ถึงแม้จะมีต้นกำเนิดมาจากซีกโลกตะวันตก แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ ‘สเต็ก’ ได้กลายเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของบ้านเราไปแล้ว มี Steak House เกิดขึ้นมากมายจนสามารถหารับประทานได้ง่าย ๆ ไม่ต่างจากอาหารไทย ไล่เรียงตั้งแต่สเต็กราคาประหยัดที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ไปจนถึงสเต็ก ‘High-End’ ที่หนึ่งชิ้นราคาอาจสูงถึง 5 หรือ 6 หลักเลยทีเดียว เราคิดว่าน่าจะมีหนุ่ม ๆ ไม่น้อยที่ชื่นชอบเจ้าอาหารชนิดนี้ เราเองก็เช่นกัน เพราะถึงแม้สเต็กจะมีหน้าตาเรียบง่าย แต่แท้จริงแล้วมันคือศาสตร์อย่างหนึ่งที่ซับซ้อน มีปัจจัยมากมายไม่ว่าจะเป็นประเภทของเนื้อ, วิธีการหมัก, วิธีการย่าง, หรือแม้กระทั่งการใช้ความร้อน ด้วยเหตุนี้ UNLOCKMEN จึงขอแนะนำ 5 ร้านสเต็กที่เราชื่นชอบ มาเอาใจหนุ่ม ๆ สายเนื้อโดยเฉพาะ Neil’s Tavern ร้านสเต็กเก่าแก่ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1969 ซึ่งแน่นอนว่าด้วยประสบการณ์กว่า 50 ปีจึงทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งใน Steak House ที่เหล่า Steak Lover ต้องหาโอกาสมาลิ้มลองให้ได้สักครั้ง ตามชื่อ Neil’s Tavern การตกแต่งของที่นี่ให้บรรยากาศเหมือนหลุดไปอยู่ในโรงเตี๊ยมสักแห่งในยุโรป เป็นความรู้สึกที่ทั้งเคร่งขรึมและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน Why I Love
เราคือหนึ่งคนที่หลงใหล ‘เนื้อ’ แบบสุดลิ่มทิ่มประตู (หมายถึงเนื้อสำหรับกินนะ ไม่ใช่สำหรับสูบ) ไม่ว่าจะเมนูอะไรก็ต้องเนื้อไว้ก่อน กระเพราเนื้อ, ก๊วยเตี๋ยวเนื้อ, ผัดพริกแกงเนื้อ, แกงกะหรี่เนื้อ และอีกสารพัดเนื้อ ได้ยินว่ามีเนื้ออร่อยที่ไหนต้องตามไปกิน เป็น Beef Lover โดยแท้จริง สำหรับเราเนื้อที่ดีไม่จำเป็นต้องมาแค่ในรูปแบบสเต็กเท่านั้น วันนี้เราจึงจะมาแนะนำ ‘5 ร้านเนื้อ’ หลากหลายประเภท ที่ขอเอาเกียรติของคนรักเนื้อเป็นประกัน! Tora Tora อีกหนึ่งร้านที่มาแรงไม่น้อยหน้าคือ Tora Tora Japanese Kitchen ร้านเนื้อรสเลิศที่ตั้งอยู่ในย่านสะพานควาย ลึกเข้าไปในประดิพัทธ์ซอย 6 เราเชื่อว่าทุกคนต้องเคยเห็นข้าวหน้าเนื้อของร้านนี้บน Instagram ของใครสักคนแน่นอน ตัวร้านก็เรียบง่ายตามสไตล์ Modern Loft Style โดยดัดแปลงมาจากตึกแถว ทำให้ผู้มาเยือนไม่รู้สึกเกร็งหรือประหม่า ในส่วนของอาหารที่นี่ย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะเจ้าของร้านนี้คือเชฟดีกรี Le cordon bleu จากประเทศออสเตรเลีย โดยแนวคิดการสร้างสรรค์อาหารของเขาคือการเลือกเนื้อคุณภาพเยี่ยมในประเทศไทย นำมาปรุงรสในสไตล์ยุโรป และตกแต่งให้หน้าตาอาหารออกมาเป็นสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึง แค่ดูเฉย ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความฉ่ำแล้ว Location: ประดิพัทธ์ 6 เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร Open: 12.00
บ่ายวันหนึ่งที่อากาศร้อน เรามีโอกาสได้เดินทางไปที่ย่านแบริ่ง ซึ่งเป็นย่านที่ค่อนข้างห่างไกลจากรูทีนประจำวันของเราพอสมควร จุดหมายปลายทางคือคาเฟ่แห่งหนึ่งที่มีคอนเซ็ปต์น่าสนใจ และเป็นร้านที่เจ้าของบอกว่าจะสวยที่สุดในวันที่แดดออกเต็มที่ ชื่อของร้านนี้คือ ‘Black Forest’ คอนเซ็ปต์ของร้านนี้ก็ตามชื่อเลย Black Forest หรือที่เรียกันว่าป่าดำ คือชื่อของป่าแห่งหนึ่งทางตอนใต้ฝั่งตะวันตกของประเทศเยอรมนีติดกับชายแดนฝรั่งเศส เป็นป่าสนขนาดใหญ่ส่วนที่มาของชื่อป่าดำเนื่องจากป่าแห่งนี้ถ้ามองจากมุมสูงจะเห็นเป็นสีดำเนื่องจากความหนาแน่นของต้นสนที่ปกคลุมกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ด้วยความสวยงามนี้ทางเจ้าของจึงยกมาเป็นคอนเซ็ปต์หลักของร้าน Black Forest เมื่อมองจากภายนอกเป็นคาเฟ่ที่เท่ไม่หยอก ตัวร้านมีสีดำสนิท โดดเด่นด้วยเส้นโลหะมากมายที่พาดตัดกันไปมาเป็นลวดลายที่ดูดิบ ๆ ไร้การปรุงแต่ง และเมื่อเราเข้าไปในร้านก็เป็นจริงอย่างที่ทางเจ้าของร้านบอก แสงแดดในตอนบ่ายสาดส่องลงมากระทบกับโลหะเกิดเป็นเงาทอดลงมาบนพื้น ทำให้คนที่อยู่ในร้านรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกำลังนั่งอยู่ใต้ร่มเงาต้นสนแห่งป่าดำ แต่ไม่ใช่แค่สไตล์และคอนเซ็ปต์ร้านเท่านั้นที่น่าสนใจ เรื่องอาหารของที่นี่ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลย ด้วยความที่เดินทางมาไกล ท้องก็ยังไม่มีอะไรหล่นไปถึงเลยตั้งแต่เช้า เราจึงไม่รอช้าบอกกับเจ้าของร้านให้จัดชุดใหญ่มาให้เลย เริ่มที่จานแรกกับ Jaeger สเต็กเนื้อนุ่มลิ้นโรยด้วยใบโรสแมรี่สับละเอียด ทำให้ตอนที่กำลังลิ้มรสอยู่ในปาก นอกจากความนุ่มและหวานตามธรรมชาติของเนื้อแล้วยังจะได้หอมกลิ่นเครื่องเทศบาง ๆ อีกด้วย เป็นการผสมผสานที่ค่อนข้างลงตัว ส่วนมันบดที่เสิร์ฟมาเป็นเครื่องเคียงก็อร่อยตามมาตรฐานเครื่องเคียงที่ดี ไม่ใช่เรายังไม่อิ่ม จริง ๆ แค่ Jaeger จานเดียวก็อยู่ท้องแล้ว เพียงแต่ว่าช่างภาพที่มาด้วยกันเป็นคนไม่ทานเนื้อ เราจึงสั่ง ‘Black Bacon’ ซึ่งจานนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเดียวกัน เส้นสปาเก็ตตี้สีดำผัดคลุกเคล้ากับกระเทียมและพริก เพิ่มความอร่อยอีกขั้นด้วยเบคอน สรุปสั้น ๆ ว่าเด็ด! หมดไป 2
พูดได้เลยว่าพวกเราทุกคนล้วนต้องทำงาน ไม่ว่าจะในฐานะพนักงานบริษัท หรือ Freelance ก็ย่อมมี working hour ที่ยาวนาน มีการทำงานที่หนักหน่วงไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือความเหนื่อยล้า และความเครียดที่แอบสะสมอยู่ในอารมณ์อย่างไม่รู้ตัว ซึ่งคำแนะนำทั้งทางจิตวิทยา และทางการแพทย์ ต่างบอกตรงกันว่าพวกเราควรออกไปหากิจกรรมบันเทิงใจทำหลังเลิกงาน ให้ร่างกายได้พักผ่อนบ้าง สิ่งที่จะช่วยเคลียร์หัวให้โล่งอย่างได้ผลดีนั้นมีหลายอย่าง แต่สิ่งที่ตอบโจทย์ได้ง่าย มีครบทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และประโยชน์ต่อร่างกาย ก็คือการได้ไปนั่งทานอาหารกับเพื่อนสนิท กับเพื่อนร่วมงาน เพื่อสร้างความมันส์และบรรยากาศการทำงานที่ดียิ่งขึ้น ในร้านอาหารที่เราเลือกมาให้แล้วว่า มีวิวสวยงามสำหรับสายตา มีบรรยากาศที่ดีช่วยผ่อนคลาย และมีรสชาติอาหารที่ดีงามจนน้ำตาไหล เพื่อเปลี่ยนเวลาหลังเลิกงานที่เคยธรรมดา ให้กลายเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย ชาร์จพลังให้พร้อมเริ่มวันใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความมันส์ให้เต็มที่ยิ่งขึ้น เราแนะนำให้ไปด้วยกันคันเดียวแบบ Car Pool จะดีกว่า โดยเฉพาะรถยนต์ที่กว้างขวางแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง วันนี้เราจะพานั่งรถยนต์ CHEVROLET TRAILBLAZER Z71 ที่กว้างขวางนั่งสบาย พาเพื่อนไปผ่อนคลายได้ครบทุกคน นอกจากได้คุยบิ้วบรรยากาศตั้งแต่ในรถด้วยกัน ยังช่วยลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนน ลดการใช้น้ำมัน เป็นการรักษ์โลกไปในตัว NEW