ลำพังแค่ Ferrari 275 ก็น่าตื่นเต้นมากอยู่แล้ว แต่คันนี้พิเศษยิ่งกว่า เพราะเป็นอดีต Supercar คู่ใจของพระเอกฉายา King of Cool “Steve McQueen” ผู้ชื่นชอบการขับรถแข่งเป็นชีวิตจิตใจ มีรถระดับ ultra-rare ในครอบครองหลายคัน ตั้งแต่ Jaguar XKSS ที่หลายคนน่าจะเคยเห็นรูปผ่านตามาบ้าง และ Ferrari อีก 4 คัน หนึ่งในนั้นคือ 275 GTS/4 NART Spiders chassis number 10621 แต่ประสบอุบัติเหตุรุนแรง จึงตัดสินใจสั่งรถคันใหม่ เป็นที่มาของ Ferrari 275 GTB/4 คันนี้ สิ่งที่ 1967 FERRARI 275 GTB/4 ของ Steve McQueen มีแตกต่างจากรถคันอื่นคือการย้ายของสองสิ่งจาก 275 GTS/4 NART Spiders มาติดตั้งในรถคันใหม่
อวดยนตรกรรมที่มาพร้อมนวัตกรรมระดับโลกในงาน เซี่ยงไฮ้ออโต้โชว์ 2023 กับ 3 ไฮไลท์ เริ่มตั้งแต่การเผยโฉมรูปลักษณ์จริงของ MG Cyberster โรดสเตอร์ไฟฟ้าเปิดประทุน 2 ที่นั่ง ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์สุดล้ำ และประตูแบบปีกนก ที่จ่อเตรียมผลิตเพื่อจำหน่าย ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย เปิดตำนานบทใหม่อย่าง MG7 สปอร์ตซีดานหรูระดับแฟล็กชิพเจ้าของสถิติ กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด จากบททดสอบสุดทรหดบนเส้นทางสายลาซาในทิเบตที่ระดับความสูง 5,978.17 เมตร และอีวีรุ่นฮิตอย่าง MG4 ELECTRIC ที่สามารถพิชิตรางวัลคุณภาพระดับโลก เผยภาพเคลื่อนไหวแรกของ MG Cyberster จากรถต้นแบบ สู่สายการผลิต จ่อเตรียมจำหน่าย เรียกได้ว่าเป็น หมัดเด็ดของบูธ เอ็มจี ก็ว่าได้ สำหรับภาพเวอร์ชั่นเตรียมจำหน่ายของ MG Cyberster รถโรดสเตอร์ไฟฟ้า เปิดประทุน 2 ที่นั่ง หลังนั่งแท่นการเป็นรถโกลบอลอีวีอีกรุ่นของ เอ็มจี ที่สะกดทุกสายตาด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเรียบหรูแต่ทรงพลัง มาพร้อมหลังคาซอฟต์ท็อปที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ประตูแบบปีกนก นับเป็นสถาปัตยกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบบใหม่ของเอ็มจีที่จะมาฉีกกฎการสร้างสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้าให้ล้ำสมัยไปอีกขั้น สำหรับโรดสเตอร์ไฟฟ้ารุ่นนี้ บริเวณกระจังหน้า และแผงกันชนหน้า ได้รับการออกแบบด้วยดีไซน์ “Wind Hunter” ในขณะที่รูปลักษณ์ของไฟหน้าถูกออกแบบให้ดูมีขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างความโดดเด่นให้กับ MG Cyberster เป็นอย่างยิ่ง และอีกหนึ่งองค์ประกอบด้านการออกแบบที่น่าสนใจ คือ เส้นด้านข้างของตัวรถบริเวณใต้กรอบกระจกที่มีดีไซน์แบบ “Leopard Jump Shoulder Line” มุ่งเน้นให้เห็นรูปร่างอันแข็งแกร่ง และทรวดทรงที่งดงามสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและช่วยให้รถมีศูนย์ถ่วงต่ำ ด้านท้ายของ MG Cyberster ถูกออกแบบในสไตล์ Kammback Design โดยท้ายจะมีลักษณะลาดตัดสั้น และส่วนโค้งด้านหลังตัวรถที่ยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายหางเป็ด (Duck Tail) ช่วยให้ด้านหลังของรถดูโดดเด่น ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ
2024 Lexus LM เปิดตัว generation ที่สองออกมาแบบ All-new ในงาน Auto Shanghai 2023 เปิดตัวมาแบบสุดหรูหรายิ่งกว่าเก่า สมกับชื่อโมเดล “Luxury Mover (LM)” 4 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก เก็บเงินซื้อรุ่นแรกยังไม่ทันครบ ก็มาถึงรุ่นที่สองกันแล้ว Generation ที่สองนี้ยังคงสร้างจากพื้นฐานของรุ่นปัจจุบัน มีขุมพลังให้เลือกสองแบบคือ 2.4-liter Hybrid turbocharged with eAxle และรุ่น 2.5-liter Hybrid E-Four เลือกได้ระหว่างระบบขับเคลื่อน All-wheel drive หรือ Front-wheel drive ดีไซน์ภาพนอกมีการใช้เส้นสายที่ดูมั่นใจ คมชัดขึ้นกว่ารุ่นแรกทั้งกระจังหน้า บานประตู และไฟท้าย มิติตัวถังเทียบกับรุ่นปัจจุบัน จะมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น พร้อมสร้างความสบายให้ท่านผู้บริหารทั้งเบาะนั่งและ head-area โดยตัวรถมีความยาวมากขึ้น 85 มิลลิเมตร ความกว้างเพิ่มขึ้น 40 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 10 มิลลิเมตร
BMW M1 ตำนานรถสปอร์ตคันแรกที่ติดสัญลักษณ์ M อย่างเป็นทางการตั้งแต่ยุค ’70s และใช้แพลตฟอร์มเครื่องยนต์วางกลางโมเดลแรกของค่ายใบพัดฟ้าขาว (mid-engine BMW คันที่สองคือ i8 plug-in hybrid sports car) ให้ประสิทธิภาพขับเคลื่อนที่ดีและมีการกระจายน้ำหนักที่ยอดเยี่ยม จากเดิมที่วางแผนจะพัฒนาร่วมกับ Lamborghini แต่เหมือนฟ้าลิขิตด้วยปัญหาบางอย่าง ทำให้ BMW นำ M1 กลับมาพัฒนาทั้งหมดแบบ in-house อีกครั้งในปี 1978 และในที่สุด M Division ก็สามารถสร้างรถที่มาทดแทน BMW 3.0 CSL race cars ได้สำเร็จ หลังจัดการปัญหาทั้งหมดเรียบร้อย BMW M1 เริ่มผลิตรถคันแรกได้ในปี 1979 เป็นการเน้นโชว์ไม่เน้นขาย ด้วยป้ายราคาที่สูงลิ่ว ทำให้ยอดขายของมันไม่ดีมากนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำคัญอะไร เพราะ M1 คือโปรเจคที่เกิดขึ้นในสนามแข่งอยู่แล้ว ดีไซน์ออกแบบโดย Giorgetto Giugiaro automotive designer ชื่อดังผู้เคยฝากผลงานระดับ
เปิดตัวโมเดลที่แรกกว่า XM ครั้งแรกของ BMW กับรหัสแรงพิเศษ “LABEL RED” กับตำแหน่ง “แรงที่สุด” เท่าที่ BMW production car เคยมีมา นับตั้งแต่ BMW เปิดตัว M standalone car ในร่าง XM ออกมา อาจจะทำให้หลายคนผิดหวังเล็ก ๆ แม้จะมีตัวเลข 644 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร แต่ความดิบอารมณ์สปอร์ตและความคล่องตัวช่างแตกต่างจาก M1 ที่ยิ่งใหญ่ในอดีตชนิดเทียบกันไม่ได้เลย ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจ BMW เพราะต้องยอมรับว่าวันนี้รถยนต์ SUV เป็นตลาดที่ขายดีสร้างรายได้มากกว่ารถสปอร์ตหลายเท่าตัว แต่ BMW ก็ไม่ปล่อยให้แฟน M ผิดหวังนานเกินไป ด้วยการเผยรหัสร้อนแรง XM LABEL RED อัพเกรดเครื่องยนต์ S68 ความจุ 4.4 ลิตร V8 twin-turbo
New Defender 75th Limited Edition (ดีเฟนเดอร์ 75 ปี ลิมิเต็ด อิดิชั่น ใหม่) การเฉลิมฉลองความสำเร็จครบรอบ 75 ปีของแลนด์โรเวอร์ด้วยรถยนต์รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นจำนวนจำกัดและมีเพียง 10 คันในประเทศไทย มาพร้อมสีภายนอกสุดพิเศษและการตกแต่งรายละเอียดที่ไม่เหมือนใคร ราคาจำหน่าย 7,599,000 บาท เมื่อปี 1948 รถยนต์ Series I ได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานอัมสเตอร์ดัมมอเตอร์โชว์ (Amsterdam Motor Show) และ Defender 75th Limited Edition ก็ถือเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75 ปีของแลนด์โรเวอร์ ด้วยการออกแบบภายนอกที่พิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ ครั้งแรกกับสีภายนอก Glasmill Green สุดโดดเด่น ซึ่งเป็นเฉดสีที่สงวนไว้สำหรับรุ่น 75th Limited Edition โดยเฉพาะ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วมาในสี Grasmere Green เช่นกัน พร้อมฝาปิดเซ็นเตอร์แคปที่เข้าชุด การตกแต่งภายนอกสมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยกราฟิกฉลอง
ครั้งแรกของ Ferrari 4 ประตู 4 ที่นั่ง ที่ดูคล้าย SUV มากที่สุดเท่าที่ Ferrari เคยมีมา เครื่องยนต์ NA 6.5 ลิตร V12 Dry Sump 725 แรงม้า 716 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ด้วยชุดเกียร์แยกอีกชุด ทำเวลา 0-100 km/h ได้ภายใน 3.3 วินาที และความเร็วสูงสุดทะลุ 300 km/h ชื่อรุ่น “Purosangue” เป็นภาษาอิตาลี หมายถึงสายพันธุ์ม้าแข่งที่โด่งดังซึ่งมีทั้งความเร็วและความแข็งแกร่ง ซึ่งแม้คนทั้งโลกจะเรียกมันว่ารถ SUV แต่ Ferrari ยังคงยืนยันว่า “นี่ไม่ใช่รถ SUV” เสียงแข็ง เพราะมันมีความสูงเพียง 62.6 นิ้ว เตี้ยกว่า Lamborghini Urus ถึง
ตั้งแต่เราเห็น C63 เปิดตัวด้วยเครื่อง 4 สูบ ก็เริ่มไม่แน่ใจว่ารุ่นใหญ่ตระกูล 63 จะถูกลดความจุเครื่องยนต์กันทั้งแผงเลยหรือไม่ แต่ S 63 คันนี้น่าจะทำให้ชาวแม่ยกเครื่องใหญ่ได้ยิ้มออกกันบ้าง แต่อาจจะต้องหุบยิ้มทันทีที่เห็นป้ายราคาขายในเยอรมนีราว 8 ล้านบาท ถ้า Benz ไทยนำเข้ามาขายน่าจะไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท Mercedes-AMG S 63 E เปิดตัวด้วยรุ่นพิเศษ Edition 1 ใช้เครื่องยนต์รหัส M177 4-liter twin-turbocharged V8 พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าประกบเพลาขับพลังพร้อม electronically-controlled limited-slip differential มีเกียร์ 2-speed ในตัว ทำงานคู่กับเกียร์ 9-speed torque converter พร้อม wet clutch ขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้พละกำลังรวมมากถึง 790 horsepower แรงบิดมหาศาลถึง 1430 Nm of torque
ก่อนหน้านี้เราได้ชวนทุกคนไปบอกลาขุมพลัง V12 ล้วนของ Lamborghini กันไปแล้ว และวันนี้เราก็ได้เปิดตัว DNA ใหม่ที่เพิ่มพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไปตามยุคสมัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายท่านทราบดีว่า Lamborghini มักจะตั้งชื่อรุ่นตามสายพันธุ์กระทิงที่น่าเกรงขาม แต่สำหรับ Revuelto น่าจะเป็นโมเดลแรกที่ฉีกแนว ไม่ได้ตั้งชื่อตามกระทิงในตำนานของสเปนเหมือนในอดีต ขุมพลัง V12 วางกลาง mid-engine ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคของ Miura ในช่วงปี ’60s วันนี้มาพร้อมเทคโนโลยี plug-in hybrid มอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว ให้กำลังรวมกันมากถึง 1,000 แรงม้า ทำความเร็ว 0-100 km/h ได้ใน 2.5 วินาทีเท่านั้น เร็วกว่า Aventador ถึง 0.3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 350 km/h มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวแรกประกบล้อซ้ายขวาควบคุมแรงบิดอย่างอิสระ ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าตัวที่สามถูกติดตั้งรวมอยู่ในชุดส่งกำลัง เกียร์ 8-speed dual-cluth automatic มีหน้าที่ส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลังโดยเฉพาะ แค่พิมพ์ก็ได้กลิ่นยางเบิร์นกันเลยทีเดียว ที่น่าสนใจคือ Lamborghini Revuelto
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยใฝ่ฝันที่จะมีรถยนต์ทรง Coupe’ สองประตูคันเท่ไว้ในครอบครองสักครั้ง ตัวผมเองกว่าจะเก็บเงินซื้อรถสองประตูได้ก็ตอนอายุเกินสามสิบปี เป็นจังหวะที่ต้องเจอโจทย์ยากขึ้นอีกเพราะมีภรรยาและลูกที่ต้องไปไหนไปกันในรถคันนี้ด้วย จึงจำเป็นต้องหารถ Coupe ที่ตอบโจทย์ ทั้งความแรง ฟิลลิ่งความสปอร์ตสำหรับคนขับ และความสบายของคนนั่ง จะเอาใจคนขับอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะห้องโดยสารที่แคบเกินไปจะทำให้การเดินทางไกลหมดสนุกทันที เพราะคนนั่งด้านหลังจะอึดอัดมาก แถมยังใส่ Car seat สำหรับเด็กไม่ได้ ดังนั้นหากเลือกรถคูเป้ไม่ตอบโจทย์ ฝืนใช้ไปไม่นานก็คงต้องตัดใจขายทิ้งแน่ จากโจทย์นี้ เทียบกันเฉพาะรถ Coupe ยอดฮิตใน segment เดียวกันจากเยอรมันอีกสองค่าย รถตัวถัง Coupe ที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการฟิลลิ่งการขับที่ออกไปทางสปอร์ตและผู้โดยสารนั่งได้สบายที่สุด คำตอบที่เราแนะนำก็คือ BMW 430i Coupe M Sport ฟิลลิ่งการขับ คือจุดเด่นที่สุดของ BMW 430i คันนี้ แค่สตาร์ทเครื่องยนต์ เสียงท่อก็ดังกระหึ่มกว่าคู่แข่ง ทุกรายละเอียดของรถคันนี้เน้นอารมณ์ความสปอร์ตตั้งแต่ดีไซน์ภายนอก กรอบกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อเข้าหากันเป็นชิ้นเดียว ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับ BMW 328 Coupe และ BMW 3.0 CSi ในอดีต กันชนหน้ามีช่อง Air