Silly Fools ชื่อนี้มีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่เสมอสำหรับวงการดนตรีเพลงร็อกในบ้านเรา โดยเฉพาะในยุคที่ “โต” ทำหน้าที่เป็นนักร้องนำ ซึ่งก็ได้สร้างเพลงฮิตเอาไว้มากมายไม่ว่าจะเป็น “คิดถึง”, “ไหนว่าจะไม่หลอกกัน”, “ขี้หึง”, “วัดใจ”, “น้ำลาย” เป็นต้น เพลงเหล่านี้เปิดที่ไหนรับรองว่าร้องตามกันได้อย่างแน่นอน ผลงานในยุคดังกล่าวมีการปรับซาวด์จูนเข้าหาตลาดมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทิ้งตัวตนของวง Silly Fools ออกไปแต่อย่างใด แต่ถ้าจะให้พูดถึงผลงานที่พวกเขาปล่อยของออกมามากที่สุด และประทับใจหมู่นักฟังเพลงมากที่สุด ผลงานนั้นกลับไม่ได้อยู่ในยุคของโต แต่มันอยู่ในยุคของ “เบนจามิน จุง ทัฟเนล (Benjamin Jung Tuffnell)” นักร้องนำชาวอเมริกัน เชื้อสายเกาหลี กับผลงานอัลบั้ม “The One” ที่หลายคนลงความเห็นตรงกันว่า “ซาวด์โคตรอินเตอร์แบบสุด ๆ!” “The One” เป็นผลงานที่ต่อยอดมาจาก EP.Mini วางจำหน่ายเมื่อปี 2007 บรรจุเอาไว้ทั้งหมด 4 เพลงด้วยกัน ได้แก่ “Stay Away”, “One Generation”, “I’ve Gone Blind” และ
การจะสร้างดนตรีให้กลายเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ในบางครั้งเราอาจจะไม่ต้องสร้างงานเพลงที่มันเหนือชั้นหรือยากจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันการสับคอร์ดกีตาร์ง่าย ๆ เพียงไม่กี่คอร์ดก็สามารถครองโลกได้เช่นกัน ซึ่งแนวดนตรีที่ว่านั้นก็คือ “พังก์” โดยเฉพาะในสาย “ป๊อปพังก์” ที่ฟังง่ายแต่สนุก ได้ทั้งมันส์ ได้ทั้งความไพเราะไปพร้อม ๆ กัน และหนึ่งในวงที่ปูแนวทางมายาวนานกว่า 30 ปี แถมยังเป็นอิทธิพลให้วงรุ่นน้องมากมายนับไม่ถ้วน คงหนีไม่พ้น Green Day วงทริโอ-ป๊อปพังก์ จากอีสต์ เบย์, รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ก่อตั้งวงมาตั้งแต่ปี 1987 และค่อย ๆ ไต่ระดับชื่อเสียงจนกลายเป็นวงระดับโลกอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน สิ่งที่ได้กล่าวมาสามารถยืนยันได้จากยอดสตรีมมิ่งต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ เรามาดูกันดีกว่ามีผลงานเพลงไหนของวง Green Day ที่มียอดเข้าชม MV เกินกว่า 100 ล้านวิวบ้าง “BOULEVARD OF BROKEN DREAMS” VIEWS = 662 M เพลงช้าสุดฮิตของวง Green Day ผลงานจากอัลบั้ม “American Idiot”
Manic Street Preachers คือวงดนตรีร็อกจากเวลส์ที่สร้างชื่อในช่วงยุค 90’s ปัจจุบันมีสมาชิกเหลือเพียง 3 คน ได้แก่ James Dean Bradfield, Nicky Wire และ Sean Moore พวกเขาสร้างตำนานจนเป็นที่พูดถึงไว้มากมาย โดยเฉพาะเหตุการณ์กรีดแขนเป็นคำว่า “4Real” ต่อหน้าสื่อมวลชนของ Richey Edwards อดีตมือกีตาร์ของวงที่ทำเอาแฟนเพลงทั่วโลกต้องตกตะลึงในความโหดของเขามาแล้ว รวมไปถึงการหายตัวไปอย่างลึกลับของเจ้าตัวเมื่อปี 1995 ก็กลายเป็นปริศนาที่ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้มาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเรื่องราวที่เกริ่นมาอาจจะดูไม่ค่อยโอเคซักเท่าไหร่ แต่ถ้ามองข้ามมันไปแล้วมาเจาะลงที่ตัวดนตรีจะพบว่า Manic Street Preachers สร้างผลงานเพลงล้นคุณภาพประดับวงการเพลงไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น “A Design For Life”, “If You Tolerate This Your Children Will Be Next”, “You Stolen The Sun From My Heart” รวมไปถึงเพลงที่เรากำลังจะพูดถึง “Motorcycle Emptiness” “Motorcycle
Bring Me The Horizon นี่คือชื่อวงร็อกแห่งยุคปัจจุบันที่จะให้บอกว่าพวกเขาคือวงระดับโลกก็กล้าเรียกได้เต็มปากอย่างแน่นอน พวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นฮีโร่และขวัญใจของผู้นิยมชมชอบดนตรีอันหนักหน่วงได้ทั่วโลก ทุกเพลง ทุกอัลบั้มต่างได้รับการตอบรับที่ยอดเยี่ยมอยู่เสมอ แต่เส้นทางการไต่ระดับไขว้คว้าความสำเร็จใช่ว่าจะมาจากโชคช่วย แต่มันมาจากการวางแผนของสมาชิกวงรวมไปถึงค่ายเพลงที่มีส่วนช่วยผลักดันให้อดีตวงเล็ก ๆ ในเมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ เติบโตขึ้นมากลายเป็นวงระดับโลกได้ตามที่เห็นในทุกวันนี้ ซึ่งมันก็มาพร้อมความท้าทายเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเลือกที่ปรับเปลี่ยนแนวดนตรีมาแทบจะทุกอัลบั้ม ถือเป็นโจทย์ที่โคตรเสี่ยงตายแบบหาตัวแสดงแทนไม่ได้ของจริง แล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ Bring Me The Horizon ฝ่าฝันอุปสรรคต่าง ๆ เหล่านั้นมาได้ ทาง Unlockmen จัดการถอดรหัสมาให้ดังนี้ ความเป็น ICONIC ของ OLIVER SYKES คำว่า “Iconic” ไม่ใช่ใครก็เป็นได้ แต่ Oliver Sykes นักร้องนำของวงสามารถทำได้สำเร็จตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปีเลยด้วยซ้ำ และมันมาจากความพยายามของตัวเขาเองแทบจะ 100% เริ่มแรกเลยความได้เปรียบของวง Bring Me The Horizon คือการมีฟรอนต์แมน (หรือนักร้องนำ) หน้าตาดี, มีความสามารถในการร้องเพลง, มีรอยสักที่โคตรเท่ถูกใจชาวร็อก, มีการแต่งตัวเข้ากับแฟชั่นทุกยุคทุกสมัย แถมยังรู้จักวิธีโปรโมตตัวเองด้วยแบรนด์สินค้าที่เขาสร้างมันขึ้นมาเอง ด้วยองค์ประกอบที่ครบแบบนี้มันจึงกลายเป็นแรงดึงดูดให้คนเลือกที่จะเข้ามาติดกับด้วยภาพลักษณ์ก่อนที่จะเข้ามารู้จักตัวเพลง
Blur คือหนึ่งในวงร็อกแห่งอาณาจักรบริตป๊อปที่รุ่งเรืองสุดขีดในช่วงยุค 90’s พวกเขาฝากผลงานไว้ทั้งหมด 8 อัลบั้มพร้อมด้วยเพลงฮิตติดหูผู้ฟังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Girls And Boys”, “Beetlebum”, “Coffee And Tv” และอีกหนึ่งเพลงที่แม้ไม่ใช่แฟนของวง Blur ก็ต่างรู้จักกันดี มันคือเพลง “Song 2” นั่นเอง “Song 2” เป็นเพลงที่รวมอยู่ในอัลบั้มที่มีชื่อเดียวกับวง ถูกปล่อยให้ฟังครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 เมษายน ปี 1997 หรือ 25 ปีที่ผ่านมา ตัวดนตรีแม้จะดูง่าย ๆ ไม่มีความซับซ้อนแต่ก็มีความโดดเด่นด้วยความมันส์กับซาวด์กีตาร์แตกสนั่น เสียงร้องยียวนกวนประสาท และมีความกระชับด้วยความยาวเพียง 2:02 นาที พร้อมด้วยการบิวด์ท่อนฮุคที่จดจำง่ายด้วยคำว่า “วู้ฮู้” เป็นตัวเลือกในการปลดปล่อยอารมณ์ความสนุกออกมาได้ดีมาก จนสุดท้ายมันได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงที่ประสบความสำเร็จของวง Blur แต่รู้หรือไม่จริง ๆ แล้วเราเกือบจะไม่ได้ฟังเพลง “Song 2” ในเวอร์ชั่นที่มันส์สะใจ เพราะจุดเริ่มต้นของเพลงนี้มันมาจากดนตรีที่บรรเลงด้วยอะคูสติคกีตาร์ที่มีคำร้องในท่อนคอรัสว่า “วู้ฮู้” แถมยังมาในรูปแบบเพลงช้าอีกต่างหาก แต่โชคดีที่ทาง Graham
หากจะพูดถึงเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ หลาย ๆ คนน่าจะนึกถึงสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่แท้จริงแล้วเมืองแห่งนี้ได้ผลิตศิลปินสุดเจ๋งมาประดับวงการดนตรีมากมาย และหลาย ๆ วงก็เข้าขั้นระดับตำนานไปแล้ว จนถึงขนาดมีการใช้คำจำกัดความวงดนตรีที่มาจากเมืองนี้ว่า “แมดเชสเตอร์ (Madchester)” Unlockmen ขอพาทุกคนไปท่องโลกของเสียงกีตาร์แตกพร่าและความเกรี้ยวกราดจาก 5 วงร็อกยุค 80’s และ 90’s สุดเจ๋งจากเมืองแมนเชสเตอร์ 1. OASIS ชื่อของ Oasis คงไม่มีใครไม่รู้จัก วงร็อกที่นำโดยสองพี่น้อง Gallagher ได้แก่ “Liam” และ “Noel” ผู้มีฝีปากกล้าแกร่งเกินจะจินตนาการ แต่ความปากดีของพวกเขาคงจะส่งให้วงโด่งดังจนก้าวข้ามมาเป็นระดับตำนานไม่ได้หากตัวดนตรีมันไม่เจ๋งพอ Oasis สร้างปรากฎการณ์มากมายให้กับวงการดนตรีบริตป๊อปในยุค 90’s ทันทีที่พวกเขาวางจำหน่ายอัลบั้มแรก “Definitely Maybe” (ปี 1994) ก็สามารถทุบสถิติอัลบั้มเดบิวต์ที่ขายได้รวดเร็วมากที่สุดในประเทศอังกฤษ รวมไปถึงการได้แสดงคอนเสิร์ต 2 วัน 2 คืน ที่ Knebworth ท่ามกลางคนดูรวมกันมากกว่า 250,000 คน