวความเป็นมา รวมถึงเหตุผลที่ทำให้เสน่ห์ของมันไม่เคยเสื่อมคลายไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย จุดกำเนิดของตำนาน Air Force 1 “Air In a Box“ คือสโลแกนที่ Nike ใช้เปิดตัวผลิตภัณฑ์รองเท้ารุ่นใหม่ของพวกเขาเมื่อปี 1982 โดยถือเป็นครั้งแรกที่คนทั้งโลกได้รู้จักโมเดลรองเท้าที่ดีไซน์แบบ High-Top ซึ่งมีเอกลักษณ์จากอัปเปอร์วัสดุหนังสีขาวยาวหุ้มข้อ มีแถบคาดที่ทำจากผ้าโทนสีเดียวกัน ก่อนตกแต่งเอาต์โซลและโลโก้ Swoosh สี Neutral Grey พร้อมส่วนโซลขนาดใหญ่ที่เป็นจุดเด่น ก่อนตั้งชื่อให้มันว่า Air Force 1 ตามชื่อเรียกเครื่องบินส่วนตัวของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยรองเท้าคู่นี้เป็นฝีมือการออกแบบของสุดยอดดีไซน์เนอร์อย่าง Bruce Kilgore ในเวลานั้น Air Force 1 เปิดตัวออกมาในฐานะรองเท้าบาสเกตบอลคู่แรกของค่าย Swoosh ที่ใช้เทคโนโลยี “AIR” เพื่อเพิ่มความนุ่มสบายและรองรับแรงกระแทกเพื่อให้เหมาะสมกับกีฬายัดห่วง โดยเปิดตัวแคมเปญโฆษณาชิ้นแรกพร้อมสตาร์จาก NBA
Nike Air Max 95 ถือเป็นสนีกเกอร์ยอดนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งของ Nike ที่มักโผล่มาพร้อมสีสันจัดจ้านแตกต่างกันให้เห็นอยู่เสมอ โดยล่าสุดแบรนด์เครื่องกีฬาชื่อดังก็ไม่ทำให้ผิดหวังปล่อย Air Max 95 ที่อัดแน่นด้วยสีสันสดใสให้เหล่าผู้ชื่นชอบสนีกเกอร์ตาลุกวาวเป็นที่เรียบร้อย ขอเกริ่นถึงที่มาของสนีกเกอร์กันเสียหน่อยก่อนพูดถึง Air 95 ตัวล่าสุด หนุ่ม ๆ ที่เป็นคอสนีกเกอร์คงพอจะรู้ความแตกต่างของตัวเลขที่อยู่ท้ายรุ่นกันอยู่แล้ว แต่สำหรับบางคนอาจจะยังไม่รู้ แท้จริงแล้วตัวเลข 95 คือตัวเลขที่บ่งบอกถึงปีจำหน่ายรองเท้าโมเดลนี้ รวมถึงความแตกต่างที่เต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยทั้งด้านการออกแบบ วัสดุ และเทคโนโลยีที่ใช้ เพื่อเปลี่ยนให้สนีกเกอร์แต่ละรุ่นตอบโจทย์ตามการใช้งานหลากหลายสถานการณ์มากขึ้น แม้ว่าสนีกเกอร์ตระกูลนี้จะมีมากมายหลายแบบจนนับแทบไม่ไหวและมีความโดดเด่นต่างกันไป แต่จุดเด่นร่วมที่เหมือนกันของ Nike Air Max ทุกรุ่นคือเอกลักษณ์ของพื้นรองเท้าที่นำเทคโนโลยี Air Sole Unit มาใช้เพื่อการรับแรงกระแทกที่ยอดเยี่ยมขณะวิ่ง Nike Air Max 95 คู่นี้เป็นรองเท้าที่มีหน้าตาแตกต่างจากรุ่นก่อน ๆ ที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน เพราะเขาพัฒนานวัตกรรมและดีไซน์ปรับให้สอดคล้องกับสรีระของมนุษย์ยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าจึงทำให้ได้รับความนิยมสูง ดังนั้น ถ้าไปไล่ดูตัว Air Max 95 จะพบว่าดีไซน์นับร้อยแบบ และสำหรับสีล่าสุดของรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวนี้ทาง Nike ก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการส่งสนีกเกอร์ที่รวมสีสันสดใสเข้าด้วยกัน Nike Air
แบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่อย่าง Nike ยังให้ความสำคัญกับแคมเปญด้านสิทธิมนุษยชนต่อเนื่องโดยเฉพาะการสนับสนุนกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศหรือ LGBTQ โดยล่าสุดพวกเขาเลือกแสดงออกผ่านคอลเลกชันใหม่ในชื่อ BETURE ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อให้เกียรติแก่ผู้คิดค้น TheRainbow Flag 100 เปอร์เซ็นต์คือคะแนนที่ทาง Nike ได้จากการทำแคมเปญด้านสิทธิมนุษยชนมาตลอดช่วงระยะเวลา 17 ปี ทั้งยังสนับสนุนองค์กร LGBTQ มากกว่า 20 แห่งและนับตั้งแต่ปี 2012 พวกเขามอบเงินสนับสนุนต่อมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศไปกว่า 3.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 112,000,000 ล้านบาทผ่านทาง Charities Aid Foundation of America อย่างไรก็ตามแคมเปญทั้งหมดไม่ได้หยุดอยู่แค่เพียงการบริจาคเท่านั้น เมื่อค่าย Swoosh ตัดสินใจปล่อยคอลเลกชัน BETURE 2019 โดยไอเทมทุกชิ้นแต่งแต้มด้วยสีสันจาก Rainbow Flag ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวของ LGBTQ มาอย่างยาวนาน แคปซูลดังกล่าวพวกเขาตั้งใจทำออกมาเพื่อให้เกียรติกับ Gilbert Baker ศิลปินผู้สร้างสรรค์และริเริ่มใช้ Rainbow Flag เป็นตั้งแรกตั้งแต่ปี 1978 จนกลายสัญลักษณ์ในการแสดงออกของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศมายาวนานกว่า 40 ปี BETRUE ประกอบไปด้วย 4
สนีกเกอร์ถือเป็นอีกหนึ่งของสะสมสำหรับเหล่าผู้ชื่นชอบการแต่งตัว หนุ่ม ๆ หลายคนพยายามตามหาเพื่อให้ได้รองเท้ารุ่นดังที่ชื่นชอบมาครอบครอง ซึ่งอาการหลงใหลและเลือกสะสมรองเท้าผ้าใบรุ่นตำนานของผู้ชายอย่างบ้างคลั่งนี้เองทำให้เกิดไอเดียสุดเท่ เลือกนำรองเท้าสุดคลาสสิกสามรุ่นของ Nike มารวมกันอยู่ในสนีกเกอร์คู่เดียว! EJDER ร้านค้าออนไลน์ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของแบรนด์แฟชั่นหลายเจ้า โดดเด่นเรื่องผลงานจัดจ้านและไอเทมแฟชั่นแบบร่วมสมัย และ Ziv Lee ผู้ผลิตรองเท้าทำมือจากฮ่องกง ปลุกกระแสสนีกเกอร์ในเกาะอังกฤษให้ร้อนแรงขึ้นด้วยการหยิบรองเท้าผ้าใบสุดคลาสสิกสามรุ่นของ Nike อย่าง Nike Air Force 1 กับ SB Dunk และ Air Jordan 1 มาเล่าเรื่องใหม่ในสไตล์ตัวเอง จุดเด่นของสนีกเกอร์ของ EJDER อยู่ที่ดีไซน์ฟิวส์ชั่นของรองเท้าผ้าใบสามรุ่น ทั้ง SB Dunk สุดคลาสสิกยอดฮิตตลอดกาลร่วมกับ Air Force 1 ที่ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินโดยสารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเป็นรองเท้าบาสเกตบอลรุ่นแรกของ Nike ที่มีเทคโนโลยี Air และรุ่นสุดฮิตอย่าง Air Jordan 1 ก็ถูกรวบไว้ในสนีกเกอร์คู่เดียวผ่านการผลิตโดย Ziv Lee นอกจากการนำรองเท้ารุ่นดังทั้งสามของ Nike มารวมกันแล้ว
การร่วมงานประจำปีของสองโคตรแบรนด์สตรีตและสปอร์ตแนวหน้าของวงการกลับมาอีกครั้งในคอลเลกชัน Supreme x Nike Summer Collection แม้คราวนี้จะไม่มีรองเท้าคู่งามประกอบรวมอยู่ในคอลเลกชันด้วย แต่ด้วยสไตล์เสื้อผ้าที่สวยได้ใจคงทำให้แฟน ๆ ที่รอคอยกันอยู่ลืมความผิดหวังเล็ก ๆ ไปได้อย่างแน่นอน ทันทีที่ Supreme x Nike Summer Collection 2019 เปิดภาพเต็มของไอเทมทุกชิ้นในแคปซูลออกมาก็ทำให้หนุ่มทั้งสายสตรีตและสายกีฬากระเป๋าเงินร้อนนั่งไม่ติด แม้ปีนี้ในคอลเลกชันจะไม่มีโมเดลรองเท้าแจ่ม ๆ จากค่าย Swoosh รวมอยู่ในงานคอลแลปส์ แต่เสื้อผ้าสไตล์สปอร์ตรูปแบบเรโทรที่ปล่อยออกมาก็สวยงามน่าครอบครองไม่แพ้กัน Supreme x Nike Summer ชุดนี้ประกอบไปด้วยไอเทมสารพัดไม่ว่าจะเป็นเสื้อแจ็คเก็ตกีฬาไนลอนแบบกันน้ำและกางเกงขายาวแบบเดียวกัน รวมไปถึง Sweatshirt Sweatpant และเสื้อไหมพรมที่มาพร้อมโลโก้ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าสะพายที่ทำจากวัสดุไนล่อนสีสันสดใสปิดท้ายเป็นไอเทมเสริมให้สายสตรีตทั่วโลกได้เตรียมพร้อมเสียเงินกันแล้ว Supreme x Nike Summer Collection 2019 เตรียมวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและปารีสเป็นที่แรกในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ต่อด้วยโซนเอเชียในประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 25 พฤษภาคม สำหรับหนุ่ม ๆ ในบ้านเราแม้อาจไม่ได้ครอบครองทุกชิ้น แต่คาดว่าเหล่าพ่อค้านักหิ้วทั้งหลายจะมือเร็วพอที่จะนำบางชิ้นมาเปิดรีเซลล์ให้หลายท่านได้สู้ราคากันต่อแน่นอน SOURCE 1
สไตล์วินเทจถือว่าเป็นแฟชั่นที่ไม่เคยตกยุค บางคนอาจมองว่าเชย แต่ก็ยังมีคนส่วนใหญ่ที่มองว่ารองเท้าสไตล์วินเทจเป็นสิ่งที่เท่และบ่งบอกความเป็นตัวเองได้อย่างชัดเจน จึงทำให้ Nike ร่วมมือกับ J.Crew ออกรองเท้าสุดเท่ที่เหล่าผู้ชื่นชอบความวินเทจไม่ควรพลาด บางคนอาจจะรู้จัก Nike แต่ยังไม่รู้จัก J.Crew เท่าไหร่นัก J.Crew เป็นแบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติอเมริกันก่อตั้งขึ้นในปี 1983 และปัจจุบันมีร้านค้ากระจายอยู่ 300 กว่าแห่งทั่วโลก โดยแบรนด์โดดเด่นเรื่องสไตล์สุดคลาสสิกไม่ตกยุค ผสมผสานวัฒนธรรมให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน สนีกเกอร์ Nike Killshot เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Nike และ J.Crew ที่ก่อนหน้านี้เคยปล่อยโมเดลมาแล้วและได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม เพราะ Killshot ถอดดีไซน์มาจากรองเท้ากีฬาของนักเทนนิสเวลาใส่ลงสนาม ด้วยการนำรองเท้าพื้นยางสีเหลืองยอดนิยมจากยุคเก่าก่อนมาเป็นจุดเด่นสำคัญของรองเท้าตระกูลนี้ เดิมรองเท้า Killout ผลิตสีต่าง ๆ ทั้งแดงและน้ำเงิน แต่ครั้งนี้จะยิ่งวินเทจมากกว่าเดิมด้วยการหยิบสีเขียวเรือใบ (Sail Green) มาใช้เพิ่มความโดดเด่นหลายส่วนทั้งตรงบริเวณ Swoosh ภาษาอังกฤษคำว่า Nike ทั้งตรงด้านหลัง ลิ้นรองเท้า และด้านในพื้นรองเท้า พร้อมสร้างเลเยอร์ด้วยหนังกลับตรงฐาน Lace Cage รูสำหรับร้อยเชือกรองเท้า รวมถึงด้านหน้าและด้านข้างของสนีกเกอร์ด้วย สนีกเกอร์ที่มีลุควินเทจกับสไตล์สปอร์ตมารวมกันคู่นี้ แม้จะได้แรงบันดาลใจจากรองเท้าเทนนิสในยุคเก่าแต่
สุนัขพันธุ์ชิบะจากเกาะญี่ปุ่นถือเป็นเจ้าหมาหน้าแหลมขวัญใจของใครหลายคน ด้วยความน่ารักของชิบะนี้เองที่ทำให้แบรนด์ดังอย่าง Nike เกิดไอเดียคอลเลกชันพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ร่วมกับสุนัขนายแบบ Bodhi ที่ทั้งเท่และน่ารักไปพร้อมกัน Bodhi หรือ The Menswear Dog สุนัขพันธุ์ชิบะที่อาศัยอยู่ในมหานครนิวยอร์กเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อ 2013 เพราะเจ้าของสุนัขเกิดไอเดียสนุก ๆ จับ Bodhi มาแต่งตัวหล่อพร้อมกับสไตล์แฟชั่นสุดเท่และถ่ายรูปลง Instagram จนคนพูดถึงเป็นวงกว้าง หลังจากสร้างชื่อเสียงบนโลกโซเชียล หมาชิบะชื่อดังก็มีงานถ่ายแบบเข้ามาไม่ขาดสาย เป็นนายแบบเสื้อผ้าให้กับหลายแบรนด์ทั้ง Coach, Todd Snyder, Salvatore Ferragamo และแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากแบรนด์แฟชั่นนั้นนำแล้ว Bodhi ยังรับงานถ่ายรูปให้กับนิตยสารแฟชั่น สามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองต่อเดือนกว่า 15,000 เหรียญ หรือประมาณ 506,000 บาทต่อเดือน เรียกได้ว่าค่าตัวแพงกว่านายแบบบางคนเสียอีก แถมยังมีผู้ติดตามใน Instagram มากกว่าสามแสนคนแล้วด้วย คอลเลกชันพิเศษของ Nike และ Bodhi ครั้งนี้จะประกอบไปด้วยเสื้อยืดคอกลมสองตัว ต้อนรับซัมเมอร์ที่สดใสด้วยเนื้อผ้าฝ้าย เสื้อตัวแรกพิมพ์ลายอยู่ตรงกลางมีเจ้าหมาชิบะอยู่บนพื้นหลังภาพสีส้มคล้ายกับพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน โดย Bodhi จะสวมแว่นกันแดดกับเสื้อเชิ้ตคอปกสีดำลายดอกไม้ แสดงให้เห็นถึงแฟชั่นฤดูร้อนริมชายหาด แถมเสื้อยืดด้านในที่ Bodhi ใส่อยู่ก็มีสัญลักษณ์ของ Nike ที่มองเห็นอย่างเด่นชัดอีกด้วย ส่วนเสื้ออีกตัวจะมีหน้าของ
ศิลปะตะวันออกถือเป็นเทคนิคงานศิลป์ที่ทั่วโลกต่างยอมรับ ผลงานของแต่ละพื้นที่ในทวีปเอเชียก็จะมีรายละเอียดแตกต่างกันไป เช่นการวาดภาพสไตล์ญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์และมักถูกหยิบมาปรับให้เข้ากับแฟชั่นปัจจุบันบ่อยครั้งโดยครั้งนี้งานเส้นแบบอูกิโยะจะมาอยู่บนรองเท้าผ้าใบ Flying Hawk Studio ที่ขึ้นชื่อเรื่องงานรองเท้าทำมือร่วมมือกับ Simple Union แบรนด์แฟชั่นที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 และมักจะสร้างสรรค์ผลงานเครื่องหนังและสินค้าทำมือ ทั้งสองได้ดีไซน์ลวดลายของ Air Force 1 ของแบรนด์ดังอย่าง Nike ที่ใส่สไตล์ตะวันออกของเกาะญี่ปุ่นมาเต็มเปี่ยม รองเท้าคู่นี้มีชื่อเท่ ๆ ว่า Nike Air Force 1 “Ukiyo-E” รู้จักกันว่าภาพอูกิโยะ มีความหมายว่าโลกที่มีแต่ความทุกข์ หรือถ้าอ่านตามภาษาจีนจะเป็นโลกนี้ไม่เที่ยง เป็นศิลปะญี่ปุ่นช่วงเอโดะเน้นบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของชนชั้นกลางไปจนถึงประวัติศาสตร์ เรื่องราวในราชสำนัก และศาสนา และวางขายในราคาที่ชนชั้นกลางสามารถจับต้องได้ ทั้งสองข้างจะมีจุดเด่นด้วยวงกลมสีแดงขนาดใหญ่แต้มสีทับ Swoosh สัญลักษณ์ของแบรนด์ Nike ตัวแทนของธงชาติญี่ปุ่น โดยรองเท้าข้างซ้ายมีลวดลายของเกลียวคลื่นแบบผลงานภาพพิมพ์แกะไม้คลื่นยักษ์นอกฝั่งคะนะงะวะของ คาสึชิกะ โฮะกุไซ ศิลปะชื่อก้องโลกแห่งศตวรรษที่ 19 แสดงถึงการบรรจบกันของศิลปะญี่ปุ่นและตะวันตกโดยทาง Simple Union และ Flying Hawk ก็ไม่ลืมภูเขาไฟฟูจิที่เป็นฉากหลังของผลงานมาไว้บนรองเท้าด้วยเช่นกัน ส่วนลวดลายทางด้านขวาถูกแต่งแต้มด้วยก้อนเมฆสุดคลาสสิกสีฟ้าสดใส มีทั้งสีน้ำเงินเข้มไปจนถึงสีฟ้าอ่อนที่อยู่บน Swoosh ส่วนด้านหน้าตรงบริเวณเชือกสร้างเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครด้วยศิลปะแบบญี่ปุ่นอันเลื่องชื่อ
ถือเป็นความอัฉริยะของทีมนักออกแบบ Nike ในการออกแบบและตั้งชื่อรองเท้าดีไซน์แปลกตา ที่ตั้งใจสร้างมาเพื่อฉลองให้กับวันกัญชาโลก 4/20 หรือวันที่ 20 เดือน 4 ด้วยการตั้งชื่อและออกแบบที่ twist ความหมายให้หลายคนงง แต่เป็นการส่งสัญญาณที่คนสายเขียวหัวใจกัญชาโลกรู้กันดี เพราะคำว่า ‘Walk The Dog’ ในที่นี้หมายถึงสายพันธุ์กัญชายอดฮิตในอเมริกา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังออกแบบมาให้ใส่เพื่อฉลองวันพาหมาไปเดินเล่นได้อีกด้วย ‘Walk The Dog’ เป็นกัญชาที่มีลักษณะเฉพาะคือช่อสีเขียว Olive มีขนสีส้มรอบ ๆ เป็นกัญชาที่เพาะขึ้นแบบ Indica-dominant (การผสมพันธุ์ระหว่างสายพันธุ์ Afghani Indica และ Mexican + Columbian Sativa) เป็นสายพันธุ์ที่ผสมได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายตัวสบายใจกำลังดี ดูดแล้วสามารถออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เต็มที่ไม่ว่าจะเป็นนั่งคุยกับพ่อแม่หรือพาหมาไปเดินเล่น ขายในต่างประเทศที่กรัมละ $10 – $11 จึงเป็นที่มาของชื่อสายพันธุ์นี้นั่นเอง อย่าพึ่งสับสนว่ากดเข้ามาอ่านผิดบทความหรือไม่ เราเพียงอธิบายเรื่องที่มาของชื่อรุ่นรองเท้าเพลินไปหน่อย กลับมาที่ Nike SB Dunk High ‘Walk The Dog’ ซึ่งไม่ได้บังเอิญชื่อตรงกัน