Vespa 946 Dragon Limited Edition เผยโฉมความเท่ต้อนรับศักราชใหม่ เฉลิมฉลองการเริ่มต้นของปีแห่งโชคลาภ และความมั่งคั่ง ผ่านการผสานนวัตกรรมและไลฟ์สไตล์จากอิตาลี เข้ากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามปฏิทินในจันทรคติของจีนอย่าง ‘มังกร’ ในปาร์ตี้เปิดตัว Vespa 946 Dragon ณ PMQ ศูนย์กลางศิลปะ และการออกแบบสุดล้ำ บนเกาะฮ่องกง พร้อมเสื้อแจ็คเก็ต Dragon Varsity Jacket สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา งานนี้เลือกใช้สีเขียวมรกตเฉดเดียวกับลายมังกรบน Vespa 946 Dragon เป็นธีมสีหลักของปาร์ตี้ เริ่มจากอุโมงค์นีออนบริเวณทางเข้าที่ได้รับการออกแบบประหนึ่งประตูมิติที่พาแขกทุกท่านเข้าสู่โลกของ Vespa โดยเมื่อผ่านเข้ามาจะพบพระเอกของงานอย่าง Vespa 946 Dragon อวดโฉมอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์สีเขียว ที่ตัดด้วยไฟนีออนสุดเท่ ภายใต้เสียงเพลงจากไลฟ์ดีเจสุดชิค DJ Xiaolin ผู้ทำหน้าที่คัดสรรบีทสนุก ๆ เติมเต็มช่วงเวลาอันแสนพิเศษตลอดค่ำคืน นอกจากนี้ในงานยังเต็มไปด้วยศิลปินและนักแสดงแถวหน้าของไทย และฮ่องกง มาร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งแต่ละคนต่างแชร์ DNA ในด้านสไตล์และจิตวิญญาณอิสระแบบ Vespa
“ผมว่า Lambretta มันเป็นรถที่เท่ และมีสีสันความสนุกอยู่ในตัวเอง ย้อนไปตั้งแต่แลมตัววินเทจที่มีเสน่ห์ในเรื่องของการใช้โทนสีจัดจ้านสนุกสนาน ทำให้สีของรถที่เด่น ๆ ในแต่ละรุ่นแต่ละปี มันถูกบันทึกอยู่ในความทรงจำของคนขี่แลม เป็นเหมือน Colors of Time เป็นสีสันที่ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน” นี่คือมุมมองที่มีต่อ Lambretta ของ ‘จเด็จ คาลายานนท์’ หรือที่หลายคนรู้จักเขาในชื่อ ‘JDED FEDFE’ ผู้ที่หลงใหลในรถแลมวินเทจ ด้วยเสน่ห์ของสีสันและงานดีไซน์ที่เท่จับใจ จนต้องหามาครอบครองเป็นของตัวเองสักคัน “รักแรกที่มีให้กับ Lambretta เป็นเรื่องของรูปลักษณ์และสีสันที่คลาสสิกโดนใจผมมาก พอได้มาเจอแลมสีม่วงคันนี้จอดอยู่หลังร้านของเพื่อน ก็คุยกันว่าอยากได้ เพื่อนเองก็จอดอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ใช้ เลยส่งต่อให้ในราคามิตรภาพ จากนั้นผมก็เอาไปทำต่อจนกลายเป็นรถที่ใช้จริงในชีวิตประจำวัน” “อย่างที่รู้กันสำหรับคนเล่นรถวินเทจว่าได้รถมาแล้วก็ต้องให้เวลา ใช้เวลาเรียนรู้กับมัน เพราะว่ารถพวกนี้มันจุกจิก ถ้าเจอปัญหาก็ต้องรีบคอยซ่อมรีบแก้ไขถ้าแบบปล่อยทิ้งไว้มันก็จะบานปลาย ต้องแบบค่อย ๆ เรียนรู้ไปกับมันครับ ใช้งานไปเรื่อย ๆ แล้วเราจะรู้จักมันเองมากขึ้นว่าเวลาเกิดปัญหาต่าง ๆ จะต้องรับมือยังไง และที่สำคัญคือต้องอินกับการดูแลรักษามันด้วยครับถึงจะมีความสุข เหมือนอย่าง Lambretta คันที่ผมใช้อยู่ก็ต้องใช้เวลาปรับแต่งกับมันพอสมควร กว่าจะกลายเป็นรถคู่ใจตั้งแต่ช่วงโควิดใหม่ ๆ ผมไปไหนไปกันกับคันม่วงนี้ตลอด ขี่เดินสายตัดผม
“ครั้งแรกที่ Lambretta ติดต่อมาโอ้รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเราเองเป็นคนที่ชอบสกู้ตเตอร์ สะสมแลมอยู่แล้ว การที่วันนึงมีโอกาสได้มาเป็นตัวแทนของ Lambretta มันเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายมากจริง ๆ” นี่คือความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ Lambretta ของ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ หนุ่มอารมณ์ดี เจ้าของดีกรีพระเอกพันล้าน ที่มีอีกด้านของชีวิตเป็นสาวกแลมตัวยง ชนิดที่ว่าเจาะเลือดออกมาตรวจดูก็จะเจอความเป็น #เลือดกรุ๊ปแลม ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกันเลยทีเดียว และวันนี้เราจะชวนชาว UNLOCKMEN ไปดูความเข้มข้นใน #เลือดกรุ๊ปแลม ของ ‘มาริโอ้’ ไปพร้อมกัน นับย้อนไปตั้งแต่วันที่ผู้ชายคนนี้เริ่มมีใจให้กับ Lambretta “จุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้มาเจอกับ Lambretta ต้องขอย้อนไปตั้งแต่วัยเด็กก่อน เพราะโอ้ถูกปลูกฝังความเป็นนักสะสมมาตั้งแต่เด็ก คุณพ่ออยากให้ลูกมีงานอดิเรก ก็เลยแนะนำให้ลองหาของสะสมดู เราก็เริ่มจากสะสมเหรียญเก่า ธนบัตรเก่าทั้งของไทย ของนอก ทำให้มีความเป็นคนชอบของวินเทจ พอโตมาหน่อยก็เริ่มสนใจในเสื้อผ้าวินเทจ ฟิกเกอร์ ของเล่นต่าง ๆ รวมถึงสกู้ตเตอร์เก่า แล้วพอมาเจอรุ่นพี่ขี่แลม 2 ก็เป็นเรื่องเลย รู้สึกว่าสวยจัง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากสะสม Lambretta ตั้งใจไว้ว่าถ้าหาเงินได้เมื่อไหร่จะต้องมีแลมเป็นของตัวเองให้ได้ จนสุดท้ายก็ได้แลม 2 มาเป็นคันแรกในครอบครอง โอ้ชอบความ
ย้อนไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 1939 และจบลงในปี 1945 ท่ามกลางชีวิตหลังสงครามเหลือไว้เพียงซากปรักหักพัง ได้มีนวัตกรรมหลายอย่างที่เกิดขึ้นจากช่วงเวลายากลำบากที่สุดของมวลมนุษยชาติ หลายสิ่งถูกคิดค้นขึ้นเพื่อฟื้นฟูความสะดวกในการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีและสิ่งของที่หลงเหลืออยู่ บางอย่างเกิดขึ้นและดับไป บางอย่างก็ได้กลายเป็น Culture ฝังรากลึกลงไปในวิถีชีวิตของมนุษย์ หนึ่งในนั้นคือ Lambretta แบรนด์ scooter สัญชาติ Italian จากเมือง Milan ที่มีอายุรวมมากถึง 75 ปี นับตั้งแต่ Lambretta เผยโฉมโมเดลแรกสุดในปี 1947 ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ Scooter ที่มีประวัติความยิ่งใหญ่สืบทอดมาอย่างยาวนาน มีโมเดลระดับ Iconic ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของ post-war Italian design และยังเป็นหมุดหมายบันทึกประวัติศาสตร์สำคัญของโลกแห่ง Scooter มากมายหลายรุ่น ก่อนจะพัฒนามาสู่ Lambretta รุ่นใหม่ ๆ ที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน วันนี้เราจะพาไปย้อนดูเรื่องราวในอดีตที่สำคัญตั้งแต่ก่อนจะมีคำว่า Lambretta ผ่าน timeline ของ Scooter รุ่นต่าง ๆ ที่น่าสนใจ
เมื่อสังคมเราเริ่มมีผู้สูงอายุมากขึ้น พาหนะสำหรับผู้สูงอายุในเมืองก็เป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้นเหมือนกัน ตอนนี้มีสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันหนึ่งที่น่าสนใจมาก เพราะมันมาพร้อมกับรูปลักษณ์อันแสนล้ำหน้า และสมรรถนะในการใช้งานที่ไม่ธรรมดา Toyota เปิดตัวสกูตเตอร์ไฟฟ้าสามล้อสุดเฟี้ยว C+walk T เพื่อเป็นพาหนะช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหว หรือ แรงงานสูงอายุที่ต้องการเคลื่อนที่ระหว่างสถานีทำงานขนาดใหญ่ต่าง ๆ เช่น โกดัง โรงงาน หรือ สถานีปลายทางสนามบิน เป็นต้น รถสกูตเตอร์สองล้อคันนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออน แบบถอดออกได้ ขนาด 10.8 แอมป์ / ชั่วโมง ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานให้กับรถทั้งคัน มันทำให้รถสามารถเดินทางได้ไกลถึง 14 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง และยังใช้เวลาชาร์จพลังงานแบตเตอรี่จาก 0 – 100% เพียงแค่ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น C+walk T สามารถเดินทางได้เร็วสุดถึง 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานในหลายพื้นที่ ผู้ใช้งานสามารถปรับความเร็วสูงสุดลงได้หลายระดับเหมือนกัน (ตั้งแต่ 6 – 2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) นอกจากดีไซน์ที่สวยงาม และระบบขับเคลื่อนที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติและคนสูงอายุแล้ว ตัวรถยังมีฟังก์ชันเฉพาะที่น่าสนใจอย่าง ‘ระบบหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง’ (obstacle
หากยังจำกันได้ดี ครั้งหนึ่ง UNLOCKMEN เคยนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจของวัฒนธรรม MODS วัฒนธรรมย่อยของชนชั้นกลางที่ถือกำเนิดขึ้นในประเทศอังกฤษไปแล้ว มาในครั้งนี้เราได้รับโอกาสพิเศษให้เข้าไปใกล้ชิดกับกลุ่มชาว MODS อีกครา และทันทีที่ได้ยินประโยคเชิญชวนเราก็ไม่ลังเลที่จะตอบรับไปในทันที ซึ่งงาน Thailand MODS Mayday : scooter run vol. 3 คือการรวมตัวกันของชาว MODS ในประเทศไทย กลุ่มคนที่สานต่อวัฒนธรรม Mods ผู้มีความขบถ แหกคอก ใช้สกู๊ตเตอร์คลาสสิกเป็นยานพาหนะและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กลุ่ม MODS หลัก ๆ ที่รวมกันเป็น Thailand MODS Mayday นั้นประกอบไปด้วย SoulScooterClub, Lammania, ModsMorShit, 30UP การประดับกระจกเยอะๆ และแขวนไฟหลายดวงนั้นมีที่มาจากการประชดกฏหมายของอังกฤษในยุคนั้น (60s) ที่ออกมาบังคับให้รถจักรยานยนต์ทุกคนต้องมีกระจกอย่างน้อย 1 อัน ทั้งที่ความจริงแล้วรถมอเตอร์ไซต์ Vespa และ Lambretta ในยุคนั้นมันเกิดมาโดยไม่มีกระจกมองหลังหรือแม้กระทั่งไฟเลี้ยว สิ่งที่แตกต่างจากยานพาหนะทั่วไปทำให้รถสกู๊ตเตอร์กลายมาเป็น
เมื่อผังเมือง ทางเดินเท้า จวบจนถนนหนทางของเมืองใหญ่ออกแบบมาให้เป็นสัดส่วนและรองรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่มากขึ้น ก็ทำให้ผู้คนนิยมขับขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในเมืองขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากจะเป็นยานพาหนะที่เอื้อประโยชน์ต่อการเดินทางในชีวิตประจำวัน สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ายังไม่ปล่อยมลพิษไปทำลายชั้นบรรยากาศเหมือนกับยานพาหนะประเภทอื่น ๆ อีกด้วย ไม่กี่วันมานี้เราเพิ่งเห็นการเปิดตัวของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสุดเจ๋ง ‘Dragonfly Hyper Scooter’ พัฒนาโดย D-Fly Group บริษัทขนส่งในกรุงลอนดอน สกู๊ตเตอร์คันนี้ไม่เพียงได้รับสมญานามว่าเป็น “Hyper Scooter คันแรกของโลก” แต่ยังมาพร้อมพลังขับเคลื่อนจากเครื่องจักรกลอัจฉริยะ ห่อหุ้มด้วยวัสดุพรีเมียมที่แข็งแรงทนทาน ทั้งคาร์บอนไฟเบอร์ ตัวถังอลูมิเนียมเกรดเดียวกับยานอวกาศ หรือแม้แต่ไม้พาโลเนียเสริมใยคาร์บอน รูปลักษณ์ของสกู๊ตเตอร์ดีไซน์มาเป็นทรงเหลี่ยมที่ดูโฉบเฉี่ยวและมั่นคง ตัวคันบังคับออกแบบมาให้คล้ายกับรถเข็นและดูไม่ซ้ำใคร นอกจากจะหมุนแฮนด์ได้แบบรถมอเตอร์ไซค์แล้ว ยังใช้เทคโนโลยีการบังคับเลี้ยวแบบ Full-Tilt ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง Formula 1 ช่วยปรับปรุงรัศมีการเลี้ยวและขับขี่ผ่านโค้งหักศอกได้อย่างราบรื่น Dragonfly Hyper Scooter มีวางจำหน่ายทั้งหมดสองรุ่น คือรุ่น 3 ล้อ และรุ่น 4 ล้อ โดยในรุ่น 4 ล้อจะใช้ระบบช่วงล่างแบบปีกนกคู่ ที่ทำให้รัศมีวงเลี้ยวแคบลงและช่วยให้การควบคุมรถแม่นยำยิ่งขึ้น Dragonfly Hyper Scooter ทำงานด้วยมอเตอร์ Dual-powertrain ที่ให้กำลังส่ง